EP.01 #วาเลนไทน์
14 กุมภาพันธ์
จะมีใครสักกี่คนที่ต้องมายืนทำงานในวันวาเลนไทน์แบบฉัน หันมองไปทางไหนมีแต่คนควงแขนกอดกันกลมเป็นคู่ เอาจริง ๆ แล้ว ฉันไม่ได้แคร์สนใจเรื่องความรักอะไรเลยสักนิด สิ่งที่ฉันสนใจมากที่สุด นั่นคือเงินเท่านั้น ใครจะรู้ว่างานพิเศษในคืนวาเลนไทน์แบบนี้ ได้ค่าจ้างไม่ใช่น้อยเลย
“แจกฟรีค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วร้องถามผู้คนที่เดินผ่านไปมา ฉันพยายามยื่นห่อแพคเก็จที่ปกปิดสิ่งของภายใน แต่ลวดหน้ากระดาษที่ห่อไว้ มองไกล ๆ ยังรู้เลยว่าเป็นถุงยางค่ะ! และใช่… ตอนนี้ฉันกำลังยืนแจกถุงยางอนามัยของยี่ห้อดังอยู่ ซึ่งมันค่อนข้างได้รับความสนใจจากวัยรุ่นที่อยากลอง จนไปถึงวัยทำงานเลยทีเดียว
“แจกฟรีเหรอคะน้อง” หญิงสาวหน้าตาดีเดินเข้ามาพร้อมผู้ชายผมสีดำสนิท แต่สภาพที่เห็นชัดคือเมาหนักอยู่ งานนี้ไม่รู้ว่าใครมอมใคร เพราะผู้หญิงไม่มีอาการเมาเลยสักนิด
“ค่ะ แจกฟรี รับไว้สักชิ้นไหมคะ” ฉันส่งยิ้มหวานให้กับหญิงสาวหน้าตาดีคนนั้นไป
“งั้นพี่ขอ 1 ชิ้นละกัน เพราะพี่ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าจะใช้สวมหรือสด” หญิงสาวหน้าตาดูหัวเราะคิกคัก
ฉันได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้กับความมั่นของเธอคนนี้ และนี่ไม่ใช่คู่แรกหรอกที่ผู้หญิงเข้ามาขอถุงยางแจกฟรี เพราะสมัยนี้มันเกินยุคผู้หญิงเหนียมอาย คงจะพากันถือคติด้านได้อายอดละมั้ง ฉันยื่นสิ่งของในมือให้กับเธอก่อนทั้งคู่จะเดินจากไป แวบหนึ่งที่ผู้ชายผมสีดำคนนั้นปรือตาขึ้นมองฉัน เราเผลอสบตากันชั่วครู่
อ่า… หล่อชะมัดหยาด
ฉันมองตามคู่ตุนาหงันหนุ่มหล่อสาวสวยนั้นไปจนพ้นมุมตึกก่อนหันกลับมาแจกถุงยางอนามัยต่ออย่างไม่สนใจพวกเขาอีก คนหล่อ ๆ แบบนั้นฉันพบเจอมาเยอะแยะ แต่น่าแปลกที่มันรู้สึกยุบยิบใจตอนสบตากับดวงตาคมเข้มคู่นั้น… บ้าน่า…ฉันคงทำงานหนักจนพ้อไปแล้วแน่ ๆ
“แจกฟรีค่ะ คืนนี้เป็นคืนสำคัญต้อง save yourself นะคะ”
ฉันฉีกยิ้มหวานภายใต้หน้ากากครึ่งหน้าสีขาวที่ปกปิดเสี้ยวหน้าส่วนบนเอาไว้ เปิดเผยเพียงจมูกและริมฝีปากสีแดงสด ฉันอยู่ในชุดคอสเพลย์สีขาวเข้ากับคอนเซ็ปนางฟ้าผู้บันดาลชีวิตรักของทุกคนให้ปลอดภัยไร้โรค คืนนี้ฉันต้องยืนแจกถุงยางอนามัยให้หมด และต้องยืนประจำห้ามทิ้งจุดไปไหนเกิน 5 นาที ไม่อย่างนั้นฉันอาจโดนดุ และหักเงินก็เป็นได้ ฉะนั้นต้องรับทำหน้าที่แจกให้เสร็จ จะได้กลับบ้านไปรับน้องที่ฝากพี่ข้างบ้านไว้เร็ว ๆ เพราะฉันเกรงใจเขามากจริง ๆ
“กรี๊ดดดด!” เสียงกรีดร้องดังแว่ว ๆ มาจากในซอยถัดไปจากจุดที่ฉันยืนอยู่ไม่ไกล ตอนแรกฉันหันมองด้วยความที่คิดว่าตัวเองหูแว่ว เพราะทุกคนก็ยังเดินกันอย่างปกติ จนกระทั่งได้ยินเสียงกรีดร้องนั้นอีกครั้ง ฉันถึงได้แน่ใจว่ามันดังมาจากในซอยนั้นแน่ ๆ แถมยังเป็นซอยเปลี่ยวที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านซะด้วย… และฉันคิดยังไม่ทันจบบริเวณซอยนั้นก็มีร่างของชายตัวสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังเดินฉุดกระชากลากถูผู้หญิงคนหนึ่งออกมา เธอคนนั้นช่างคุ้นตาฉันเหลือเกิน
“กล้านอกใจกูเหรอนังตัวดี! คราวนี้กูจะเล่นงานชู้มึงให้ตายคาตีนเลย!” ชายน่ากลัวคนนั้นตะเบ็งเสียงใส่หน้าดำหน้าแดงขณะทั้งสองกำลังจะเดินผ่านฉันไป ผู้หญิงคนนั้นหันมาสบตากับฉันท่าทางร้อนรนก่อนจะมองกลับเข้าไปในซอยแล้วมองมาที่ฉันอีกรอบ ฉันอ้าปากนิด ๆ ตอนที่เธอแอบชี้นิ้วไปทางนั้นแล้วขยับปากอย่างไร้เสียงว่า ‘ช่วยเขาด้วย’
อะ… อะไรอ่ะ? อย่าบอกนะว่าเธอขอให้ฉันไปช่วยผู้ชายผมดำคนนั้นน่ะ! แย่แล้ว… ทำยังไงดีล่ะยัยชม! ในซอยนั้นต้องกำลังมีเรื่องกันอยู่แน่ ๆ และผู้ชายผมดำนั่นก็ท่าทางจะเมาหนักเอาการ ถ้าโดนรุมทำร้ายก็คงไม่มีสติพอจะป้องกันตัวแน่ ๆ
แต่… ถ้าฉันทิ้งงานตรงนี้ไปฉันก็จะต้องมีปัญหาเหมือนกันนะ! เอางี้แล้วกัน… ฉันโทรแจ้งตำรวจให้แล้วกันนะ
พลั่ก! พลั๊วะ!
หลังวางสายจากตำรวจฉันก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังแว่วเข้ามาในหูอีกครั้ง มือบางกำโทรศัพท์แน่น ที่นี่เป็นย่านการค้ากว่าตำรวจจะประสานงานและส่งสายตรวจมาก็น่าจะราว ๆ สิบห้านาที กว่าจะถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าผู้ชายผมดำนั่นจะเป็นยังไงบ้าง หรือว่าฉันควรจะเข้าไปช่วยเขาก่อนดีนะ ฮือออ เลือดคนดีมันแล่นพล่านไปทั่วทั้งตัวเลยอ่ะ!
“โอ๊ยยย ให้ตายสิ! ถือซะว่าวันนี้มันวันซวยของฉันแล้วกัน!” สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจวางป้ายและกล่องถุงยางในมือลงก่อนจะเดินไปทางซอยเปลี่ยวนั่นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เสียงการต่อสู้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
เมื่อเดินมาถึงหน้าปากซอยเล็ก ๆ มืด ๆ นั้นฉันเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมผู้ชายผมดำอยู่ เขานั่งพิงผนังตึกอย่างหมดแรง ท่าทางจะโดนไปหนักเอาการเลยแฮะ และก่อนที่ฉันจะทันได้คิดทำอะไรต่อ จู่ ๆ หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์นั้นก็ชักปืนออกมาจากด้านหลังของเขาเล็งกระบอกปืนไปทางผู้ชายผมดำคนนั้น หัวใจฉันแทบจะหยุดเต้นกับภาพที่เห็น ส่งผลให้ร่างกายและเสียงมันทำงานอัตโนมัติ
“ตำรวจ! ตำรวจ! ทางนี้ค่ะ มีคนโดนทำร้าย” ฉันตะโกนเสียงดังพลางชี้มือเข้าไปในซอยทำให้ผู้คนที่กำลังสัญจรอยู่ที่ถนนด้านนอกหันมามอง และแน่นอนว่าคนในซอยก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน ซึ่งมันค่อนข้างได้ผลมากเลยทีเดียว มันทำให้เขาชะงักเล็กน้อย และเก็บปืนไปไว้ด้านหลังเหมือนเดิม
“แค่นี้พอ แล้วจำไว้อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของนายกูอีก ไปพวกมึง กลับ!!” ชายคนนั้นหันไปสั่งพรรคพวกที่มาด้วยกันและจากไปโดยทันที ทิ้งชายผมดำให้นั่งหมดสภาพอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือหยดเลือดสีแดงฉานบริเวณหัวคิ้วของเขาเริ่มไหลอาบใบหน้าหล่อ ๆ หมดแล้ว
“คุณคะ... คุณเป็นยังไงบ้าง ฉันโทรเรียกรถพยาบาลกับตำรวจให้แล้วนะ อดทนไว้นะคะ” ฉันเดินเข้าหาเขาแล้วย่อตัวนั่งยอง ๆ พลางแตะใบหน้าหล่อ ๆ นั่นเพื่อเรียกสติเบา ๆ ส่งผลให้ดวงตาคมปรือขึ้นเล็กน้อย
“นี่ฉัน… ตายแล้วเหรอ…”
“คะ? ตะ ตายอะไรคะ… คุณยังไม่ตายนะ ตั้งสติก่อนค่ะ ให้ฉันช่วยคุณนะ เดี๋ยวฉันเช็ดเลือดที่หน้าคุณให้ก่อนนะ ดูสิเข้าตาไปหมดแล้ว” ฉันขยับเข้าใกล้เขามากกว่าเดิม ก่อนจะล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนของตัวเองขึ้นมาเช็ดเลือดที่ใบหน้าของเขาอย่างเบามือ
“ตายแล้วแน่ ๆ ฉัน… ต้องตายแล้วแน่ ๆ”
“ยังไม่ตายค่ะ คุณแค่เมามากและก็โดนทำร้าย” ไม่เข้าใจว่าฉันจะพยายามอธิบายให้คนเมาเข้าใจทำไมในเมื่อพูดไปเขาก็ไม่มีสติพอจะรับรู้อยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ ไหน ๆ ก็ช่วยมาขนาดนี้แล้วนี่นะ
“ไม่จริง…” แน่ะ เขาก็ยังจะเถียงฉันอีก ทำไมถึงเมาแล้วดื้อด้านขนาดนี้นะ ฉันถอนหายใจแรง ๆ แล้วรีบเช็ดเลือดออกจากข้างแก้มเขา ทว่ามือข้างนั้นกลับถูกฝ่ามือหนาทาบทับแล้วจับไว้แน่น ฉันนิ่งค้างไปหลายวินาทีเลยทีเดียว “ถ้ายังไม่ตาย… แล้วทำไมฉันถึงเห็นนางฟ้าล่ะ?”
หนะ… นางฟ้างั้นเหรอ?
ฉันเบิกตากว้างนิด ๆ ก่อนจะก้มมองสภาพตัวเอง จริงสิ… ฉันคอสเพลย์ชุดนางฟ้าอยู่นี่นะ ก็ไม่แปลกที่คนเมาแทบไม่เหลือสติอย่างเขาจะมองเห็นเป็นแบบนั้น
“เอ่อ… ปล่อยมือฉันก่อนค่ะ คุณเมามากและก็กำลังเจ็บมากด้วย” ฉันดึงมือออกจากมือหนาดั่งคีมเหล็ก ต้องใช้แรงยื้อเลยล่ะกว่าเขาจะยอมปล่อยมือฉันน่ะ พอเป็นอิสระฉันก็ยัดผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดใส่มือเขาแล้วลุกขึ้นยืน “คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ ป่านนี้ตำรวจน่าจะมากันแล้ว ฉันจะไปตามพวกเขาให้มาช่วยคุณนะ”
“ดะ เดี๋ยว…”
“ฉันขอให้คุณหายไว ๆ นะคะ” ฉันส่งยิ้มจากใจจริงให้เขา แม้เขาจะมองเห็นเพียงริมฝีปากของฉันก็เถอะ จากนั้นฉันก็เดินออกมาจากซอยเพื่อตามตำรวจ เมื่อชี้ทางให้พวกคุณตำรวจเสร็จฉันก็เดินไปเก็บของแล้วเตรียมตัวกลับบ้าน
แน่ล่ะ… สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องลาออกจากงานนี้ แม้การละทิ้งหน้าที่ของฉันจะเป็นการช่วยเหลือคน แต่หัวหน้างานของฉันงี่เง่าเกินกว่าจะฟังเหตุผลอะไร ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะไม่คิดอยากจะทำงานนี้ต่อแล้วล่ะ พูดตรง ๆ เลยนะ… รู้สึกดวงไม่ดีอย่างสุด ๆ!
.
.
.
ตัดมาทางด้านชายหนุ่มผมสีดำที่ถูกหญิงสาวในชุดนางฟ้าช่วยเหลือเอาไว้ เขามองตามหลังร่างบางที่เดินห่างออกไปด้วยสายพร่าเบลอสุด ๆ ภาพจำของเขาเลือนรางจนแทบจะจำอะไรเกี่ยวกับเธอคนนั้นไม่ได้เลยนอกจากน้ำเสียงแสนหวานน่าฟังนั่น
“…เจ็บฉิบ” มือหนากำผ้าเช็ดหน้าในมือขึ้นซับมุมปากก่อนจะชะงักมองบางสิ่งซึ่งสะดุดตาท่ามกลางความมืดสลัว เขาเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาจากพื้นและพบว่ามันคือสร้อยข้อมือเส้นเล็กประดับด้วยจี้รูปกวางน้อยห้อยไว้อย่างน่ารัก “ของเธอคนนั้นแน่ ๆ”
ริมฝีปากหนาบอบช้ำยกยิ้มบางเมื่อนึกถึงร่างบางที่เผลอทิ้งของต่างหน้าเอาไว้ราวกับซินเดอเรลล่า แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เจ้าชายอย่างเขาตามหาได้ยังไงกันล่ะ…
เราจะต้องได้พบกันอีกครั้งแน่… กวางน้อยของฉัน…