- ช่วงเย็นของวัน -
น้ำอิงกำลังนั่งแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อเตรียมไปงานกับพล ร่างบางในชุดเดรสสีครีมอ่อนกับเครื่องสำอางค์บางๆบนใบหน้า รวบผมตึงเก็บเป็นมวยต่ำโชว์ใบหน้ารูปไข่สวยงาม เรียบๆแต่ดูมีอะไร
ก๊อก..ก๊อก..
แกร๊ก..
”คุณอิงเสร็จหรือยังคะ“ เลขากิ่งเปิดประตูเข้ามาเธอเสร็จนานแล้วเลยแวะมาดูน้องสาวเจ้านายเผื่อจะมีอะไรให้ช่วย
”เสร็จแล้วค่ะ พี่กิ่งดูให้อิงหน่อยสิค่ะว่าชุดนี้เหมาะกับอิงไหม“ เธอยืนขึ้นและก้มมองตัวเองมันค่อนข้างรู้สึกแปลกกับชุดแบบนี้
”สวยมากค่ะคุณอิงต้องสวยที่สุดแน่ๆเลย“ กิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆอดที่จะเอ่ยชมคนตรงหน้าไม่ได้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่นักเธอรู้สึกประหม่า ตื่นเต้นกับการออกงานครั้งแรกกับพี่ชาย
“ไปกันเลยไหมค่ะ พี่พลคงเสร็จแล้ว” เธอสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเอง
“คุณพลเสร็จนานแล้วค่ะ” ทั้งสองเดินออกจากห้องพักลงไปที่รถ ภายในโรงแรมมีแขกเดินผ่านไปผ่านมาล้วนแต่เป็นชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนเสพบรรยากาศทุกคนต่างมองมาที่เธอเป็นตาเดียวจนเจ้าตัวรู้สึกเขินกับสายตาผู้คนเหล่านั้น
“พี่พลรอนานไหมคะ” น้ำอิงเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายยืนพิงรถเขี่ยมือถือรออยู่ก่อนแล้ว
“ไม่นาน สวยนะเราโตเป็นสาวแล้วน้องสาวพี่“ พี่ชายเอ่ยชมน้องสาวยิ้มๆน้องที่เขาเลี้ยงมาเองกับมือวันนี้โตเป็นสาวสะพรั่งและสวยเอาการเลยทีเดียว
@โรงแรมหรูสถานที่จัดงาน
น้ำอิงเดินควงแขนพี่ชายเข้าไปในงานด้านหลังก็มีกิ่งเลขาคนสนิทเดินตามเข้ามาด้วย แขกนักธุรกิจมากมายๆกำลังสาวเท้าเดินไปยังจุดหมายเดียวกันคือ งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายเจ้าสัวที่เพิ่งบินกลับมาจากต่างประเทศหมาดๆ
“อ้าว! คุณพลสวัสดีครับ” เจ้าสัวรีบเดินมาทักทายพลด้วยความสนิทสนมๆ
“ไม่เจอกันนานท่านยังแข็งแรงเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“ขอบคุณครับ คุณก็ยังหล่อเหลาและเก่งกาจเหมือนเดิมเช่นกันนะครับ ธุรกิจอาหารแปรรูปโด่งดังมากๆเลยนะครับ” เจ้าสัวสนิทสนมกับพ่อของพลและน้ำอิงมากสนิทถึงขึ้นไปมาหาสู่กันตลอดในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
“น้องสาวผมเองครับท่านคงจำไม่ได้” พลรีบเอ่ยบอกเมื่อเห็นเจ้าสัวมองมายังน้ำอิง
“สวัสดีค่ะหนูชื่อน้ำอิงเป็นน้องสาวพี่พลค่ะ” เธอยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างมีมารยาท
“ลุงจำหนูได้แล้วตอนนั้นหนูยังเด็กมากเด็กผมจุกโตเป็นสาวจนลุงจำไม่ได้เลย ศิลา!“ ท่านเจ้าสัวเอ่ยขึ้นและหันไปเรียก ศิลา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง
”ครับ พ่อเรียกผมมีอะไรหรือเปล่า”
“นี่คุณพลเจ้าของธุรกิจอาหารแปรรูป นี่น้องน้ำอิงรู้จักกันไว้สิ”
“สวัสดีครับคุณพล อาหารของคุณมีขายทั่วในเมืองที่ผมอยู่ผมอาศัยฝากท้องอยู่บ่อยครับ“ ศิลานักศึกษาชาวไทยที่บินไกลไปเรียนถึงอิตาลีเพื่อที่จะนำความรู้มาบริหารธุรกิจของครอบครัวต่อไป
“ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับพี่ก็พอยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ศิลาจับมือทักทายกับพลก่อนที่เขาจะหันไปมองยังน้ำอิงศิลานิ่งไปทันทีกับหญิงสาวตรงหน้าที่น่ารักมากจนเขาหยุดมองเธอไม่ได้เลย ใบหน้ารูปไข่กับดวงตากลมโตเธอสวยน่ารักราวกับตุ๊กตาเดินได้
“นี่น้ำอิงน้องสาวพี่เอง” พลเอ่ยบอกศิลา
“สวัสดีค่ะคุ…“
“พี่ครับ พี่ศิลา” เขาบอกเธอด้วยรอยยิ้ม นอกจากเธอจะน่ารักแล้วน้ำเสียงของเธอก็หวานราวกับน้ำตาล
“ค่ะ พี่ศิลา”
“ศิลาถ้าว่างก็พาน้องไปหาอะไรกินก่อนสิ พ่อขอคุยธุระกับคุณพลหน่อย”
“ครับ เชิญทางนี้ครับน้องน้ำอิง” เขาผายมือให้น้ำอิงไปยังโซนอาหารที่คอยให้บริการอยู่
“น้องน้ำอิงอยากทานอะไรดีครับเดี๋ยวพี่ตักให้”
“เรียกอิงเฉยๆก็ได้ค่ะ อิงขอดูก่อนนะคะ” ศิลาหยิบจานอาหารและเดินตามเธอไป ร่างบางไปหยุดอยู่ตรงขนมไทยน่าตาน่าทาน
“ชอบขนมเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ อิงชอบขนมไทยตอนที่แม่ยังอยู่แม่ชอบทำบ่อยๆเพราะอยากให้โรงงานของเรามีขนมไทยขายด้วยแต่ยังไม่ทันจะได้ทำแม่กับพ่อก็จากไปซะก่อน” เธอบอกคนตรงหน้า ศิลาค่อนข้างสุภาพและดูใจดีทำให้น้ำอิงกล้าที่จะพูดคุยด้วย
“พี่เสียใจด้วยนะครับ” ศิลาเอ่ยบอกมือก็ตักขนมหลายอย่างใส่จานให้น้ำอิง
“ขอบคุณนะคะแต่มันนานมากแล้วอิงทำใจได้แล้วค่ะ”
“น้องอิงอยู่กับคุณพลแค่สองคนเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ พี่พลเป็นทุกอย่างของอิงเลยค่ะ”
“แล้วนี่น้องอิงยังเรียนอยู่ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ นิติศาสตร์ปี 3“
”โห! เรียนนิติเก่งมากๆเลยนะครับคงเรียนหนักน่าดู“
”ค่ะ เรียนค่อนข้างหนักแต่อีกปีเดียวก็จะจบแล้ว“
”สนใจมาเป็นทนายบริษัทพี่ไหมครับ พี่จองตัวไว้เลยได้ไหม“ ศิลาเอ่ยถามแต่ถ้าได้เธอมาเป็นทนายจริงๆมันก็คงจะดี
”555 เอาคนอื่นที่มีประสบการณ์ดีกว่านะคะ“ เธอหัวเราะขำคนตรงหน้า บริษัทใหญ่โตแล้วจะให้เธอเนี่ยนะไปเป็นทนาย
”ก็มาหาประสบการณ์ที่บริษัทพี่ไงครับ“
”เรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะนะคะ แต่ว่าขนมอร่อยมากๆเลยค่ะ“ เธอคุยเพลินจนกินขนมที่เขาตักให้จนหมดจาน
”เอาเพิ่มไหม น้องอิงต้องลองชิมอันนี้ขนมโปรดของแม่พี่เลย“ ศิลาตักขนมตาล 2 ชิ้นใส่จานให้น้ำอิง
“ลองดูนะครับถ้าชอบครั้งหน้าเจอกันพี่จะซื้อไปฝาก คนทำเป็นคนแก่ชาวบ้านแถวๆนี้แต่ฝีมือดีใช้ได้เลยนะครับ” ลูกชายเจ้าของโรงแรมอย่างศิลารู้จักขนมไทยโบราณแทบทุกอย่างเพราะขนมในห้องอาหารไทยของโรงแรมเขาล้วนมาจากฝีมือของชาวบ้านแถวๆนี้ เจ้าสัวต้องการให้ชาวบ้านมีรายได้ ของสดหรือผักต่างๆที่ใช้ในการทำอาหารก็ล้วนมาจากชาวบ้านแทบทั้งหมด นโยบายบริษัท เป็นมิตรกับธรรมชาติปราศจากพ่อค้าคนกลาง การทำธุรกิจแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าทำให้การอยู่ร่วมกันของนักธุกิจและชาวบ้านเป็นไปด้วยความสมัครสมานสามัคคีต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์
“ดีจังเลยนะคะแบบนี้ชาวบ้านก็ได้มีรายได้ไปด้วย”
“ครับ ให้ชาวบ้านได้มีกินมีใช้ลืมตาอ้าปากได้มันเป็นเรื่องที่ดี”
“ขอโทษนะคะพี่ศิลาอายุเท่าไหร่คะ“
”25 ครับพี่หน้าแก่เหรอ”
“อ๋อ…ไม่ใช่นะคะ” น้ำอิงเบิกตากว้างขึ้นมือเรียวปัดไปปัดมาในเชิงปฏิเสธ
“555 พี่ล้อเล่นทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วย“ เขาอดที่จะขำคนตรงหน้าไม่ได้ทำหน้าตกใจซะและมันน่าเอ็นดูมาก
ทั้งสองยืนพูดคุยกันหัวเราะสนุกสนานโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนที่นั่งมองพวกเขาทั้งสองอยู่ที่โต๊ะหน้าเวที
ตะวันนั่งอยู่กับครอบครัวข้างกายมีโรสนั่งอยู่ด้วยเขาทั้งเหนื่อย เบื่อและอึดอัดอยากกลับใจจะขาด แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอน้ำอิงในงานนี้ตอนเห็นเธอที่ร้านอาหารเขาติดว่าเธอแค่มาเที่ยวพักผ่อน ตาคมเอาแต่จ้องมองน้ำอิงกับศิลาที่ยืนพูดคุยหัวเราะสนิทสนมกันไม่วางตา
“ตะวันพาหนูโรสไปหาอะไรกินหน่อยสิน้องมานั่งตั้งนานแล้วคงจะหิว” คุณหญิงกนกนุชเอ่ยบอกลูกชายที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จากับใครเลย
“ไม่เป็นอะไรค่ะคุณป้าโรสไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” แม้จะอยากไปหาอะไรทานตามลำพังสองคนมากแค่ไหนแต่หญิงสาวก็ปั้นหน้าทำท่าเกรงอกเกรงใจ ตะวันปรายตามามองเธอและชักสายตากลับทันที ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าหญิงสาวเป็นคนแบบไหน
“อย่าเกรงใจเลยจ๊ะหนูโรส ตะวันปะ…”
พรึบ!
ตะวันยืนขึ้นเต็มความสูงเดินออกจากโต๊ะไปทันทีทำให้ผู้เป็นแม่ทำหน้าไม่พอใจออกมาเพราะลูกชายไม่ไว้หน้าเธอเลย ร่างหนาเดินออกมาด้านนอกของงานเพื่อสูดอากาศและเอาความอึดอัดออกมาทิ้ง
^^