ตอนที่ 5.2

1857 Words
      ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ “ช้าชะมัด” ร่างสูงชะลูดอย่างนางแบบสวมแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าถอดแว่นกันแดดราคาแพงออก ถลึงดวงตากลมสวยใส่ชายหนุ่มตรงหน้า “แท็กซี่ก็มี ถ้าขี้เกียจรอทำไมไม่นั่งกลับ” “ก็ฉันอยากให้นายมารับ นี่...จะช่วยถือกระเป๋าหน่อยไม่ได้หรือไง” ปีใหม่ลากเท้าตามร่างสูงที่เดินออกไปอย่างปุบปับแบบตั้งตัวไม่ทัน ตะโกนโวยวายเสียงแว้ดๆ ด้านหลังของคลื่น คลื่นหันกลับไปมองด้วยสายตาเบื่อหน่าย มองกระเป๋าที่อีกฝ่ายกำลังลากอยู่ก่อนสบถลมหายใจออกมา เดินเข้าไปฉวยกระเป๋าในมือเธอมาถือแล้วลากออกไปทันที หนึ่งชั่วโมงต่อมา.... “ถึงแล้วลงไปสิ” คลื่นไล่สาวสวยที่เบาะข้างๆ อย่างเย็นชา รถยนต์คันหรูจอดชะลอหน้าประตูบ้านหลังใหญ่ที่แค่มองประเมินด้วยสายตาแล้วมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท “นี่นายหงุดหงิดอะไรฉันหรือเปล่าเนี่ย” ปีใหม่มองใบหน้าบึ้งตึงด้านข้างของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ตลอดทางบนรถเขาไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ มีแต่เธอที่บ้าพูดอยู่คนเดียว คลื่นยังคงเงียบ สายตาเขาเพ่งมองไปด้านหน้าเหมือนว่าเธอไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ แต่ปีใหม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรอให้เธอลงจากรถอย่างใจจดใจจ่อ ยังเคืองเรื่องเมื่อตอนนั้นอยู่สินะ เป็นเด็กน้อยไม่รู้จักโตหรือไง เธอมองใบหน้าคู่หมั้นอย่างพินิจพิเคราะห์แบบจริงจังเป็นครั้งแรก คลื่นเปลี่ยนไปมากเธอยอมรับ เมื่อก่อนเขาเป็นหัวกะทิของห้อง สวมแว่น เป็นผู้ชายที่มองแล้วมีบุคลิกน่ารักน่าค้นหา แต่ดูตอนนี้สิ แว่นที่เคยบดบังสายตาทรงเสน่ห์นั่นหายไปแล้ว เรียวหน้าที่คมคายขึ้นและท่าทางดุดันหนักแน่นนั่นทำหัวใจหญิงสาวสั่นระรัวเมื่อจินตนาการถึงฉากเร่าร้อนบนเตียง คงจะเร้าใจน่าดูชมเลยล่ะ ไม่ยอมพูดกับเธอใช่มั้ย ได้.... เดี๋ยวจะช่วยรำลึกความหลังเอง ร่างบางยืดตัวข้ามคอนโซลไปจับใบหน้าตั้งตรงของคลื่นให้หันมาหาตนแล้วประกบริมฝีปากจูบเขาทันที “....!!!” คลื่นเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ร่างสูงชะงักงันไปชั่วขณะ เรียวปากนุ่มนิ่มของปีใหม่ทำเขาเคลิ้มได้เหมือนกันแต่มันก็แค่นั้น ต่อให้เธอจูบเก่งหรือช่ำชองมากแค่ไหนมันก็ไม่ช่วยให้เขาตื่นเต้นขึ้นมาเลย “โทษที ฉันไม่มีอารมณ์” เขาผลักไหล่บางออกห่าง “อะไรกัน” ปีใหม่มองคลื่นด้วยสีหน้าขัดใจ รู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่โดนชายหนุ่มปฏิเสธซึ่งๆ หน้า ทั้งที่ตอนอยู่ต่างประเทศเธอทั้งฮอตและแซ่บเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ทั้งเมือง แต่กลับมาโดนคู่หมั้นที่อยู่เมืองไทยบอกปัดอย่างไม่แยแส ฮึ่ย! นึกแล้วก็แทบปี๊ดแต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน สีหน้าที่เหมือนกำลังจะพ่นไฟกลับแต้มรอยยิ้มยียวนขึ้นมาแทน “หรือว่านายประหม่า” “ฉันจะประหม่าทำไม” “ก็เพราะว่าฉันเป็นครั้งแรกของนายไง ตอนนั้นที่ฉันจูบนาย นายก็บ่ายเบี่ยงแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วตอนที่เรานอนด้วยกันนายก็เอาแต่นอนเกร็งเป็นฉันที่ทำให้ซะส่วนใหญ่ อยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้เวลาอยู่บนเตียงนายยังนิ่งเหมือนเดิมหรือเปล่า” เรียวนิ้วยาวจิ้มที่กลางอกกว้างกดลากลงไปถึงหัวกางเกงอย่างเย้ายวน คลื่นมองตามนิ้วนั่นลงไปด้วยสายตาเรียบสนิท ไม่มีอารมณ์ใดๆ ฉายอยู่บนใบหน้า ปีใหม่เห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกหมดสนุกขึ้นมาทันที “นายเกลียดฉันมากหรือไง” “ลงไปได้แล้ว ฉันมีธุระต่อ” “จิ๊!” ปีใหม่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขากลับไล่เธออย่างไม่ไว้หน้า เธอเองก็เหน็ดเหนื่อยจากการนั่งเครื่องมาจึงไม่มีพลังจะโต้เถียง ทำเสียงฮึดฮัดขัดใจในลำคอก่อนเปิดประตูลงจากรถ สะพายกระเป๋าใบเล็กเดินเข้าบ้านไปด้วยท่าทางเหวี่ยงๆ ปล่อยให้คนรับใช้ลากกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของอย่างอื่นตามหลังไป คลื่นถอยรถออกจากบ้านคู่หมั้นทันทีที่หมดเรื่องหมดราว เขายกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัวระหว่างกำลังขับรถ จูบของปีใหม่... เขาพยายามนึกถึงความรู้สึกหอมหวานที่เคยสัมผัส ความตื่นเต้น และความสุขที่ได้แตะต้องเธอเมื่อก่อน ตอนนี้เขาสัมผัสถึงมันไม่ได้เลย ทุกอย่างกลายเป็นอดีตไปแล้วจริงๆ เช้านี้คลื่นมีเรียน เขาขี้เกียจขับรถกลับคอนโด เสื้อนักศึกษากับหนังสือเรียนก็อยู่หลังรถหมดแล้ว ตั้งใจว่าจะมาของีบกับเพื่อนที่อยู่หอใกล้ๆ มหาวิทยาลัยสักหน่อย แล้วจู่ๆ เขาก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา เหมย.... ว่าแล้วก็รีบหักรถเลี้ยวเข้าไปในซอยทันที ช่วงเวลาตีสี่กว่าๆ อากาศนอกรถเย็นสบาย คลื่นจอดรถใกล้กับหอพัก เปิดประตูลงไปพร้อมๆ กับที่ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายดังขึ้น                           : เหมย : ก่อนหน้านั้นไม่นาน.... “ที่นี่ยุงเยอะเนอะ” พี่แทนตบแขนตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วฉันก็จำไม่ได้ เขายอมเสียสละเสื้อคลุมให้ฉันใส่เพื่อที่ยุงจะได้ไม่กัดฉัน น่ารักจริงจัง “เหมยว่าพี่แทนกลับไปก่อนเถอะค่ะ” “พี่เป็นห่วง จะปล่อยเหมยไว้คนเดียวได้ยังไง นี่ก็ยืนรอมาตั้งยี่สิบนาทีแล้วยังไม่มีใครผ่านมาเลย” ที่เขาว่ามามันก็จริง ยืนรอจนขาแข็งแล้วเนี่ย ระหว่างรอฉันยืมโทรศัพท์พี่แทนโทรหาเลโอด้วย โชคดีที่หมอนั่นรับสายสักที โชคดีอีกชั้นที่เขาเก็บกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ของฉันเอาไว้และกำลังขับรถเอาของมาให้ฉันที่นี่ บอกพี่แทนเรื่องเลโอแล้วแต่เขาก็ยังยืนกรานจะอยู่เป็นเพื่อนฉันจนกว่าฉันจะขึ้นห้องอย่างปลอดภัย โอ๊ย ใจดีไปอีก แต่ท่าทางวันนี้โชคร้ายของฉันจะยังไม่หมด ตลอดเวลาที่อยู่กับพี่แทน ฉันไม่สังเกตเลยว่าที่ระเบียงหอพักตึกตรงข้ามมีใครสักคนกำลังจับตามองเราทั้งคู่อยู่ ฉันกับพี่แทนยืนคุยกันอยู่ดีๆ ร่างพี่แทนก็ถูกกระชากไปด้านหลังพร้อมกับเสียงตวาดลั่น “พี่แทน!” “น้ำอิง!” ใบหน้าหล่อเข้มฉายแววตื่นตระหนกเมื่อสบสายตาเข้ากับสีหน้า เกรี้ยวกราดของยัยนั่น หัวใจฉันกระตุกไหว มองการปรากฏตัวของแฟนพี่แทนอย่างคาดไม่ถึง “น้ำอิง...” ยัยนั่นรู้ได้ยังไงว่าพี่แทนอยู่ที่นี่กับฉัน ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไร ดวงตาอาฆาตแค้นของน้ำอิงก็ตวัดมามอง ยอมรับว่าฉันเผลอกลั้นหายใจไปแวบหนึ่ง “พี่หนีอิงมาอยู่กับนังนี่เหรอพี่แทนพี่ทำแบบนี้ได้ยังไง!” “ไม่อิงฟังพี่ก่อน” “ฟังอะไรล่ะคะ ถ้าเพื่อนอิงไม่โทรมาบอกอิงก็คงจะโง่เป็นควายเชื่อทุกคำพูดที่พี่บอก พี่โกหกอิง! แกนังหน้าด้านรู้ทั้งรู้ว่าพี่แทนเป็นของฉันก็ยังจะมายุ่งอีก” “เฮ้อิง! หยุดนะอิง” ยัยน้ำอิงถลาเข้ามากระชากแขนฉันอย่างโมโห นี่ถ้าพี่แทนไม่รั้งตัวยัยนั่นเอาไว้ป่านนี้คงได้ลงไม้ลงมือกันแล้ว ฉันสะบัดแขนหลุดจากมือยัยนั่นแทบจะทันที ถอยห่างออกมาสองสามก้าว แล้วก็เหลือบไปเห็นเพื่อนยัยน้ำอิงสองคนวิ่งออกมาจากตึกฝั่งตรงข้าม พวกเธอเองสินะ เพิ่งรู้เหมือนกันว่ายัยนี่มีเพื่อนอยู่แถวนี้ “พี่แทนปล่อยอิง! อิงจะตบหน้าหนาๆ ของมัน มันจะได้รู้สึกตัวว่าไม่ควรมายุ่งกับของของคนอื่น” “เอาเลยมั้ยอิง พวกฉันช่วย” แขนฉันโดนยัยสองตัวนั่นล็อกเอาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว “เฮ้! พวกเธอทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ” ฉันสะบัดสุดแรงแต่ยัยสองตัวนั่นก็ไม่ยอมหลุด ยัยน้ำอิงตรงเข้ามาเหวี่ยงฝ่ามือใส่หน้าฉันเต็มๆ เพียะ! แก้มฉันหันขวับ รู้สึกชาไปทั้งแถบ มึนๆ งงๆ อย่างบอกไม่ถูกแต่รู้ว่าโดนตบไปแล้ว กว่าฉันจะได้สติและหันกลับมาจ้องหน้ายัยนั่นเส้นผมก็โดนกระชากอย่างรุนแรง น้ำอิงจ้องฉันด้วยสายตาเลือดเย็น “พี่แทนเป็นของฉันจำไว้ แรดๆ อย่างเธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นคลายเหงาของเขาเท่านั้นแหละ” ของเล่นคลายเหงาเหรอ ก็อาจจะใช่... ฉันแค่นยิ้มหยัน “ถ้าของจริงมันสนุกพี่แทนก็คงไม่สนใจของเล่นหรอก วันนี้พี่แทนอาจจะเลือกเธอแต่ต่อไปเขาอาจจะเลือกฉันก็ได้ใครจะรู้” “กรี๊ดยัยเหมย! นังสารเลว อีร่าน แกคิดจะแย่งพี่แทนไปจากฉันใช่มั้ย” เพียะ! พลั่ก! ตุบ! ยัยน้ำอิงสติหลุด เหวี่ยงมือเหวี่ยงไม้ใส่ฉันรัวๆ เสียงดังตุบตับ ฉันทั้งเจ็บทั้งแสบได้ยินเสียงพี่แทนร้องห้ามแต่น้ำอิงไม่ยอมฟัง ฉันพยายามขัดขืน ดิ้นแรงๆ เพื่อให้หลุดจากการจับกุมแต่แขนกลับโดนล็อกแน่น ยัยพวกนั้นบิดแขนฉันด้วย เจ็บเหมือนแขนจะหัก ให้ตายสิ นี่ถ้าไม่รู้ว่าน้ำอิงท้องฉันจะถีบให้แรงๆ เลย “คุณหนู! หยุดนะ พวกเธอทำบ้าอะไรกัน!” เลโอพรวดพราดเข้ามากันฉันออกจากน้ำอิงก่อนที่ฉันจะเละไปมากกว่านี้ หมอนั่นรั้งร่างฉันเข้าไปกอดไว้แนบอก พร้อมกับผลักยัยสองตัวนั่นจนกระเด็นไปหลายก้าว จ้องมองทุกคนด้วยสายตาเย็นยะเยือก “แทน!” เลโอเอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกมา พี่แทนล็อกแขนยัยน้ำอิงเอาไว้แน่น ยัยนั่นยังฟึดฟัดแยกเขี้ยวขู่ใส่ฉันฟ่อๆ “ปล่อยอิงนะพี่แทน!” “พอได้แล้วอิง! แค่นี้เหมยก็เจ็บมากแล้วนะ” “อิงจะตบมัน ปล่อย!!” “ฉันว่านายรีบพาผู้หญิงของนายกลับไปดีกว่าแทน” “เลโอ” “แกไอ้ลิ่วล้อไม่ต้องมายุ่ง!” น้ำอิงขึ้นเสียงใส่เลโออย่างไม่เกรงกลัว “แทน!” เลโอชำเลืองมองท่าทางอันธพาลของน้ำอิงก่อนหันไปส่งสายตากดดันพี่แทน “เหมยพี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย น้ำอิงกลับ!” “ไม่! โอ๊ยนี่อิงเจ็บนะ แล้วพี่จะไปขอโทษมันทำไม มันสมควรโดนยิ่งกว่านี้อีก” พี่แทนขอโทษฉันอย่างรู้สึกผิดก่อนจะลากยัยน้ำอิงออกไป “ใครอยากมีเรื่องอีก ต่อให้เป็นผู้หญิงฉันก็ไม่ละเว้น” เลโอกวาดสายตาเลือดเย็นไปทางยัยสองคนนั่นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม พวกนั้นสะดุ้งเฮือกรีบหนีไปทันที      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD