๕ สายใยผูกใจ2

2194 Words
อิชย์ออกมาจากที่พักของเพื่อนตำรวจที่เขาแวะค้างแรมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของภรรยา แม้ว่าฝ่ายนั้นจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่เกี่ยวกับเรื่องนี้และแนะนำให้เขากลับไปรอความคืบหน้าที่บ้าน ให้อีกฝ่ายจัดการจะดีกว่า แต่เขาไม่อาจรอได้จริงๆ ยิ่งได้ข้อมูลมาพอสมควรแบบนี้ ก็ยิ่งร้อนรน ขณะที่กำลังขับรถมุ่งตรงไปยังจังหวัดราชบุรี เขาสังเกตเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับตามมาห่างๆ ดวงตาคมกริบมองไปข้างหน้า เมื่อเห็นปั๊มน้ำมันจึงแวะเข้าไป เขามองกระจกส่องหลัง รถคันเดิมยังขับตามเข้ามา เมื่อเขาหยุดบริเวณหน้าห้องน้ำ รถคันนั้นก็เข้ามาจอดเทียบท่า ชายหนุ่มหันไปมองอย่างดูเชิงอยู่ครู่ใหญ่ ทว่าคนขับรถยังไม่ยอมลงมา เขาจึงตัดสินใจลงจากรถ ทันทีที่ประตูของเขาปิด เจ้าของรถคันข้างๆ ก็เปิดออก ชายฉกรรจ์หน้าดุสองคนลงมาจากรถยนต์คันนั้น เดินตามเขาเข้าไปในห้องน้ำชาย แล้วหยุดอยู่ข้างๆ ต่างลอบสังเกตกันและกัน เมื่อคนอื่นๆ ออกไปกันหมด อิชย์ก็เอ่ยถามขึ้น “พวกคุณตามผมมาทำไม” ชายสองคนที่เข้ามายืนขนาบข้างหันมองชายหนุ่ม ดวงตาคมของทั้งสองเรียบนิ่ง ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเรียบขรึมแต่มีนัยข่มขู่อยู่กลายๆ “เลิกยุ่งกับคุณเหมือนแพร ห้ามเจอ ห้ามพูดคุย ถ้าคุณยังไม่ยอมหยุดติดต่อ ผมไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณทั้งสองคน” อิชย์นิ่วหน้า เขาเม้มปากอย่างไม่พอใจที่ถูกข่มขู่และเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น ดวงตาสีเข้มตวัดมองคนที่บอกด้วยน้ำเสียงขรึมจัด พลางหันไปมองอีกคนที่ยืนขนาบข้างเขาเอาไว้ ฝ่ายนั้นสบตากลับมาอย่างดุดัน พลางเอ่ย “นี่ไม่ใช่คำเตือน แต่เป็นคำสั่ง ถ้าไม่อยากให้คุณเหมือนแพรต้องเดือดร้อน และไม่อยากให้ตัวเองต้องลำบาก อย่ายุ่งกับเธออีก” พูดจบ ชายทั้งสองก็เดินออกไปจากห้องน้ำ อิชย์มองตามด้วยสายตาวาววับ เขารีบล้างมือแล้วเดินตามออกไป ยังทันได้สบตาข่มขู่ของคนทั้งสองอีกครั้ง และยืนมองจนรถยนต์คันนั้นออกไปจากปั๊มน้ำมันจึงผ่อนลมหายใจยาว ร่างสูงก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ตั้งสติใหม่ พลางขมวดคิ้วนิ่วหน้าเมื่อคิดถึงลักษณะของคนทั้งสอง คนหนึ่งค่อนข้างสูงใหญ่ อีกคนสันทัด แต่ทั้งคู่คล้ายกับว่าจะเป็นคนในเครื่องแบบ เพียงแต่เวลานี้อยู่นอกเครื่องแบบ ตัดผมสั้นเกรียนและสวมหมวกแก๊ป พอคิดมาถึงตรงนี้เขาก็นึกถึงสามีของเหมือนแพรขึ้นมาทันที และมั่นใจว่าคนทั้งสองอาจเป็นคนของสามีของหล่อนก็เป็นได้... ชายหนุ่มถอนหายใจอีกคำรบ ก่อนจะขับรถออกไปเติมน้ำมันจนเต็มถัง จุดประสงค์ของเขายังคงเดิม นั่นคือตามหาตัวภรรยาตามที่ได้รับรู้มาคร่าวๆ จึงปัดเรื่องของเหมือนแพรทิ้งไป เพราะไม่ว่าอย่างไร เวลานี้ คนที่เขาต้องคิดถึงให้มากที่สุดก็คือ จันทร์กระจ่าง ไม่ใช่อดีตคนรักที่มีสามีแล้วเช่นเหมือนแพร ชายหนุ่มส่ายหัวเบาๆ เขาจะต้องเลิกคิดถึงเหมือนแพรให้ได้ ต่อให้ไม่กลัวผัวของหล่อน แต่เขาก็ไม่อยากลากปัญหาเข้ามาให้บิดาและมารดาต้องร้อนใจ เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็เหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางด้วยจิตใจแสนมุ่งมั่น ที่เขาไม่เคยรู้ว่าเหตุใดจึงมุ่งมั่นได้เพียงนี้ แม้แต่กับอดีตคนรัก เขาก็ยังไม่ขวนขวายที่จะติดตามให้มากกว่าที่ควร เขาเสียใจที่หล่อนจากไป เขายื้อแต่ก็ไม่มากพอ สุดท้ายเขากลายเป็นคนเย็นชาในสายตาของคนอื่น แม้กระทั่งจันทร์กระจ่าง ทว่าเมื่อจันทร์กระจ่างหายไป หล่อนทำให้เขานอนเตียงเดิมได้ไม่เป็นสุขอย่างที่เคย ทั้งที่เตียงนั้นอยู่มาก่อนที่หล่อนจะเข้ามาครอบครองมันร่วมกันกับเขาด้วยซ้ำไป ภายในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง จันทร์กระจ่างกำลังนั่งรอผลตรวจจากคุณหมอ หญิงสาวกุมมือตัวเองเอาไว้ รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย จากนั้นไม่นานจึงถูกเชิญเข้าไปพบกับคุณหมอในห้องตรวจ “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ” เมื่อได้ฟังคำยินดีของคุณหมอ หญิงสาวก็แทบไม่ได้ยินคำพูดอื่น เพราะในใจนั้นเต็มตื้นยินดีและปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกหวาดหวั่นเล็กๆ เพราะการที่ต้องมาเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้น ให้ความรู้สึกแตกต่างกับผู้หญิงที่มีครบทั้งครอบครัว สามีและคนที่รัก แต่ถึงอย่างนั้น หล่อนก็ยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตต่อจากนี้ให้ดีที่สุด และเมื่อเขาเกิดมา หล่อนจะเป็นทั้งแม่และพ่อให้กับลูกคนนี้เอง ดวงหน้าที่เคยหม่นหมองยามนี้มีรอยยิ้มแต่งแต้มบางเบา ปัทมาเหลือบตามองเพื่อนรักแล้วยิ้มอ่อน แม้จะมาช้าจากที่นัดกันเอาไว้หนึ่งวัน เพราะช่วงบ่ายวันก่อนมีงานด่วนเข้า ทำให้หล่อนจำต้องขอเลื่อนเพื่อนรักมาเป็นวันนี้ แต่กลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเพื่อนตั้งครรภ์จริง ทำให้คนข้างกายกลับมามีแววตาสดใสอ่อนโยนได้อีกครั้ง “ดีใจด้วยนะแก” จันทร์กระจ่างสบตาเพื่อนพร้อมกับยิ้มตอบ “อืม ขอบใจแกมากนะที่มาเป็นเพื่อน” “ถึงแกไม่ให้มาด้วยฉันก็จะมาย่ะ” จันทร์กระจ่างยิ้มตอบพลางผ่อนลมหายใจด้วยความปลอดโปร่ง ทั้งที่มีอีกหนึ่งชีวิตมาให้ดูแลเพิ่มแต่หล่อนกลับไม่รู้สึกว่าเขาคือภาระเลยสักนิด ตรงกันข้าม เขาคือของขวัญอันยิ่งใหญ่ เป็นสายใยที่ค่อยๆ ถักทอ ผูกมัดพันใจเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อทั้งสองกลับมาถึงบ้าน ปัทมาก็ขมวดคิ้วมอง เพราะมีรถกระบะสวมคอกสูงคุ้นตาจอดอยู่ พอเห็นแผ่นหลังกว้างที่ยืนหันหลังให้หญิงสาวก็มีอาการขวยเขินต่อหน้าต่อตาเพื่อนรัก จันทร์กระจ่างมองเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว พอเห็นหนุ่มร่างใหญ่ยืนอยู่ก็ยิ้มออกมาทันที เพราะมั่นใจว่าคนที่เห็นอยู่ในขณะนี้คือคนที่ปัทมากำลังคบหากันอยู่ “คนนี้ใช่ไหม” จันทร์กระจ่างเอ่ยถามเพื่อน คนที่ทำหน้าที่สารถีพยักหน้ายิ้ม “อือ คนนี้แหละ พี่เต้” เมื่อรถเก๋งของปัทมาจอดลง เต้หรือทินกรที่กำลังยืนดูลูกน้องของตนเองโยนมะพร้าวใส่คอกก็หันกลับมาทันที พอเห็นร่างกลมกลึงของคนรักเขาก็ยิ้มกว้าง เขาไม่แปลกใจที่เห็นสาวสวยแปลกหน้าก้าวตามคนรักของเขามาติดๆ เพราะพ่อกับแม่ของปัทมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าหญิงสาวพาเพื่อนไปหาหมอ “พี่เต้มานานหรือยัง” ทินกรละสายตาจากจันทร์กระจ่างมายิ้มให้คนรักพลางตอบ “เพิ่งมาสักครึ่งชั่วโมงเอง” เขาตอบพลางเบนสายตาไปยังจันทร์กระจ่างอีกครั้ง หญิงสาวสบตาชายที่เพื่อนกำลังคบหาแล้วยกมือไหว “นี่จันทร์ เพื่อนปัทเอง” ปัทมาบอกกับชายหนุ่ม ทินกรรับไหว้พร้อมพยักหน้ายิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ได้ยินปัทพูดถึงมาหลายครั้งแล้ว วันนี้ได้เจอตัวจริงสักที แล้วไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” จันทร์กระจ่างสบตาปัทมาแวบหนึ่ง เป็นเพื่อนรักที่ตอบคำถามนี้เสียเอง เพราะรู้ดีว่าเพื่อนยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องนี้กับใครโดยเฉพาะคนนอก “ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ว่าแต่พี่เต้กินอะไรมาหรือยัง นี่ก็เที่ยงพอดีเลย” “ยัง รอเรานี่แหละ พี่แวะซื้อเป็ดย่างกับผัดไทยกุ้งสดมาฝากด้วยนะ” เขาตอบคนรัก ใบหน้าออกตี๋เล็กน้อยนั้นมีรอยยิ้มเสมอ จันทร์กระจ่างมองแล้วให้รู้สึกสบายใจ ทั้งยังยินดีที่เพื่อนคบหากับคนคนนี้ เพราะจากที่ได้ยินมาทินกรนิสัยใจคอดีมากทีเดียว ชายหนุ่มเข้ากับทุกคนในบ้านของปัทมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับพี่ชายของเพื่อน จึงทำให้ทั้งหมดสนิทสนมกันราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน และหล่อนเชื่อว่าไม่นานนัก ทั้งคู่คงได้ลงเอยอย่างที่วางแผนเอาไว้ เมื่อรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อย จันทร์กระจ่างขอตัวไปพักผ่อน ปัทมาจึงเอ่ยถามคนรักขึ้นทันที “พี่เต้เคยบอกปัทว่ามีญาติบอกปล่อยให้เช่าบ้าน บ้านอยู่อำเภอถัดไปใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มที่นอนเปลญวนมองคนรักที่นั่งบนเก้าอี้เอนกายพิงพนักอยู่ข้างๆ “อืม ทำไมเหรอ” หญิงสาวขยับตัวอย่างกระตือรือร้น “จันทร์กำลังมองหาบ้านขนาดกะทัดรัดสักหลัง มีพื้นที่พอให้ปลูกอะไรได้บ้างสักเล็กน้อยน่ะ ว่าแต่บ้านญาติพี่เป็นแบบไหนเหรอ” ทินกรขยับตัวเล็กน้อย ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูภาพ เขาเลือกหาอยู่พักใหญ่จึงส่งให้คนรักดู “อุ๊ย น่ารักจัง ดูสะอาดสะอ้าน มีพื้นที่อย่างที่จันทร์ต้องการเลย แถมอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลอีกต่างหาก ว่าแต่เขาคิดค่าเช่าเดือนละเท่าไรเหรอ” ปัทมาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม “ถ้าจำไม่ผิดเขาคิดเดือนละหมื่นสอง ไม่ได้คิดจะเอากำไรอะไรนัก อีกอย่างมีคนมาถามหลายรายแล้ว แต่เขาก็เลือกคนเช่านะ มีตรวจประวัติด้วย ก็เลยยังไม่ปลงใจให้ใครเช่าเพราะกลัวทำบ้านพัง แต่เห็นว่าถ้ามีคนอยากซื้อเขาก็จะขายแหละ เพราะว่าตั้งแต่ไปซื้อบ้านในเมืองก็ไม่มีใครไปอยู่ เลยไม่มีคนดูแลน่ะ” คำตอบของคนรักทำเอาปัทมาตื่นเต้น เพราะอยู่อำเภอข้างเคียง แถมอยู่ใกล้โรงพยาบาล ไม่ไกลจากบ้านของหล่อนด้วย หากอยากเจอกันเวลาไหน ขับรถไปแค่สามสิบนาทีก็ถึง “งั้นเดี๋ยวปัทมานะ ขอเอารูปบ้านไปให้เพื่อนดูก่อน ขอยืมโท’ศัพท์ก่อนน้า” รอยยิ้มออดอ้อนของคนรัก ทำให้ทินกรหัวเราะเบาๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดู เขารักหล่อนเพราะความมีน้ำใจและสดใสแบบนี้ “ตามใจ แต่อย่าไปนานนะ พี่เหงา” คำตอบของเขาทำเอาสาวเจ้าแก้มแดง ก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้คนตัวโตมองตามด้วยสายตาอ่อนโยน ประตูห้องที่เปิดเข้ามาเบาๆ ทำให้คนที่กำลังเอนกายลืมตามอง “จันทร์ ฉันมีอะไรให้แกดู” ปัทมานั่งลงบนเตียงข้างๆ เพื่อนรักที่นอนอยู่ “นี่ไง” จันทร์กระจ่างหลุบตามองบนจอ แล้วก็เลื่อนสายตาตามปลายนิ้วของเพื่อนรัก พลันขยับตัวขึ้นนั่งแล้วรับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายไปถือเอาไว้เอง “บ้านใครเหรอ น่ารักจัง” ปัทมายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเพื่อนก็ชอบบ้านหลังนี้เช่นกัน “บ้านของญาติพี่เต้ เขาบอกให้เช่า แต่ถ้าใครสนใจจะซื้อเขาก็ขายนะ ครอบครัวญาติพี่เต้เป็นครอบครัวใหญ่ พอไปซื้อบ้านใหม่ก็ไม่ได้กลับมาอยู่อีก” จันทร์กระจ่างมองดูด้วยความพอใจเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาคู่งามกวาดมองอยู่พักใหญ่ ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนพลางเอ่ยถามยิ้มๆ “เขาให้เช่าแพงไหม” “หมื่นสองเองจันทร์ ฉันว่าถูกมากๆ เลยนะ ราคาเท่านี้แถมได้พื้นที่ทำอะไรอีกเยอะนี่คุ้มเกินคุ้ม แต่ราคาขายขาดต้องไปถามพี่เต้ดูอีกที” จันทร์กระจ่างพยักหน้า หล่อนอยากรู้ราคาขาย “ถามให้หน่อยนะ ฉันอยากรู้ ฉันพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แล้วถ้าไม่แพงมาก อาจซื้อเอาไว้” คนเป็นเพื่อนพยักหน้าก่อนจะผุดลุกจากเตียงนอน “แกนอนพักนะ ฉันจะไปถามรายละเอียดทุกอย่างให้เอง” “ขอบใจมากปัท” จันทร์กระจ่างยิ้มให้เพื่อนรัก ฝ่ายนั้นยิ้มตอบแล้วเดินออกจากห้องพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย หญิงสาวผ่อนลมหายใจยาว ดวงหน้าหวานเจือยิ้มอ่อนโยน มือที่วางทาบบนหน้าท้องที่ยังคงแบนราบขยับลูบไล้ไปมา ตั้งแต่มีเจ้าตัวน้อย เรื่องแย่ๆ ค่อยๆ ผ่านไป พร้อมกับเรื่องดีๆ ที่ผ่านเข้ามาทีละอย่าง จึงหวังว่าต่อจากนี้ไป จะไม่มีอะไรมาทำให้จิตใจของตนต้องเผชิญกับความเจ็บช้ำทรมานได้อีก แต่ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น ก็ขอให้มีพลังหยัดยืนต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไม่ครั่นคร้ามต่อสิ่งใดอีก ทว่าหล่อนรู้ดี ว่าในแต่ละช่วงชีวิตของคนเราไม่เคยมีอะไรง่าย ยิ่งเส้นทางชีวิตของหล่อนนั้นไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ ยามสุขจึงขอตักตวงมันไว้เต็มที่ เมื่อถึงคราทุกข์ ขอใช้เศษซากความชุ่มฉ่ำชโลมใจช้ำๆ ไม่ให้ก้อนเนื้อที่แห้งผากต้องร้าวรานแหลกละเอียดเพราะความแห้งแล้งในใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD