๑ คนเก่ายังอยู่ในใจ คนใหม่ยังอยู่ข้างกาย

1868 Words
สองสาวต่างวัยตรงไปยังฟาร์มโคนมที่ห่างออกไปไม่มากโดยรถเก๋งของอัจฉรา เมื่อไปถึงทั้งสองก็เรียกคนงานมาช่วยขนหม้อกล้วยบวชชีไปไว้ที่โรงครัว อัจฉราเอ่ยถามคนงานสองสามคำจึงรู้ว่าพ่อและแม่รวมทั้งน้องชายอยู่ที่ไหน “ไปจันทร์ เราไปหาพ่อกับแม่ที่คอกพักชั่วคราวกันเถอะ” สิ้นเสียงของอัจฉรา จันทร์กระจ่างก็เดินตามอีกฝ่ายตรงไปยังคอกพักชั่วคราวที่สร้างเอาไว้สำหรับแยกวัวที่เกิดโรคโดยเฉพาะ เมื่อไปถึง ทั้งคู่ก็เห็นบิดามารดากำลังยืนดูวัวตัวโตที่ถูกย้ายมาไว้ในคอกพักชั่วคราว “แม่” เสียงเรียกของลูกสาวทำให้นางมนพรและนายอังกูรหันไปตามเสียง เมื่อเห็นว่าลูกสาวมากับลูกสะใภ้ก็ส่งยิ้มให้ทันที “อ้าว จันทร์ก็มาด้วยเหรอลูก” จันทร์กระจ่างส่งยิ้มให้ท่าน ขณะหยุดลงข้างๆ ร่างอวบ “จันทร์แวะไปหาหนูที่บ้าน ก็เลยชวนทำกล้วยบวชชี แล้วก็ยกหม้อมาที่นี่ ให้คนงานยกไปเก็บเอาไว้ในโรงครัวแล้ว” อัจฉราบอกกับมารดา “แม่กับพ่อจะกินเลยไหม” “ยังหรอก รอเจ้าอิชย์ก่อน” นางมนพรบอกกับลูกสาว พลางมองเข้าไปยังคอกวัวที่มีลูกชายและสัตวแพทย์ประจำฟาร์มกำลังตรวจสุขภาพของเจ้าวัวอย่างละเอียด จันทร์กระจ่างขยับเข้าไปใกล้คอก แล้วมองเข้าไปที่ร่างของสามี ดวงตาคู่งามมองเขาด้วยความชื่นชมอย่างชัดเจน เวลาที่อิชย์ตั้งใจทำงานโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขายิ่งดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก หล่อนตกหลุมรักเขาก็เพราะแบบนี้ แววตาเป็นประกายของจันทร์กระจ่าง ทำให้นางมนพรและอัจฉราสบตากันยิ้มๆ ทั้งคู่ชอบใจภรรยาของลูกชายมาช้านาน เมื่อรู้ว่าทั้งสองตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน แม้จะยังไม่มีการจัดงานให้เป็นกิจจะลักษณะตามความพอใจของคนทั้งสองโดยเฉพาะลูกชายของตน แต่ทั้งหมดก็รับรู้และยอมรับหญิงสาวเข้ามาเป็นสะใภ้อย่างเต็มใจ เพราะนอกจากจันทร์กระจ่างจะมีรูปร่างหน้าตาน่ารักชวนมองแล้ว ยังขยันขันแข็ง ใจเย็น ทำอาหารก็อร่อย แม้แต่อิชย์เองยังยอมรับในข้อนี้ อิชย์เงยหน้าขึ้นจากวัวตรงหน้าแล้วต้องชะงัก เมื่อพบว่าจันทร์กระจ่างกำลังส่งยิ้มให้เขา ชายหนุ่มยิ้มตอบกลับไปเล็กน้อย แล้วก้มลงดูอาการของวัวนมตรงหน้า ทั้งยังพูดจาตอบโต้กับสัตวแพทย์ไปพลาง เกือบสิบนาที ร่างสูงจึงเดินออกมาจากคอกวัวและหยุดลงตรงหน้าหญิงสาว “มากับใคร” ชายหนุ่มสบตาเจ้าของร่างเล็ก แล้วมองไปยังพี่สาวที่กำลังยืนคุยกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ที่เดินทางมาจากอำเภอ “มากับพี่อัจค่ะ วันนี้คุณคงไม่ได้เข้าคลินิกใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มถอนหายใจยาวขณะหันไปมองคอกวัว “อืม มีวัวติดโรคเพิ่ม เลยฝากคลินิกเอาไว้กับดนัย” เขาบอกพลางยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา “เที่ยงแล้ว” หญิงสาวพยักหน้ายิ้ม “วันนี้จันทร์กับพี่อัจช่วยกันทำกล้วยบวชชีด้วยนะคะ” หญิงสาวบอกกับชายหนุ่มขณะที่กำลังเดินไปยังโรงครัว ทว่ารถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดด้านหน้าทำให้ร่างสูงของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีหยุดชะงัก ทำให้หญิงสาวต้องหยุดตามไปด้วย และเมื่อมองตามสายตาของเขาไป หัวใจดวงน้อยที่กำลังสดชื่นก็เหี่ยวเฉาและดิ่งวูบ เมื่อเห็นสาวงามร่างเพรียวบางกำลังส่งยิ้มให้คนข้างกายของหล่อนและเดินตรงมาหาด้วยท่วงท่าน่ามอง อัจฉราที่หันไปยังน้องชายและน้องสะใภ้พลันชะลอฝีเท้าลง คิ้วสวยขมวดมุ่นเมื่อมองเห็นอดีตคนรักของน้องชายเดินมาหยุดตรงหน้าอิชย์ “ทำไมมาถึงที่นี่ได้ล่ะแพร” อิชย์เอ่ยทักอดีตคนรัก พลางมองหญิงสาวด้วยสายตาแปลกใจ เจ้าของร่างงามค้อนคมเบาๆ อย่างมีจริตจะก้านพลางหันไปมองสาวน่ารักที่ยืนข้างกายชายหนุ่มตัวโตแวบเดียวเท่านั้น ทำเอาจันทร์กระจ่างหัวคิ้วแทบกระตุก เพราะเหมือนแพรทำราวกับว่าหล่อนไม่มีตัวตน อิชย์เหลือบตามองคนข้างกายแวบหนึ่ง และได้เห็นสีหน้าที่เรียบลงของหญิงสาว ก่อนหันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่กำลังตกอยู่ในความสนใจของทุกคนในบริเวณนี้ ใครๆ ก็รู้ ว่าเขากับเหมือนแพรเคยเป็นคนรักกันและเลิกรากันไปนานแล้ว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจตกลงอยู่กินกับจันทร์กระจ่างอย่างเงียบๆ มาจนถึงวันนี้ “ก็แพรไปหาอิชย์ที่คลินิก แต่คุณดนัยบอกว่าวันนี้อิชย์ไม่เข้า เพราะต้องอยู่ดูแลวัวที่ฟาร์ม พอรู้เรื่องแพรก็เลยขับรถตามมานี่แหละ ก็ตั้งใจมาชวนอิชย์ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน” บอกพลางชำเลืองตามองจันทร์กระจ่างอีกครั้ง พลางทำตาโตและส่งยิ้มหวานให้ “อุ๊ย คุยเพลิน สวัสดีค่ะคุณจันทร์ สบายดีหรือเปล่าคะ” จันทร์กระจ่างยิ้มตอบ เมื่ออีกฝ่ายหันมาทักทายราวกับว่าเพิ่งเห็นหล่อนอยู่ในสายตากระนั้น “สบายดีค่ะ” “เที่ยงนี้พี่ขอยืมตัวอิชย์ก่อนนะจ๊ะ แล้วบ่ายๆ จะพามาส่ง” คำพูดของเหมือนแพรทำให้คนอื่นๆ ที่เงี่ยหูฟังถึงกับนิ่วหน้าอย่างไม่เห็นด้วยกับการกระทำของอีกฝ่าย ขณะที่จันทร์กระจ่างเพียงยิ้มและหันมองสามีของตน รอฟังว่าเขาจะตอบอดีตคนรักออกไปอย่างไร แต่ดูเหมือนคนที่ทนไม่ได้จะเป็นอัจฉราเสียเอง ฝ่ายนั้นเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินตรงมายังน้องชายทันที “อ้าวแพร ไม่ได้เจอกันเสียนาน สบายดีใช่ไหมจ๊ะ” เหมือนแพรยิ้มหวานพลางยกมือขึ้นทำความเคารพ คนที่เป็นพี่สาวของอิชย์ยกมือรับไหว้ พร้อมรอยยิ้มที่เจือดวงหน้าเรียว ทว่าดวงตาที่มองน้องสะใภ้นั้นบอกเป็นนัยว่าไม่ต้องห่วง “สบายดีค่ะพี่อัจ ว่าแต่พี่อัจมีข่าวดีบ้างหรือยังคะ ถ้าคิดจะแต่งเมื่อไรอย่าลืมบอกแพรนะคะ” อัจฉรามุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะฉีกยิ้มกลับไป “อุ๊ย พี่ไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกจ้ะ ให้พี่มีสามี พี่ขอมีเงินแทนดีกว่า สมัยนี้เงินสำคัญกว่าสามีจ้ะ” พูดพลางยกมือขึ้นป้องปากกลั้วหัวเราะ ทำเอาคนเริ่มเรื่องถึงกับต้องหัวเราะตามไปแกนๆ ทว่าภายในใจนั้นอดหมั่นไส้ไม่ได้ เป็นที่รู้กันว่าอดีตคนรักของอิชย์กับพี่สาวไม่ค่อยถูกชะตากันนัก แต่ถึงอย่างนั้นอัจฉราก็ไม่เคยจะห้ามปรามน้องชาย หรือแสดงทีท่ารังเกียจหรือไม่ชอบออกมาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามยังต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี แต่เมื่ออีกฝ่ายเลือกคนอื่นแทนอิชย์ คนที่โล่งใจที่สุดจึงเป็นอัจฉรา แม้จะสงสารน้องชายไม่น้อย แต่ก็ยังดีกว่าแต่งงานกันไปแล้วอยู่กันไม่รอด “แหม พี่อัจก็พูดเกินไป ถ้ามีสามี อย่างน้อยเราก็จะได้มีเพื่อนเอาไว้พูดคุยยามแก่ชรานะคะ” เหมือนแพรจงใจเน้นคำว่าแก่ชราเป็นพิเศษ ทำเอาอัจฉราถึงกับกัดฟันยิ้ม “อุ๊ย พี่ไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกจ้ะ อีกหน่อยตาอิชย์กับจันทร์ก็มีหลานมาให้พี่เลี้ยง ยังไงก็ไม่เหงาแน่นอน” อัจฉราฉีกยิ้มให้คนสวยอีกคำรบ ก่อนจะหันไปมองหน้าน้องชายและน้องสะใภ้พลางบอก “ไปกินข้าวกันเถอะ เที่ยงกว่าแล้ว” ไม่เพียงคำพูด แต่สีหน้าและแววตาที่มองน้องชายยังบังคับอยู่กลายๆ ทำให้อิชย์ผ่อนลมหายใจยาวก่อนหันไปมองเหมือนแพรแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ผมคงออกไปข้างนอกไม่ได้ เพราะต้องรีบกลับมาดูอาการวัวต่อ แต่ไหนๆ แพรก็มาแล้ว กินข้าวด้วยกันที่นี่ไหม” เหมือนแพรยิ้มหวานทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยเช่นนั้น “ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องขับรถออกไปอีก มื้อนี้ขอฝากท้องไว้ที่นี่สักมื้อนะคะ” ตอบพลางสบตาสาวร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับอัจฉรา แล้วก่อนที่จันทร์กระจ่างจะก้าวออกไปพร้อมกับสามี เหมือนแพรก็แทรกตัวเองเข้ามาตรงกลาง มิหนำซ้ำยังถือวิสาสะเกาะแขนชายหนุ่มต่อหน้าต่อตาภรรยาของเขา ทำเอาจันทร์กระจ่างถึงกับมองอย่างอึ้งๆ ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะกล้า แล้วหันไปสบตาพี่สาวของสามี ฝ่ายนั้นทำตาโตไม่ต่างกันก่อนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขณะที่อิชย์เองก็หลุบตามองอดีตคนรักแวบหนึ่ง ก่อนหันไปมองจันทร์กระจ่างที่มีสีหน้าเรียบตึงแกมตกใจ เขาถอนหายใจยาวพร้อมกับดึงมืออีกฝ่ายออก แม้ในใจนึกยินดีที่ได้พบเจอกันอีกครั้ง แต่เวลานี้ทั้งเขาและหล่อนต่างก็มีพันธะ มีคนของตัวเองแล้วทั้งคู่ จะสนิทสนมเช่นกาลก่อนอีกคงไม่ได้ เหมือนแพรหน้าเสียลงเล็กน้อยเมื่อถูกอิชย์ปลดมือออกจากท่อนแขนล่ำสัน แต่เพียงแวบเดียวก็ฉีกยิ้มและชวนคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พลางทักทายคนงานที่รู้จักมักคุ้นกันตลอดทางที่เดินตรงไปยังโรงครัว อัจฉราถอยร่นลงมาตีคู่กับจันทร์กระจ่าง พลางกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันแค่สองคน “จันทร์ ท่องนะโมไว้นะ ดูๆ ไปก่อน อย่าเพิ่งปรี๊ดแตก” แต่คนพูดกลับหันไปค้อนขวับเสียเอง พลางเอ่ยขึ้นอีก “คนอะไร ทำตัวน่าเกลียด มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วยังจะมาวอแวกับผัวชาวบ้าน ทุเรศลูกกะตา!” หญิงสาวสบตาพี่สามีแวบหนึ่ง คำพูดของอัจฉราสุมไฟในใจของจันทร์กระจ่างขึ้นไปอีกระดับขณะมองแผ่นหลังกว้างของอิชย์ อยากรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ คงดีใจที่ได้เจอหน้าอดีตคนรักอีกครั้ง และถ้าตรงนี้ไม่มีใครอยู่ หล่อนไม่อาจรู้ได้เลยว่าทั้งคู่จะแสดงความรู้สึกที่มีต่อกันออกมามากมายขนาดไหน ทั้งที่หล่อนเป็นเมียของเขา ทั้งที่หล่อนก็ยืนอยู่ตรงนี้ ทว่าทำได้แค่มองตามอย่างปวดใจ แม้ว่าลึกๆ อยากจะแสดงออกให้มากกว่าการมองตามเฉยๆ แต่ข้อตกลงที่มีต่อกันนั้นยังค้ำคอ และตัดช่องทางในการแสดงอารมณ์ทั้งหมดทั้งมวล ฉันไม่ชอบผู้หญิงขี้หึง โวยวาย พูดไม่รู้เรื่อง ถ้าเธอไม่เป็นแบบนี้ เราก็อยู่ด้วยกันได้ แล้วถ้าทำไม่ได้ล่ะ ถ้าหมดความอดทนขึ้นมาล่ะ ต้องเลิกกันใช่ไหม... ดวงตาคู่สวยหม่นหมองเสียจนคนที่แอบมองมายังหญิงสาวนึกเห็นใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD