การแต่งงานอาจเป็นบทสรุปของนิยายพาฝันที่ใครต่อใครก็ชื่นชอบยกเว้นก็แต่...
“เมื่อไหร่จะเช้าสักทีวะ”
เสียงหงุดหงิดเป็นหมีกินผึ้งบ่นงึมงำ ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงเหมือนอยากกินหัวใครสักคนให้ได้
“ป่านนี้พวกนั้นทำอะไรกันอยู่เนี่ย ฮึ้ย! บ้าเอ๊ย...”
คนพูดยีหัวตัวเองเมื่อในสมองมีภาพจินตนาการอันวาบหวามซึ่งเคยเกิดขึ้นกับตนมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนโผล่เข้ามาก่อกวนตะกอนความรู้สึกที่คิดว่ามันดับมอดและสงบไปนานพอดูให้กลับมาคุกรุ่นจนแทบระเบิดทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวให้เป็นจุณขึ้นมาอีกครั้ง ขาทั้งสองยังคงเดินวนไปวนมาอย่างกระสับกระส่าย หัวใจแสนว้าวุ่นกระวนกระวายใจ
เขาเกลียดคืนนี้ชะมัด!
เกลียด...มวลความรักที่ลอยอบอวลชวนให้คลื่นไส้
เกลียด...เสียงอวยพรที่มอบให้บ่าวสาวครองรักกันยืนยาวชั่วฟ้าดินสลาย
เกลียด...เพราะมันเป็นค่ำคืนแสนหวานของคนที่เขารัก แม่ของลูก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเจ้าสาว และภรรยาสุดที่รักของผู้ชายคนอื่นไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าโดยถูกต้องตามกฎหมาย
หมายความว่าไงงั้นหรือ...
ก็คือเมียเก่าเขากำลังเข้าหอกับสามีใหม่โดยชอบธรรมน่ะสิ ไอ้บ้าเอ๊ย!
ด่าใครได้ถ้าไม่ใช่...ด่าตัวเอง!
หากเขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้เหมือนในนิยายหรือละครยอดฮิตก็ดีสิ เขาจะได้ไม่ทำพลาดจนทำให้มาถึงจุดที่ต้องมานั่งเสียใจน้ำตาเช็ดหัวหน่าว เอ๊ย! หัวเข่าที่ต้องเสียผู้หญิงที่ควรเป็นของเขาไปให้คนอื่นอย่างโง่เง่าเช่นนี้
ป่านนี้สองคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่นะ
กอดกัน จูบกัน ลูบคลำ เปลื้องผ้า
หรือว่า...ซะบะล่ะฮึ่ม!
“โธ่เว้ย!” ชายหนุ่มยีหัวตัวเองอย่างประสาทเสีย ยิ่งคิดก็ยิ่งขึ้น
“ชู่ว์...เสียงดังทำไมเนี่ย”
เสียงคำรามลอดไรฟันกระหนาบมาจากเตียงขนาดคิงไซซ์ที่วางอยู่กลางห้องสวีต พร้อมกับดวงตาเขียวปัดที่ส่งมาตอกย้ำความผิดหวัง ยิ่งเพิ่มดีกรีความหงุดหงิดให้ดิฐกรเป็นเท่าตัว ก่อนที่เจ้าของเสียงจะค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นมากำราบคนเสียงดังถึงที่ เพราะกลัวจะทำให้หลานสาวคนโปรดที่กำลังหลับปุ๋ยตกใจตื่นเพราะเสียงโวยวายของพ่อตัวเองเสียก่อน
“นี่พี่เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ น้องมิวหลับอยู่ ไม่เห็นหรือไง”
“พูดมาก น่ารำคาญชิบ!”
คนกำลังเฮิร์ตหนักสะบัดเสียงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ขั้นสุด
“ตัวเองน่ะสิน่ารำคาญ เป็นพ่อภาษาอะไรเนี่ย ไม่ได้ความเลย ไร้ประโยชน์สุดๆ สมแล้วที่ถูกพี่มี่ทิ้ง ฮึ!”
คำสุดท้ายแทงใจดำอย่างจังทำเอาดิฐกรฉุนกึก เงื้อมะเหงกขึ้นสูง แต่คนรู้ทันก็รีบไหวตัวหลบอย่างว่องไวแถมตั้งท่าเงื้อมะเหงกเอาเรื่องกลับ
“อย่านะ! แคทสู้นะบอกเลย เขกมาเขกกลับไม่โกงด้วย”
“ยัยเด็กบ้า!”
“ตัวเองสิบ้า เดี๋ยวน้องมิวก็ตื่นขึ้นมางอแงก็เป็นเรื่องหรอก กว่าจะกล่อมให้หลับได้”
ตื่นก็ดีสิ! ชายหนุ่มคิดอย่างพาลพาโล เขาอยากให้ลูกสาวสุดที่รักตื่นขึ้นมางอแงหนักๆ เลยยิ่งดี เขาจะได้หาเหตุอุ้มลูกสาวไปเคาะห้องหอเมียเก่าเพื่อขัดจังหวะสวีตของคู่รักข้าวใหม่ปลามันเสียตอนนี้เลย
“เออ...เข้าท่าไม่เลวแฮะ!”
ดวงตาคมทอประกายเจ้าเล่ห์ หันไปมองร่างกระปุ๊กลุกที่นอนหลับปุ๋ยบนเตียง การปลุกลูกรักให้ตื่นจากนิทราแสนสุขอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพเด็กและดูชั่วร้ายไปสักนิด แต่ก็แค่คืนนี้เท่านั้น เขาคิดวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้วนี่หว่า ใช้ลูกนี่แหละเป็นข้ออ้างในการขัดขวางแม่มันไม่ให้ไปสะหวีวี่วีกับพ่อใหม่ง่ายๆ เวิร์กสุด
หากยังไม่ทันที่ร่างกายของเขาจะได้สนองตอบความคิดเลว เสียงยียวนกวนประสาทก็ลอยลมมาดับฝันอีกดอก
“ถ้าคิดจะอุ้มลูกไปขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มของพี่มี่กับพี่คิมล่ะก็ เลิกคิดเถอะ ไม่ได้ผลหรอก”
ดวงตาขุ่นขวางตวัดมองคนรู้ทันอย่างไม่พอใจ ยิ่งคำสุดท้ายนั่นเหมือนคนเอาหอกแหลมกระซวกเข้ากลางอกของเขาจังๆ ทำให้ต้องมโนภาพเข้าด้ายเข้าเข็มที่ว่าออกมาเป็นฉากๆ
“โว้ย! ไม่ยุ่งสักเรื่องได้ไหม”
วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรวะเนี่ย นอกจากอดีตเมียรักจะแต่งงานกับสามีใหม่แล้ว เขายังต้องมาติดแหงกอยู่กับยัยปากมอมที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาเพียงเพราะต้องมาช่วยกันดูแลลูกสาวสุดที่รัก เพื่อให้บ่าวสาวได้เข้าหออย่างสวีตหวานชื่นกันโดยไม่มีก้างขวางคอไปขัดจังหวะ
ทำอย่างกับว่าเขาเป็นพ่อพระ เฮอะ!
หรือนี่จะเป็นแผนที่มิรันดาส่งมาสกัดเขาไว้ไม่ให้ก่อเรื่อง ด้วยการส่งยัยตัวแสบนี่มาขวาง เฮอะ
“เธอจะไปไหนก็ไปเลยไป” พ่อพระเพลิงไล่ตะเพิดอย่างเซ็งจัด
“ทำไมต้องไป ในเมื่อพี่มี่ฝากฝังให้แคทช่วยดูน้องมิวให้ พี่นั่นแหละจะไปไหนก็ไปเลย อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ เชอะ”
“นี่! ยัยตัวยุ่ง! มันจะมากไปแล้วนะ” ดิฐกรคำรามใส่ หากไม่เห็นแก่ลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ย เขาคงไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปบีบคอหอยแม่จอมแสบตรงหน้าแล้วจับทุ่มออกนอกหน้าต่างชั้นยี่สิบห้าของโรงแรมหรูนี่
“ทำไม! จะทำไม โธ่! คนไม่แน่จริง อย่างนี้สิเล่า เมียดีๆ อย่างพี่มี่เขาถึงหนีไปเลือกผู้ชายแสนดีอย่างพี่คิมเป็นสามี แทนที่จะคืนดีกับพี่ ยังไม่รู้สำนึกอีก เฮ้อ...”
ยิ่งพูดก็ยิ่งแทงใจดำ หากควักหัวใจออกมาดูตอนนี้ คงมีแต่รอยพรุนทั้งดวงไปแล้ว ยัยนี่เกิดปีจอเดือนหมาว้อใช่ไหม ปากคอถึงร้ายได้โล่แบบนี้ ความหงุดหงิดเลยอยากหาเรื่องมาฟาดกลับเพื่อเอาคืนแม่ตัวแสบบ้างทำให้ชายหนุ่มนึกเรื่องบางเรื่องที่เขาบังเอิญไปเห็นขึ้นมาได้
“ก็ยังดีกว่าใครบางคน โดนคนอื่นสวมเขาให้ยังไม่รู้ตัวอีก เฮ้อ...น่าสมเพชชะมัด!”
แคทรียาชะงักกึกกับคำพูดแปลกๆ ของอีกฝ่าย ดวงตาสวยโฉบเฉี่ยวด้วยอายไลน์เนอร์คมกริบและบล็อกตาที่แน่น แต่ดูสวยเป็นธรรมชาติคู่นั้นตวัดมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเอาเรื่องไม่ยอมปล่อยผ่านง่ายๆ
“หมายความว่ายังไง นั่นพี่ดิวว่าใคร ใครโดนสวมเขา ให้ใคร แล้วใครน่าสมเพช แน่จริงก็พูดมาให้ชัดๆ สิ”
ดิฐกรยักไหล่อย่างยียวนกวนประสาท พลางยื่นหน้าเข้ามาในระดับเดียวกับแม่สาวเปรี้ยวเข็ดฟัน พร้อมกับคลี่ยิ้มร้าย มีเลศนัยกลับมา ชวนให้หญิงสาวรู้สึกสะดุดใจ อะไรบางอย่างในแววตาคู่นั้นทำให้เธอหนาววูบในอก และหวั่นไหวจนต้องรีบถอนสายตากลับอย่างรวดเร็ว
“คนปากเสีย ถอยไปห่างๆ เลยนะ”
“หึ! นึกว่าจะแน่...” ชายหนุ่มทำเสียงในลำคออย่างพอใจ แต่ค่าตอบแทนคือกำปั้นเล็กๆ ที่หวดกลับมาที่ต้นแขนเขาดังปึ้ก
“โอ๊ย! ยัยเด็กบ้านี่ อุ๊บ!” หญิงสาวรีบตะครุบปากอีกฝ่ายหมับ ก่อนที่เสียงดังสนั่นของเขาจะทำให้เด็กหญิงตัวน้อยตื่น ทำให้ดิฐกรต้องถลึงตาใส่
สองหนุ่มสาวคู่กัดจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่ง...