บทที่ 2 รับข้าไว้ด้วยเถอะ

1101 Words
จู่ๆ นางก็น้ำตาไหลพรากก้มหน้าลงสะอึกสะอื้น “ฮือๆ ฮือๆ ท่านมือปราบ! ข้า...ข้าน้อย...ไม่อยากไปโรงหมอแล้ว!” “เดี๋ยวแม่นาง! ข้ามิใช่มือปราบ ข้าเป็นองครักษ์ โปรดเรียกให้ถูกด้วย” “อะ...อ้อ! ข้าน้อยเรียกผิดเอง ฮือๆ ท่านองครักษ์ ท่านได้โปรดเมตตาข้าน้อยด้วยเถิด ข้าน้อยถูกคนชั่วจับตัวมาเพราะหนี้สิน บิดามารดาล้วนลำบาก หากหนีกลับไปเช่นนี้พวกมันก็ต้องไปรังแกคนที่บ้านข้าเป็นแน่” กังซือเฉินมองหญิงสาวตรงหน้าร้องห่มร้องไห้โผเข้ามากอดแขนข้างหนึ่งของตนไว้ซบหน้าลงยึดเอาไว้ราวกับจะให้เป็นที่พึ่ง ชายหนุ่มใจอ่อนลงราวกับเทียนถูกไฟลน แม่นางน้อยผู้งดงามถูกจับมาเป็นหญิงคณิกาต้องพลัดจากครอบครัวมาคงจะหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย “เจ้าสบายใจเถิด เดี๋ยวพอทำแผลเสร็จแล้ว เจ้าก็ให้ปากคำกับทางการให้เรียบร้อยแล้วข้าจะหาทางส่งเจ้ากลับบ้านเอง” ยิ่งเขาพูดเช่นนั้นนางก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม สองแขนของนางเปลี่ยนเป็นโอบกอดร่างของเขาไว้แทน “ข้าน้อยยังไม่อาจจะกลับไปในสภาพนี้ ท่านองครักษ์ช่วยรับข้าน้อยไว้เป็นสาวใช้ที่เรือนท่านได้หรือไม่? ข้าน้อยขอเพียงมีที่กินที่อยู่ ค่าจ้างไม่เอาก็ได้นะเจ้าคะ ชีวิตของข้าล้วนเป็นท่านที่ช่วยเหลือมา ข้ายินดีเป็นทาสรับใช้ท่าน” กังซือเฉินมีสีหน้าหนักใจ เขามองซ้ายมองขวาหวังจะให้ญาติผู้พี่รีบกลับมาจะได้ช่วยตัดสินใจแต่ก็ยังไร้วี่แวว ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ซุนอิงฮวาเกรงว่าเขาจะปฏิเสธนางก็ยิ่งรุกเร้า “ท่านองครักษ์ข้าเป็นสตรีตัวคนเดียวซ้ำยังครอบครัวมีปัญหา ตำบลที่เราอยู่มีคนของพวกมันอยู่เต็มไปหมด หากข้ากลับบ้านในยามนี้ก็เกรงท่านพ่อท่านแม่จะเดือดร้อน ท่านได้โปรด...ได้โปรดช่วยเหลือข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ” “ตะ แต่ว่า....” “หากท่านไม่รับปาก...ข้าจะฆ่าตัวตายที่นี่! เพื่อมิให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าได้รับความเดือดร้อน” นางแสร้งสะบัดแขนเขาแล้วคลานมุ่งไปยังคลองน้ำ “ในเมื่อข้ามันเป็นไร้ประโยชน์ เป็นหญิงคณิกาเพื่อชดใช้หนี้ก็ไม่ได้ สมควรตายไปเสียดีกว่า” กังซือเฉินตกตะลึงรีบพุ่งไปคว้าเอวของนางไว้ ร่างของทั้งคู่จึงหงายทับกัน ซุนอิงฮวาพลิกตัวคว่ำไปเกยซบอยู่บนหน้าอกของชายหนุ่ม “ท่านช่วยข้าแสดงว่ายอมรับปากข้าแล้วใช่หรือไม่?” “ก็ได้! แต่เจ้าต้องช่วยทำงานบ้านนะ จะไหวหรือไม่?” “ไหวสิเจ้าคะ ให้ทำสิ่งใดข้าก็ยอมทั้งนั้น” ชายหนุ่มคนซื่อรีบลุกขึ้นพร้อมประคองนางเอาไว้ “ข้าเองก็มิเคยพาผู้ใดเข้าไปที่บ้านไม่รู้ว่าท่านพ่อท่านแม่จะว่าอย่างไร?” “หากพวกเขาเห็นว่าข้าสมัครไปเป็นเพียงสาวใช้ของท่านก็คงจะเมตตาข้าอยู่กระมังเจ้าคะ?” “เช่นนั้นก็รีบไปกันตอนนี้เถอะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเจ้าเข้าจะยุ่งกันใหญ่ หาว่าข้าไม่พาเจ้าไปส่งสำนักมือปราบเพื่อสอบปากคำ ข้าจะมีความผิด” กังซือเฉินฉวยข้อมือนางให้ลุกขึ้นแล้วพาไปยังจุดที่ผูกม้าเอาไว้ ก่อนจะพานางขี่ม้าตัวเดียวกันมุ่งตรงไปยังเรือนสกุลกัง บิดาของกังซือเฉินแยกตัวออกมาจากจวนตระกูลใหญ่เพราะเป็นบัณฑิตที่ชอบอยู่เงียบๆ ท่านย่าจึงมอบที่ดินให้ผืนหนึ่งสำหรับสร้างเรือนอยู่อาศัย ในเรือนมีสาวใช้สองคนและบ่าวทำงานหนักอีกสองคน ท่านแม่ของกังซือเฉินเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์แม้จะพอมีเงินทองใช้จ่ายอย่างสุขสบายแต่นางก็ไม่สนใจจะจ้างสาวใช้เพิ่ม เพราะนางเห็นว่าสิ้นเปลือง ซุนอิงฮวาเห็นว่าบ้านของเขามีพื้นที่กว้างพอประมาณ ทว่ามีเรือนอยู่ไม่กี่หลัง ที่เหลือปลูกต้นไม้ร่มรื่นและมีสนามหญ้า อีกฟากหนึ่งมีสระน้ำปลูกบัวหลากสีและศาลาน้อยสำหรับนั่งเล่น “บ้านท่านไม่มีท่านผู้เฒ่าอยู่ด้วยหรือ?” “ไม่มีหรอกท่านพ่อข้าชอบอยู่เงียบๆ มารดาข้าก็ไม่ชอบเรื่องสิ้นเปลือง หวังว่าเจ้าจะถูกใจท่านแม่ของข้า” กังซือเฉินถอนหายใจ เขารู้นิสัยจุกจิกจู้จี้ของมารดาดีว่าบรรดาคนรับใช้ต่างต้องใช้ความอดทนพอสมควรในการอยู่กับมารดาของเขา กังซือเฉินนำนางตรงเข้าไปยังศาลาริมสระบัวแล้วแนะนำนางให้กับท่านแม่ของเขาได้รู้จัก ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่นางถูกคนร้ายจับตัวมาแล้วเขาเจอระหว่างทางจึงได้ช่วยเหลือนางเข้า โดยไม่เล่าความจริงว่าเขาพบนางเมื่อกำลังอยู่ในภารกิจบุกทลายหอโคมเขียวเถื่อนตามคำสั่งขององค์ชายสิบหน้า “เสี่ยวเฉิน เจ้าก็รู้ว่าบ้านเราต้องอยู่กันอย่างประหยัด แค่บ่าวสี่คนก็สิ้นเปลืองข้าวปลาอาหารไปไม่น้อย แม่ไม่อยากจะจ้างคนเพิ่มหรอกนะ” ใบหน้าของเหวยฮูหยินดูอ่อนอกอ่อนใจ “แม่รู้ว่านางน่าสงสารแต่เจ้าก็ต้องเข้าใจแม่ด้วย” ซุนอิงฮวาที่พอจะรู้จากข่าวที่สืบมาว่ามารดาของกังซือเฉินเป็นคนเช่นใดก็รีบคุกเข่าลงทันที “นายหญิงเจ้าขา ข้าน้อยเพียงหวังมาขออาศัยกินข้าวอิ่มและมีที่ซุกหัวนอนเท่านั้นเจ้าค่ะ ส่วนเบี้ยหวัดนั้นไม่ขอรับ ยินดีให้นายหญิงใช้งานได้เต็มที่โดยไม่เกี่ยงงอนนะเจ้าคะ” เมื่อรู้ว่านางขอสมัครเข้ามาเป็นคนรับใช้โดยไม่ต้องการเบี้ยหวัด เหวยฮูหยินก็หันมาทางนางในทันใด มือลดพัดกลมผ้าโปร่งที่ถือไว้ลงต่ำ “จริงหรือ? เจ้าไม่ต้องการเบี้ยหวัดสักอีแปะจริงๆ นะ” “จริงเจ้าค่ะ ข้าน้อยยินดีรับใช้คุณชายกับนายหญิงเต็มที่” ซุนอิงฮวา นึกถึงท่าทางประจบสอพลอของสาวใช้มารดาที่คฤหาสน์ นางพวกนั้นมักจะคอยพูดจาเอาใจมารดาของนางอยู่ทั้งวี่ทั้งวันเพื่อหวังความโปรดปราน “งั้นได้! ข้าจะรับเจ้าไว้ เจ้าไปนอนห้องเล็กที่เหลืออยู่ข้างห้องเก็บฟืนก็แล้วกัน เก็บกวาดแล้วก็น่าจะนอนได้” *********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD