ชลลดา ภูมิไพโรจน์ (น้ำอิง)
นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ปี 3 อายุ 21 ปี ที่เป็นถึงดาวคณะความสวยของเธอเป็นที่สนใจของหนุ่มๆในมหาลัยเธอใช้ชีวิตกับพี่ชายที่เป็นที่รักอย่าง เกริกพล หรือ พล พี่ชายเพียงคนเดียวที่ดูแลเธอแทนพ่อและแม่ที่จากไปจากอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน
รถแท็กซี่ขับเข้ามาจอดยังหน้าบ้านหลังใหญ่น้ำอิงจ่ายค่ารถ 375 บาทแล้วหอบเอาร่างกายของตัวเองลงจากรถเดินขาสั่นเข้าไปในบ้าน
“อิง เป็นอะไรไม่สบายเหรอ” พลรีบวิ่งเข้าไปหาน้องสาวที่เดินมือกุมท้องเข้าบ้านมา
“อิงปวดท้องนิดหน่อยค่ะ”
“งั้นไปหาหมอพี่พาไป”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะกินยาก็คงหายพี่พลไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” วันนี้เป็นวันศุกร์เธอเลยต้องกลับมานอนที่บ้านถ้าเป็นวันธรรมดาเธอจะนอนที่คอนโดข้างมหาลัย
พลพาน้องสาวขึ้นไปส่งถึงเตียงก่อนจะหายาหาน้ำให้น้องอย่างที่เขาทำอยู่บ่อยครั้ง
“ทำไมชอบปวดท้อง” เขาสงสัยมาเหลือเกินน้องจะปวดท้องแบบนี้บ่อยๆ
“อาจจะกินข้าวผิดเวลาค่ะ อิงไม่เป็นอะไรกินยาแล้วพักสักแป๊บก็หาย” เธอโกหกพี่ชายคำโตก่อนที่เธอยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันเพื่อให้พี่ชายสบายใจและล้มตัวลงนอนบนเตียง ขืนบอกความจริงออกไปรับรองได้ฆ่ากันกับตะวันแน่นอน
“พักเถอะ เดี๋ยวถึงเวลากินข้าวพี่ขึ้นมาตามหรือจะกินบนนี้ไหมพี่ยกข้าวมาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอิงลงไปกินข้าวกับพี่พลขอนอนหน่อยนะคะ” เธอหลับตาลงทันทีเพื่อหนีสายตาสงสัยและคำถามของพี่ชายจนพลต้องเดินออกจากห้องน้องสาวไป เขากลับเข้าไปนั่งเคลียร์งานในห้องทำงานรอเวลามื้อค่ำอย่างเช่นทุกวัน พลจะกลับบ้านดึกทุกวันถ้าเป็นจันทร์ถึงพฤหัสส่วนวันศุกร์เขาจะรีบออกจากบริษัทเพื่อกลับมารอน้ำอิงแบบนี้มานานหลายปี ทั้งสองจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันในวันเสาร์แค่วันเดียว วันอาทิตย์น้ำอิงก็จะต้องกลับไปคอนโดเพื่อเตรียมตัวเรียนในวันจันทร์
เมื่อพลออกจากห้องไปน้ำอิงก็ลุกออกจากเตียงเดินไปถอดเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำเธอถอดแพนตี้สีขาวออกจากเรียวขาก่อนจะก้มลงไปมองมันมีเลือดสีแดงติดอยู่บนกางเกงในของเธอ ตะวันไม่เคยเล้าโลมให้เธอมีอารมณ์ร่วมความฝืดเคืองของใจกลางสาวกับความใหญ่โตของเขามันเลยทำให้เธอเจ็บแสบตรงนั้นมากทุกครั้งจะมีเลือดออกแบบนี้
“เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆนี่จะจบลงสักที เมื่อไหร่เขาจะพอใจ” เธอเอ่ยพึมพำดวงตาคู่สวยมองตัวเองผ่านกระจกบานใสหน้าอ่างก่อนที่น้ำตามันจะไหลออกมา
-18:00 น.-
เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำน้ำอิงก็ลงมายังชั้นล่างของบ้านเธอเห็นพี่ชายกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โซฟา
“พี่พลยังทำงานอยู่อีกเหรอคะ พักผ่อนบ้างสิค่ะ” น้ำอิงเดินไปนั่งลงข้างๆพี่ชายและเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง ‘เขาทำงานหนักมากฉันช่วยอะไรพี่ชายของฉันไม่ได้เลยแถมยังเป็นภาระให้พี่ต้องเป็นห่วงอยู่ตลอด’
“พี่จะเคลียร์งานให้เสร็จ พรุ่งนี้ไปหาพ่อกับแม่กันไหม”
“จริงเหรอคะ ไปค่ะอิงคิดถึงพ่อกับแม่มาก” เธอออกอาการดีใจจนพลต้องยกฝ่ามือขึ้นมาโยกหัวน้องเบาๆ
“ไปหาพ่อกับแม่เสร็จไปทะเลกันนอนสักคืน ตกลงไหม..?”
“ตกลงค่ะ” เธอดีใจมากจริงๆทะเลคือสถานที่โปรดของน้ำอิงเลย
สองพี่น้องไปนั่งกินข้าวด้วยกันพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันจนป้าแม่บ้านที่อยู่มานมนานอดยิ้มให้ความรักของทั้งสองไม่ได้
จนมื้ออาหารผ่านไปน้ำอิงเดินมานั่งดูรายการทีวีในห้องรับแขกมือบางหยิบขนมเข้าปากไปด้วยจนดึกที่เธอกดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อยกลับมาบ้านมันคือการมาพักผ่อนจริงๆเวลาเรียนเธอเรียนค่อนข้างหนักคณะนิติศาสตร์ต้องใช้การท่องจำมากน้ำอิงแทบไม่ดูทีวีเลยเธอเอาแต่หมกมุ่นอยู่หนังสือกองโตของเธอ
23:30 น.
“อิงทำไมไม่ขึ้นไปนอนจะเที่ยงคืนแล้วนะ” พลเดินลงมาตามเมื่อเห็นไฟชั้นล่างยังเปิดอยู่
“จะเที่ยงคืนแล้วเหรอคะ” เธอรู้ว่านั่งนานแต่ไม่คิดว่ามันจะเที่ยงคืนแล้วร่างบางรีบปิดทีวีเก็บถุงขนมทันที
“พรุ่งนี้อิงจะตื่นทันไหมคะ” เธอหันไปถามพี่ชาย
“ไม่รู้แหละตื่นไม่ทันพี่ก็ไม่รอนะ”
“ใจร้ายกับน้องที่สุดอิงจะตื่นตั้งแต่ตี 4 เลยคอยดูสิว่าแล้วขอไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
“น้ำอิงอย่าวิ่งขึ้นบันได!” พลตะคอกเสียงดังเมื่อน้องสาววิ่งตุบๆขึ้นบันได
“เมื่อไหร่จะโต” เขาเอ่ยพึมพำน้ำอิงโตในสายตาคนนอกแต่ยังเด็กเสมอในสายตาพี่ชายอย่างเขา
- เช้าวันใหม่ -
ร่างบางถือกระเป๋าใบเล็กลงมาชั้นล่างก็เห็นพ่อชายนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“เฮ้อ! ช้ากว่าพี่พลอีกจนได้” เธอคิดว่าเธอเร็วแล้วก็ยังช้ากว่าพี่ชายอยู่ดี
“นมอุ่นๆของคุณอิงมาแล้วค่ะ” ลิ้นจี่สาวใช้อีกคนถือแก้วนมแก้วโตมาวางบนโต๊ะอาหาร
“ไม่กินได้ไหมคะ”
“ไม่ได้! มานั่งน้ำอิง” พลเอ่ยเสียงดุและเรียกให้น้องสาวมานั่ง
“พี่พล”
“เพราะแบบนี้ไงถึงปวดท้องบ่อยๆมานั่งกินนมให้หมดเดี๋ยวค่อยไปหามื้อเช้ากินกัน” ร่างบางเดินไปนั่งลงอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะหยิบแก้วนมขึ้นมากระดกดื่ม
“กินให้หมดด้วยถ้าดื้อพี่ฟ้องพ่อกับแม่”
“พี่พลขี้ฟ้องเหรอค่ะ อิงก็จะฟ้องแม่เหมือนกันว่าพี่พลชอบดุอิง” สองพี่น้องถกเถียงกันไปมาจนนมแก้ว
รถสปอร์ตหรูขับออกจากบ้านตรงไปยังวัดดังที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก
“วันนี้วันพระเหรอคะ วัดคนเยอะเชี่ยว”
“คงใช่แหละ ไปเถอะไปหาพ่อกับแม่กัน” ทั้งสองเดินมายังที่เก็บอัฐิของพ่อกับแม่
“พ่อข๋า แม่ข๋าสบายดีกันไหมคะ ส่วนอิงสบายมากค่ะมีคนหาเลี้ยง 555 แต่ขี้บ่นไปหน่อยนะคะ ปีหน้าอิงก็จะขึ้นปี 4 แล้วจะสอบทนายได้หรือเปล่าก็ไม่รู้แต่แม่คะมีโมเดิลลิงมาติดต่ออิงชวนอิงไปถ่ายแบบด้วยนะคะ“ ทีมโมเดลลิงชื่อดังตามเธอมาจากเพจของมหาลัยเพื่อชักชวนให้ไปถ่ายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ดัง น้ำอิงเองก็สนใจมากและเธอก็ชื่นชอบในสายอาชีพนี้มากกว่าการเป็นทนายเสียอีก
”เดินให้มันตรงทางก่อนเถอะค่อยไปเดินแบบ“ พี่ชายเอ่ยต่อว่าน้องสาวยิ้มๆ
”แม่คะ พ่อคะเห็นไหมคะต่อหน้าพ่อกับแม่ก็ยังไม่เว้น“ เธอเอ่ยพูดกับรูปพ่อกับแม่
”พ่อครับธุรกิจครอบครัวเราไปได้สวยผลกำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 80% แล้วครับปีนี่พนักงานคงดีกับโบนัสปลายปี“ พลผู้บริหารบริษัท K.A.N กรุ๊ป บริษัทผลิตอาหารแปรรูปทุกชนิดที่ส่งขายทั้งในและนอกประเทศ ค่อนข้างที่จะโด่งดังมากรสชาติถูกปากคนไทยและต่างชาติมันเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆและตีตลาดได้กว้างขวางมากขึ้น
หลังจากพูดคุยกันจนหายคิดถึงพลก็พาน้องสาวไปทะเลตามที่รับปากกันเอาไว้ น้ำอิงถ่ายภาพข้างทางตลอดทางตรงไหนสวยเธอต้องให้พี่ชายจอดรถเพื่อลงไปเก็บภาพกับกล้องคู่ใจที่ในนั้นมันมีแต่ภาพความสุขของครอบครัวที่เธอถ่ายเก็บเอาไว้ กล้องที่เธอรักมากคิดถึงพ่อแม่พี่ชายเมื่อไหร่ก็แค่เปิดดูภาพความทรงจำในนั้น
^^