ตอนที่ 2

2999 Words
ตั้งแต่กลับมาชานส์ต้องรีบไปที่สำนักงานใหญ่มีการเรียกประชุมด่วนเขาขอให้ทันย่าว่าที่พี่สะใภ้ของเธอมาอยู่เป็นเพื่อน โคจิม่าเองก็จะมาอยู่ด้วย “เขาไม่คิดจะอยู่บ้านมั้งเลยหรือไงนะ” มือที่ถักเสื้อไหมพรมหยุดชะงักเธอมองว่าที่พี่สะใภ้ของเธอ ทันย่าเป็นผู้หญิงที่ไร้ที่ติเพรียบพร้อมไปทุกอย่าง เธอถูกสอนมาแบบลูกคุณหนูว่าจะต้องทำตัวยังไงเมื่ออยู่สังคมนอกบ้าน ทุกครั้งที่เธอมาอยู่กับเรจีน่า เธอมักทำตัวเหมือนแม่มากกว่าพี่สาวซะอีก “ธรรมดาในเรื่องการทำงาน พี่เห็นหนิตอนที่ฉันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอต้องเข้าประชุมบ่อยแค่ไหน” “แต่นี้ไม่เหมือนกันนะจีน่า อะไรกันทำงานเสร็จกลับมาบ้านไม่ทันไรต้องไปต่อแล้วเหรอ” “เขาเป็นถึงรองหัวหน้าหน่วยต้องมีเรื่องงานให้เครียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉันสบายดีพี่ไม่ต้องห่วงหรอก” “รองหัวหน้าหรือเบี้ยทำงานกันแน่...ฉันรู้นะจีน่าว่าเขามีปัญหากับพวกโฮแม็กกี้" เรจีน่ามองไหมพรมในมือผ่านมาสองปีแต่ทุกอย่างดูแย่ลงกว่าเดิม ชานส์เกือบตกงานลอมล่อ ตัวเธอเองก็ป่วยจากครรภ์เป็นพิษเมื่อไม่นานนี้เธอมองทันย่า ดีที่ได้หล่อนมาช่วยดูแล "ขอบคุณพี่นะที่มาอยู่เป็นเพื่อน" “เปลี่ยนเรื่องเชียวนะ ไม่งั้นจะมีน้องสาวให้ห่วงทำไม” เสียงนาฬิกาแขวนบอกเวลาดังเตือนทั้่งคู่ว่าเย็นมากแล้ว "เอาล่ะว่าที่คุณแม่ได้เวลากินข้าวแล้ว พี่สาวคนนี้จะแสดงสุดฝีมือเอง" ว่าแล้วเธอชูสองนิ้วพร้อมยิ้มร่า เรจีน่าชอบอารมณ์ขันของทันย่ามันทำให้เธอหายเครียดได้เสมอ เธอวางไหมถักพรมไว้ข้าง ๆ ก่อนลุกขึ้น เสื้อไหมพรมที่กำลังเป็นรูปเป็นร่าง มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายในชีวิตเธอแต่เธอไม่รู้สึกเหงาเลย มือขาวสะอาดลูบหน้าท้องเบามือเธอตั้งครรภ์เกือบสองเดือนแล้ว “ลูกชายหรือลูกสาวนะ” เธอพึมพำพลางอมยิ้ม...ตอนที่รู้ว่าท้องชานส์ดีใจมากแต่ไม่ยอมให้หมอบอกว่าเด็กเป็นเพศอะไร เขาอยากลุ้นด้วยตัวเองว่าจะได้หญิงหรือชาย “วันนี้คุณพ่อกลับดึกเราคงนอนด้วยกันล่ะนะ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเธอกดปุ่มตอบรับ “บ้านโฮวินสันต์ค่ะ” “เฮ้ ผมเอง” “เฮ้ เรื่องประชุมเป็นยังไงบ้างคะ” “ก็ดี ผมกำลังจะกลับนะ ไม่อยากปล่อยให้ภรรยาสาวสวยอยู่คนเดียว” เธอหัวเราะกับคำพูดหวานที่เขาหยอดทุก ๆ วันนี้เป็นตัวตนชานส์อีกด้านที่เธอไม่รู้จัก...น่ารักจริง ๆ... “อ้อฉันยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าเรามีแม่ครัวมือฉมังมาทำอาหารให้” “อะไรนะ” “ได้ยินนะ” ทันย่าตะโกนยืนยันมาจากในครัว “ฮ่า ๆ ๆ วันนี้เราทั้งคู่โดนขุนให้อ้วนแน่ถ้าทันย่าตามใจปากพวกเราแบบนี้” เรจีน่าหัวเราะกับคำพูดที่เล่นของเขา "รีบกลับนะคะ" ณ อีกฝั่งของเมือง “เมื่อไหร่สัญญาจะหมดซะที!” ชายสวมเสื้อสีดำ มีฮู๊ดคลุมหน้าพูดขึ้น “อดทนหน่อยสิ นี่ปีสุดท้ายแล้ว อีกไม่นานสัญญาก็จะหมดแล้ว” ชายคนที่สองพูดขึ้น พวกเขาสนทนาภายในความมืดพลางรอให้เพื่อนอีกคนกลับมา “ว่าแต่...เจ้านั่นมันกลับมาจากความตายจริงเหรอ” “ว่ากันอย่างนั้นนะ เห็นบอกกันว่านายท่านเป็นคนพามันมาด้วยตัวท่านเอง ภาวนาแค่ว่าอย่าพึ่งให้ใครเห็นตัวมันก่อนละกัน” เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา สองคนที่รอให้เงามืดหันไปมองต้นเสียง คนแรกทัก “กลับมาแล้วเรอะ” “อืม” “ว่าไง เห็นพวกเขารึยัง” คนที่มาใหม่พยักหน้า “ก็นะดูจากท่าทางสบายดีอยู่คงไม่นานหรอก” “ช่วยไม่ได้ก็โดนยิงตรงนั้นเลยหนิ” คนแรกพูดพร้อมชี้ที่ปอดข้างซ้ายตน “ตรงนี้” “แล้วนี่เราต้องคอยดูเขาอีกนานแค่ไหน” “ก็ต้องไปถามนายท่านเท่านั้นแหละ” อีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วย ทันใดนั้นเสียงกิ่งไม้หักดังมาจากข้างหลังพวกเขา พวกเขาสะดุ้งตัวโยน ความเงียบในความมืดที่ปกคลุมบวกกับร่างกายสีดำทมึน แม้ผู้มาเยือนจะเป็นเพียงชายหนุ่มที่ดูเหมือนวัยรุ่น ด้วยจิตสังหารที่เข้มข้นเหมือนนายท่าน แค่คิดจะฆ่าพวกเขา ก็ทำได้สบาย ๆ “คุณหนูโรบิน” ทั้งสามคนพูดพร้อมกันก่อนโค้งทำความเคารพปีศาจสีดำตัวนั้นครางเบา ๆ เชิงบอกไม่ต้องมากความ ก่อนกลายร่างเป็นมนุษย์ “เห็นยังไม่กลับกัน เลยมาตามน่ะครับ” ชายคนแรกพูด “ขออภัยครับ” สีหน้าเคร่งครึมขึ้นมาทันที “มีเรื่องด่วนงั้นหรือครับ” คนที่สองพูดขึ้นบ้าง “เจ้...เอ่อ...คุณพ่อให้ผมมารับพวกคุณน่ะ” โรบินมองผ่านความมืด “เจอผู้ชายคนนั้นรึยัง” “ครับ” ทั้งสามตอบเสียงเดียวกัน “งั้นเหรอ เอาเป็นว่าตอนนี้กลับกันก่อนดีกว่า คุณพ่อเองก็อยากจะเจอพวกคุณด้วย” ว่าจบเขาก็กลายเป็นปีศาจตัวใหญ่ทะยานหายเข้าไปในความมืด "เฮ้อ...แม้แต่คุณหนู..." คนที่หนึ่งพูด "พูดมากไปก็เท่านั้น" คนที่สอง “เอาล่ะ” คนที่สามยืดเส้นยืดสาย “เรากลับมั้งเถอะ มืดมากแล้วด้วย” ทั้งสามทะยานหายไปในความมืดเช่นกัน เที่ยงคืนแล้วตั้งแต่ชานส์กลับมา เรจีน่าหลับไปแล้วชานส์ยังตื่นอยู่เขาข่มตาหลับไม่ลง คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านพักประธานาธิบดี เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรจีน่าเอื้อมมือมาลูบแก้มเขา “นอนไม่หลับเหรอคะ” “อืม...นอนไม่หลับน่ะ” เขานอนตะแคงหันไปหาเธอ มือวางบนหน้าท้องที่นูนขึ้นมาลูบเบา ๆ “นอนสักหน่อยเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปเยี่ยมคุณพ่อ คุณจะไปด้วยกันไหมคะ” “ไปซิ” “งั้นหลับเถอะ อย่ากลายเป็นคนนอนดึกซิไม่น่ารักเลยนะ” เขาหัวเราะจูบเธอเบา ๆ ในความมืดทุก ๆ ทีย่อมมีแสงสว่างอยู่เสมอ ใช่...เรจีน่าคือแสงสำหรับเขา เพราะงั้นไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็เป็นคำพูดที่ทำให้ผ่อนคลายได้ทุกขณะซักพักเขาก็หมอยหลับไป เช้าวันต่อมาหนาวกว่าปกติติดลบสิบห้าองศา บอกได้เลยว่าไม่มีใครอยากออกจากบ้าน เรจีน่ากำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่กับทันย่า ชานส์ยังไม่ตื่นดูเหมือนเมื่อคืนเขานอนไม่พอซักเท่าไหร่ เธอแหงนมองนาฬิกา โคจิม่าจะมารับตอนสิบเอ็ดโมงยังมีเวลาทานอาหารเช้าอยู่ เธอจัดเตรียมข้าวของวางบนโต๊ะก่อนขึ้นไปปลุกชานส์ พอเธอเปิดประตูเข้าไปชานส์ยังหลับอยู่ เธอเข้าไปปลุกเขา “ชานส์คะ ตื่นเถอะ” เขาสลืมสะลือแล้วเธอก็สังเกตเห็น “ชานส์ คุณ...เลือดกำเดาคุณไหล” ชานส์เลื่อนมือออกจากผ้าห่มมาป้ายที่จมูก “ขอผมนอนพักอีกเดี๋ยวนะ” เธอก้มมองมือที่เปื้อนเลือดกำเดา อย่างน้อยเธอก็รู้ว่ามันต้องเกิดขึ้นซักวัน เธอนั่งข้างเตียงลูบแก้มชานส์ “เดี๋ยวฉันเอาซุปมาให้นะ” “ไม่ต้องหรอก ขอผมนอนอีกแป๊ปนึง แล้วเดี๋ยวผมลงไป” “ก็...ได้ค่ะ” เธอลงมานั่งอยู่ข้างล่างยังใจหายกับสิ่งที่เธอเห็น สองปีที่ผ่านมาหลังจากจบเรื่องเธอไม่ค่อยเห็นอาการเขากำเริบ ยิ่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแทบจะไม่เห็นอาการป่วยเลย พึ่งจะเห็นคราวนี้แหละ เธอถอนหายใจแหงนมองนาฬิกาตอนนี้แปดโมงแล้วเธอเริ่มไม่สบายใจแล้วสิ "เกิดอะไรขึ้น" ทันย่าออกมาตามเมื่อเธอไม่ยอมเข้าไปในสักที "ชานส์ไม่ค่อยสบายค่ะ หนูคิดว่าวันนี้...จะไม่ไปหาคุณพ่อ..." ทันย่าเดินมานั่งข้าง ๆ ดึงตัวเธอไปกอด มือเจ้าหล่อนลูบผมเธอ "พอโคจินมาถึงพี่ให้เขาพาชานส์ไปหมอดีไหม" เรจีน่าได้แต่พยักหน้า เธอกลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องไห้ทั้งอย่างนั้น ทันย่าเองก็อึดอัดใจได้แต่ปลอบใจเธอแลัวรอโคจิม่าเป็นเพื่อนเธอ สิบนาทีต่อมาเธอได้ยินเสียงตึกๆจากบันไดเธอเดินไปดู ชานส์กำลังเดินลงบันไดมา อาการดูไม่ดีนัก “ไว้ไหมคะ” เธอเข้าไปพยุงเขา เขาแค่ยิ้มเหนื่อย ๆ ให้ “ขอโทษนะที่ไม่ได้ลงมาช่วย” “ฉันอยู่ทั้งคน” ทันย่าช่วยพาเขามาที่ห้องอาหาร “กินข้าวกันดีกว่า” ที่เมืองเมาท์เท็นวิลเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตรงไปที่สถาบัน เขาสแกนลายนิ้วมือก่อนเข้าไป “ท่านลอร์ดครับ” ท่านลอร์ดหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่เข้ามา “ว่าไง” “วัคซีนมาถึงแล้วครับ” “อืมเข้าใจแล้ว” ท่านลอร์ดละงานตรงหน้าเดินตามเจ้าหน้าที่คนนั้นไปข้างนอก มีรถตู้สีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ประตูรถเลื่อนเปิดชายคนนึงก้าวออกมาจากรถพร้อมกระเป๋าถือ “ไม่เจอกันนานนะครับ ขอโทษด้วยที่มาช้า” “เข้าไปข้างในก่อนเถอะ” ชายที่ลงมาจากรถตู้ยื่นกระเป๋าที่ถืออยู่ส่งให้เจ้าหน้าที่ “อุตสาห์เดินทางมาตั้งไกล” “ขอบคุณครับ แต่ผมมีงานต้องรีบกลับไปทำงานต่อ ยังมีวัคซีนที่ผมต้องกลับไปทดลอง” ชายคนนั้นพยักหน้านิดหนึ่ง “ขอตัวก่อนนะครับ” เขาเดินกลับไปที่รถตู้ รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากเมือง ท่านลอร์ดรอจนรถตู้หายลับไปจึงเดินกลับไปในสถาบัน “หวังว่าวัคซีนจะยังได้ผลอยู่นะครับ” ท่านลอร์ดหรี่ตา “หวังอยู่เหมือนกัน” ‘แต่ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ’ ชานส์นอนรอโคจิม่ามารับอาการเวียนหัวบวกคลื่นไส้เริ่มอีกแล้ว เขากำยาดมไว้แน่นพยายาไม่คิดอะไรมากแต่ก็ไม่ไหว ‘ชักไม่ไว้แล้วแฮะ’ “ชานส์คะ พี่โคจิม่าบอกว่าจะมาถึงแล้ว” เสียงเธอดังมาจากครัว เขาไม่ตอบกลับเธอเลยโผล่หน้ามาดู “ชานส์คะ” “ผมรู้แล้ว” “คุณไหวอยู่ไหม” เธอเดินตรงไปหาเขา ชานส์ค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง หัวยังหมุนอยู่เลยตอนนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว “ผมไม่เป็นไร” เรจีน่าขมวดคิ้ว “ฉันได้ยินคุณพูดอย่างนี้ทุกครั้ง แล้วก็เป็นทุกครั้ง” เขาหัวเราะในลำคอเอื้อมมือไปจับเอวสวยของเธอ ดึงเธอให้เข้ามาใกล้จูบหน้าท้องเธอ “ดูสิแม่ดุพ่ออีกแล้ว” เธอหัวเราะขึ้นบ้าง “ก็ดูสิ คุณพ่อทำตัวไม่น่ารักเลย” ทั้งคู่หัวเราะพร้อมกันเธอนั่งลงข้าง ๆ เขา เขาล้มลงนอนบนตักเธอหันหน้าเขาหาหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้น แต่เวลาแห่งความสุขจบแล้ว เสียงกดออดดังขึ้นเธอเงยหน้าขึ้นก่อนมองเขา “ลุกเถอะ เขามาแล้ว” ชานส์ทำหน้าเซ็งพยุงตัวลุกขึ้นนั่งพอดีกับที่ทันย่าเดินไปเปิดประตู “เฮ้” “ไงจ้ะ” โคจิม่าห้อมแก้มคนรัก เขามองเข้ามา “ไง เด็ก ๆ ” ชานส์ยกมือโบกไปมาเขาลุกขึ้นยืนเดินไปที่ประตู จู่ ๆ เขาก็เซไปพิงกับขอบประตู โคจิม่าจับแขนเขาไว้แน่น “ไว้รึเปล่าเนี่ย” “ไว้ครับ” ชานส์เดินตามแรงพยุง น่าจะพูดว่าโดนโคจิม่าลากไปมากกว่า ทันย่าอาสาอยู่ดูแลบ้านให้เจ้าตัวรีบให้ทั้งสามคนไปเดียวจะสาย พอพวกเขาจะไปถึงรถก็มีเสียงนึงเรียกพวกเขาเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน” ชายแก่ซกมกท่าทางหน้าสงสัยเดินมาหาพวกเขา “รอกระผมก่อน” “คุณเป็นใคร” โคจิม่าพูด “ขออภัยที่กระผมทำตัวไร้มารยาท” ชายแก่ซกมกมองชานส์ที่ร่อแร่เต็มที “คุณหนูคงเป็น ชานส์ โฮวินสันต์สินะ” “ตาแก่ คุณต้องการอะไร” โคจิม่าฮึดฮัด “ใจเย็นคุณหนูโคจิม่า กระผมมีข่าวมาบอกเล่าเท่านั้นเอง” ทั้งสามคนยืนนิ่ง “โปรดระวังความมืดที่กำลังคลืบคลานเข้ามา มันจะพรากสิ่งที่คุณรักไปตลอดกาล” ว่าจบเขาก็เดินไปพร้อมบ่นพึมพำอะไรบางอย่างก่อนเลี้ยวหายไปในซอยข้างทาง “อะไรของมันวะ” โคจิม่าสบถ หันไปพูดกับสองคน “ไปเถอะมีแต่เรื่องแย่ ๆ ” เขาเปิดประตูฝั่งข้างที่นั่งคนขับให้น้องสาว ชานส์นั่งเบาะหลัง โคจิม่าประจำที่นั่งตัวเองเขาสตาร์สรถก่อนออกรถ พวกเขามาถึงสนามบินขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปที่เมืองวอนาติกัน เรจีน่ากับโคจิม่ามีเรื่องคุยกันเยอะ นาน ๆ ครั้งที่พวกเขาจะเจอกันคงรอวันนี้โดยเฉพาะ พวกเขาคุยกันเรื่อยเปื่อยส่วนชานส์นอนอยู่บนโซฟาตัวยาวเขาหลับตาหายใจเข้าออกพยายามไม่นึกถึงอากาศเวียนหัว จู่ ๆ ก็รู้สึกเย็นขึ้นมาเขาลืมตา “ไง พ่อหนุ่มของฉัน” โคจิม่าถือกระดาษสองสามแผ่นในมือพัดให้เขา “ขอโทษครับ ไม่นึกว่าจะหนักขนาดนี้” “ทีหลังเป็นอะไรก็บอก เดี๋ยวฉันไปหยิบยามาให้” ว่าจบเขาเดินไปที่ตู้ยา “ไม่บอกกันอีกแล้ว” เรจีน่าอดบ่นไม่ได้ “โทษที บอกไม่ทันคิดอะไรไม่ค่อยออกน่ะ” เรจีน่าเอียงคอยิ้มน่ารัก “มาแล้ว ไม่ได้กวนเวลาใช่ไหม” โคจิม่ายื่นแก้วน้ำกับยาให้ “ไม่หรอก” ชานส์รับมาแล้วกินเข้าไป เขาดื่มน้ำสองสามอึกส่งกลับให้โคจิม่า “ไหวแน่นะชานส์ พอไปถึงเมืองให้ฉันพาไปหาหมอไหม” ชานส์ยิ้มเหนื่อย ๆ “ไม่ต้องหรอกครับ แค่นอนพักซักหน่อยเดี๋ยวดีขึ้นเอง” โคจิม่าวางน้ำบนโต๊ะ “นอนซะ พี่วางแก้วน้ำไว้ตรงนี้นะ” ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองวอนาติกัน พอเท้าแตะพื้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือรถซีมูลีนสีดำ พวกเขานั่งไปตามทางจนไปถึงสถานที่สำนักงานใหญ่เอฟบีไอ โคจิม่าหันไปออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่ที่เดินประกบตามมา เจ้าหน้าที่คนนั้นวิ่งขึ้นไปพูดกับเจ้าหน้าที่อีกคนที่ยืนเฝ้าหน้าทางเข้า เจ้าหน้าที่ที่ยืนเฝ้าพยักหน้าเปิดประตูให้ พวกเขาจึงเดินเข้าไป ภายในเป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูก มันดูดีกว่าสำนักงานที่ชานส์ประจำการอยู่ พวกเขานั่งรอผู้อำนวยการตรงมุมพักผ่อนโซฟาตัวใหญ่ อย่างน้อยแอร์ข้างในยังเย็นน้อยกว่าด้านนอก ชานส์มองรอบ ๆ เขาเคยนึกฝันอยากที่จะมาเยือนสำนักงานเอฟบีไอนานแล้ว แต่ตัวเขาในตอนนั้นไม่มีโอกาสหรอกตอนเขาได้แผลที่อกมาเขาก็เลิกทำงานเป็นตำรวจทันทีแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จนเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง... “ไง เด็ก ๆ” เสียงของ วิลเลี่ยม คราวิ่น ดังขึ้นตรงลิฟต์ที่ประตูเปิดออก “พ่อคะ” เรจีน่าเธอวิ่งไปกอดพ่อด้วยความคิดถึง “ไง คนสวยของพ่อ เป็นไงบ้าง” เขาสำรวจรอบใบหน้าของเธอ เธอหัวเราะคิกคัก “หนูสบายดีค่ะพ่อ พ่อล่ะเป็นไงบ้างคะ” “สบายดี พ่อเองยังไม่แก่พอเดินไปไหนมาไหนไม่ได้หรอกน่า” วิลเลี่ยมก้มลงพูดกับหน้าท้องเธอ "ไงจ้ะหลานของตา สบายดีไหม" ขณะที่ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่ ชานส์กับโคจิม่ายืนมองดูทั้งคู่ โคจิม่าพูดกับชานส์ “พ่อคิดถึงเรจีน่ามาก แต่ช่วงนี้งานเยาะเลยทำให้ไปหาไม่ได้” ชานส์ฟังแล้วยิ้มคิดพึมพำในใจ ‘บางทีถ้าพ่อของเขาอยู่ร่วมวงด้วยก็คงจะดี’ แต่มันเป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ถึงคิดแต่มันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เวลาต่อมาไฟก็ดับลงทุกคนที่ทำงานกันหยุดพร้อมกันมองซ้ายมองขวาว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เกิดอะไรขึ้น” “นี่มันอะไรกัน” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกน “ดูเหมือนเครื่องปั่นพลังงานไฟฟ้าจะลัดวงจรครับ” “ใช่ไฟสำรองสิ” “ไม่ได้ครับเครื่องปั่นไฟสำรองพังเละเทะเลยครับ” “อะไรกันวะเนี่ย” โคจิม่ากัดฟันพูด ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก มีเพียงชานส์ที่ยืนโซเซภาพที่ปรากฎในหัวตอนนี้ภาพตรงหน้าหมุนเป็นวงกลม เขาเริ่มยืนไม่ไหวแล้ว ‘ชานส์’ เสียงดังก้องอยู่ในหู เขามองรอบ ๆ แต่มืดเกินไป ‘ชานส์’ มันดังไม่หยุด ‘ทางนี้ หันมาสิ' เขาหันไปทางขวามือ เห็นเงาใครบางคนยืนอยู่มันมืดเกินกว่าที่จะมองเห็นแต่แล้วแสงบางอย่างก็สว่างขึ้นปรากฏเป็นใบหน้าของใครบางคนแสงสีแดงขึ้นตามใบหน้าสวยนั่นเป็นรูปร่าง ดวงตาของคนตรงหน้าเปิดขึ้นเป็นเหมือนตาปีศาจก่อนอะไรบางอย่างจะพุงตรงมาทางชานส์และทุกอย่างก็ดำมืด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD