ตอนที่ 1

1821 Words
ขอให้ทุกคนลืมโลกที่รู้จักไป โลกที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นโลกที่แผนดินไม่ได้แยกออกจากกัน แต่เป็นผืนแผ่นเดียวบวกกับมีเกาะล้อมรอบแผ่นดินอีกชั้นหนึ่ง เป็นร้อย ๆ เกาะ และโลกนี่เต็มไปด้วย ปีศาจ มนุษย์ พ่อมดแม่มด แวมไพร์ นางเงือก มนุษย์หมาป่าและอื่น ๆ บนโลกนี้ ทั้งหมดนี้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข แต่ในความสุขย่อมมีสิ่งก่อกวนใจ สงครามระหว่าง มนุษย์หมาป่ากับแวมไพร์ นางเงือกกับมนุษย์ และมนุษย์กับเขาผู้นั้น สงครามเหล่านี้ไม่มีวันจบสิ้นโดยเฉพาะมนุษย์กับเขาผู้นั้น เพราะสัญญาที่เขาผู้นั้นไม่ควรทำขึ้นมา “ให้ตายเถอะ มนุษย์พวกนี้ชักจะมากเกินไปแล้วนะ” ชายสวมชุดดำมีผ้าคลุมใบหน้าบ่นฮึดฮัดพลางกระทืบมนุษย์คนหนึ่งที่เขาจับได้ “เออทนหน่อย อีกไม่นานสัญญานั้นก็จะหมดแล้ว” “เฮอะ สักวันถ้าสัญญานั้นหมดพวกมันไม่รอดแน่” ณ เมืองไลน์เม้าท์เทนต์ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มการจราจรที่ติดขัดเสียงบีบแตรชวนปวดหัวเสียงโหวกเหวกโวยวายจากข้างนอก...เซ็งจิต “ชั่งเป็นวันที่น่าเบื่อสิ้นดี” ท่านประธานาธิบดีแห่งเมืองไลน์เม้าท์เทนต์บ่นฮึดฮัด มองการจราจรข้างนอก ช่างน่าเบื่อ แต่ทำไงได้ก็นี่ฤดูหนาวนี่บวกกับวันนี้ต้องกล่าวแถลงการณ์ที่เขาต้องไปถึงเมืองโอเลนอีก “ท่านครับ ได้เวลาแล้วครับ” คนสนิทของเขามาพร้อมกับเสื้อที่เขาต้องใส่ในวันนี้ “เข้าใจแล้ว” เขาหยิบนาฬิกาข้อมือมาสวม “จริงสิ ตอนนี้...” พอเขาหันไปร่างของคนสนิทของเขาก็ล้มลงไปนอนที่พื้นที่เต็มไปด้วยกองเลือด “ขออภัย” คนแปลกหน้าที่นั่งบนเก้าอี้พูด “ที่เข้าห้องเขาท่านโดยผละการ” ชายคนนั้นพูดพร้อมควงมีดในมือเล่น “ไม่ว่ากันนะข้างนอกมันหนาว” “คุณเป็นใคร เข้ามาได้ไง มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง!” “เรียก...”ชายแปลกหน้าหันไปมองข้างหลังก่อนหันกลับมา "เรียกใคร...อ้อ การ์ดด้านนอกผมส่งพวกเขากลับบ้านกว่าไปหมดแล้ว" ประธานาธิบดีตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เขาละสายตาคมกริบนั้นไม่ได้เลย พลั้นตัวเขาเหมือนถูกดันเข้าไปติดกับผนังห้อง “อ๊าก!” เขาร้องลั่น พยายามดึงมีดออก มันติดหนึบกับกำแพงแน่นเกินกว่าที่เขาจะดึงออก ชายคนนั้นเดินเข้าไปหาช้า ๆ มองด้วยความขบขัน "เอกสารอยู่ไหนขอรับท่าน" ประธานาธิบดีไม่ทันอ้าปากพูด "อื้ม...ไม่ต้อง ๆ คุณคงเผามันทิ้งไปแล้ว ฉลาดนี่แค่เผามันซะก็จะถือว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาคนนั้น" พริบตาเดียวชายคนนั้นไปยืนอยู่ข้างหน้าเขา “แต่โง่สิ้นดีคิดจริง ๆ เหรอว่าแค่เผาแล้วคุณจะรอดโถ ๆ มนุษย์” มีดอีกเล่มโผล่มาจากแขนเสื้อข้างขวา “หลับอย่างสงบนะครับ” หิมะตกหนักมากกว่าปกติ การจราจรติดขัดถึงขนาดที่ว่ารถบนถนนแถบไม่ขยับเลย “ตกหนักจริงๆด้วยสินะ” นักสืบชานส์ โฮวินสันต์ มองออกไปนอกหน้าต่าง เขากลับมาทำงานอีกครั้งได้ตำแหน่งเดิมของตัวเอง หลังจากผ่านไปสองปีเต็มทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกังวลใจเกี่ยวกับแผลที่ปอดของเขา เขาต้องไปที่โรงพยาบาลบ่อยขึ้นค่าใช้จ่ายไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เรื่องของเรจีน่าต่างหากตอนนี้เธอตั้งครรภ์สองเดือนแล้ว เขาไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเธอนานเกินหกชั่วโมง 'อยากกลับบ้านจัง' เสียงเคาะประตูดังขึ้น “เชิญครับ” เดวิด เมอร์ริซ่า เดินเข้ามาในห้องพร้อมปิดประตูอย่างดัง ชานส์สะดุ้งก่อนถอนหายใจ เดาอารมณ์ได้ไม่ยาก เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะน่า บอกว่าฟาดลงบนโต๊ะซะมากกว่าลักษณะนี้ไม่น่าวาง “เมื่อไหร่คุณจะได้เป็นผู้กำกับซะที” “...........” ก็นะที่เดวิดพูดแบบนี้ เพราะชานส์ได้รับการโหวดจากทุกคนว่าเมื่อผู้กำกับดีนเกษียณออกจากตำแหน่ง เขาจะได้ขึ้นเป็นผู้กำกับคนใหม่ทันที “ผมเบื่อไอรองผู้กำกับนั้นเต็มทีแล้ว” เดวิดนั่งลง ชานส์ถอนหายใจ “อีกแล้วล่ะสิ” เดวิดมองเพดานพยักหน้าเบา ๆ ชานส์หยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน “คุณลองคิดดูสิ มีแต่งานบ้า ๆ อะไรก็ไม่รู้ ทำอย่างกับว่าพวกเราเป็นเด็กอมมือทำงานใหญ่ๆไม่เป็น” เดวิดบ่นไม่หยุด ชานส์เกาหัวขณะดูเอกสาร 'นั้นสินะ คิดเหมือนกันเลย' ชานส์คิดในใจ เสียงเคาะประตูดังอีกรอบ “เชิญครับ” คนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่นผู้กำกับดีนเดินเข้ามาปิดประตูตามหลังเงียบเฉียบทั้งสองคนยืนทำความเคารพ ผู้กำกับดีนโบกมือเขานั่งลงข้างเดวิดสายตามองที่เอกสารที่อยู่ที่มือของชานส์ “ขอผมดูหน่อย” เขายื่นมือไปรับเอกสารที่ชานส์ส่งให้เขาพลิกดูสองสามหน้า เขายิ้มแห้ง “งานนี้มัน...เฮ้อ พวกคุณเจอเรื่องหนักซะแล้ว” เขาสายหน้า “มันเกิดขึ้นแล้วหนิ” เดวิดแหนบ “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชานส์เปิดประเด็น ผู้กำกับดีนพยักหน้า “ท่านประธานาธิบดีแห่งเมืองไลน์เม้าท์เทนต์ถูกลอบสังหาร” “พวกก่อการร้ายเหรอครับ” “ยังสรุปไม่ได้” ผู้กำกับดีนพยักหน้า “ทางเอฟบีไอกับซีไอเอคงไม่อยู่นิ่ง ๆ แน่ พวกเขากำลังตามหาล่องลอยของฆาตกร ตอนนี้พวกเขาคิดว่าเป็นการก่อการร้าย” ในห้องตกอยู่ในความเงียบ เดวิดกุมขมับ “เรื่องใหญ่เลยงานนี้” ชานส์หรี่ตามองเอกสารแต่ในหัวคิดแต่เรื่องที่ท่านประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นดึงความสนใจอีกสองคนที่นั่งตรงหน้า “ครับผม...เข้าใจแล้ว” “มีอะไรเหรอ” “สงสัยเราต้องไปเองซะแล้วล่ะ” พวกชานส์นั่งเครื่องบินเจ็ทไปเมืองโอเลน บ้านพักของประธานาธิบดีห่างจากเขตเอไม่มากถ้านั่งรถราว ๆ สองถึงสามชั่วโมง เครื่องบินเจ็ทประมาณชั่วโมงครึ่ง “อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงแล้ว” เดวิดนั่งเท้าคางริมหน้าต่าง เขาจิบกาแฟสองสามอึก “หวังว่าจะไม่เจอรองผู้กำกับนั่นนะ” ชานส์มองหน้าเดวิดพลางคิดในใจ 'หวังไว้เหมือนกัน' หนึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึง พวกเขาชูตราตำรวจให้นายตำรวจที่ยืนเฝ้าทางเข้าที่เกิดเหตุ นายตำรวจหลีกทาง พวกเขาจึงเดินเข้าไป “ไง กว่าจะมาช้าจริง ๆ” เสียงที่พวกเขาคิดไม่ถึงทำให้ชานส์กับเดวิดเหนื่อยใจขึ้นมาทันที “สวัสดีครับรองผู้กำกับฯ” ชานส์เป็นฝ่ายพูดก่อน เขากระทุ้งศอกเดวิดเบา ๆ แต่เดวิดเพียงพยักหน้าให้ “พวกคุณอยากโดนไล่ออกมากเลยใช่ไหม” รองผู้กำกับฯมองพวกเขาอย่างเอาเรื่อง “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมจัดการเอง” เจ้าของเสียงเดินมาหยุดอยู่ข้างเขา เขาคือ เดเมี่ยน โฮแม็กกี้ อดีตคู่หมั้นของเรจีน่า บาลี โฮแม็กกี้ คนพ่อถอนหายใจก่อนหันไปสั่งงานต่อ เดเมี่ยนเดินมาหาชานส์พูดกระซิบเบา ๆ “อย่าคิดว่าแย่งเรจีน่าไปแล้วเรื่องมันจะจบ อย่าคิดว่าแย่งเธอไปแล้วจะชนะฉัน ฉันจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า...คอยดู” ว่าจบเดเมี่ยนเดินไปสบทบกับคนพ่อ “หน้าด้านหน้าทนจริง ๆ” เดวิดกระซิบขึ้นบ้าง "ชั่งเถอะ ทำงานดีกว่า" ผ่านไปราวสองชั่วโมง ถึงจะบอกว่างานยังไม่เสร็จก็คงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อมันไม่เหลืออะไรให้ตรวจสอบแล้ว “นั้นคุณจะไปไหน” ชานส์หันไปถามเดวิด “สูดอากาศข้างนอก ไปไหม” “ก็ดี” ชานส์เดินตามเดวิดไป “นักสืบโฮวินสันต์ครับ” “ครับผม” “ภรรยาของคุณมาแล้วครับ เธอรออยู่ข้างนอก” ชานส์พยักหน้า “ขอบคุณมาก” เขาเดินออกไปเห็นรถปอเช่สีน้ำเงินจอดอยู่ เขากลืนน้ำลายดังเฮือก บุคคลที่น่ากลัวมาอีกคนแล้ว “ชานส์” เธอโบกมือให้เขา ชานส์เดินเข้าไปหาเธอ “เอ่อ...” “ฉันมาแล้วมีปัญหาเหรอ” โคจิม่า คราวิ่น พี่ชายของเรจีน่าเป็นเอฟ่บีไอระดับสูง ไม่เป็นการแปลกที่เอฟบีไอมาถึงนี่ในเมื่อคนที่ถูกฆ่าคือท่านประธานาธิบดี “สวัดดีครับ” “ไง ชานส์” แน่นอนว่าไม่เพียงแค่ชานส์ที่เหงื่อตกแม้แต่เดวิดถึงแม้จะทั้งสองจะไม่ค่อยได้คุยกันนักเดวิดก็ยังรู้สึกขนลุกตรงต้นคอ โคจิม่ามองไปรอบ ๆ หยุดมองรถคันหนึ่งเขาหรี่ตาเดินกระทืบเท้าเข้าไปแตะไหล่เดวิด “พาเข้าไปหน่อย” เดวิดเดินนำโคจิม่าเข้าไปข้างในบ้านพัก “พี่โคจิม่ารู้ว่า...สองคนนั้นจะมาที่นี่เลยตามมาด้วยค่ะ” ชานส์ยิ้มไม่ออก “หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องนะ” เนื่องจากคดีครั้งก่อนจบลง ชานส์ได้เข้าไปส่วนหนึ่งของครอบครัว คราวิ่น เป็นเหตุทำให้ เดเมี่ยน อดีตคู่หมั้นของเรจีน่ายอมไม่ได้ หลังจากนั้นเดเมี่ยนจะมาก่อกวนชานส์อยู่ตลอดเวลา ทำให้ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันแม้ชานส์จะพยายามผูกมิตรด้วยแล้วก็ตาม “เข้าไปนั่งรอในรถก่อนเถอะ” “ไม่ค่ะ ขอสูดอากาศข้างนอกดีกว่า” ชานส์นิ่งเงียบถึงเขาจะอยู่กับเธอไม่เคยนานกว่าหกชั่วโมง นี่จึงเป็นเวลาสำคัญที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกัน “นานแล้วนะที่เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันแบบนี้” เรจีน่ากระพริบตาปริบ ๆ ก่อนยิ้มแก้มปริ พวกเขายืนคุยกันสักพัก เดวิดเดินออกมาจากบ้านพัก เขามองไปรอบ ๆ พอมองเห็นชานส์กับเรจีน่าเขาเลยเดินเข้าไปหา “ว่ามา” เดวิดมองเรจีน่า “พี่ชายคุณอะลาวาดใหญ่เลย...เหมือนกับว่า...เก็บกดมานาน” เดวิดทำเป็นมองนาฬิกาข้อมือ “ผมกลับก่อนดีกว่า จะกลับเลยไหมถึงเขตเอพอดีก็เกือบเย็น ๆ” ก่อนที่ชานส์จะพูดเดเมี่ยนก็เดินออกมาพอดี มองมาทางพวกเขา พวกเขาจ้องหน้ากันเรจีน่ากระตุกแขนชานส์ “เรารีบไปกันเถอะ...ขอร้องล่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD