ตอนที่ 1 ตกงานเลยได้เจอผู้
ตอนที่ 1
ตกงานเลยได้เจอผู้
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย...นี่ชีวิตฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย นี่ซินะที่เขาว่ากันว่าอาถรรพ์วัยเบญจเพส ถ้าชีวิตไม่ดีที่สุด ก็คงซวยสุด ๆ ไปเลย แต่สำหรับฉันคงเป็นอย่างหลังมากกว่า ฉันชื่อมินลดาค่ะ จากคนที่เคยมีการมีงานทำอยู่ดี ๆ บริษัทก็ต้องมาประสบภาวะขาดทุนย่อยยับ ผลพวงที่ตามมาก็คือ พนักงานคอลเซ็นเตอร์ตาดำ ๆ อย่างฉันกับเพื่อนร่วมงานอีกหลายสิบชีวิต ที่ทางบริษัทเห็นว่าไม่สำคัญจึงต้องถูกสั่งปลดออกจากหน้าที่แบบกะทันหันและกลายเป็นคนตกงานแบบไม่ทันตั้งตัว
ฉันก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวเก็บของที่โต๊ะทำงานอย่างอ้อยอิ่ง เพราะกว่าฉันจะได้งานนี้มาก็ไม่ง่าย แต่ในเมื่อโชคชะตามันเล่นตลกแบบนี้ ฉันจะทำอะไรได้นอกจากเก็บของกลับอพาร์ทเม้นท์ แล้วนอนเขี่ยหน้าจอมือถือหางานใหม่ไปพลางระหว่างนี้
เมื่อกลับมาถึงฉันก็รีบแกะแกงถุงละ 20 บาท ที่ซื้อมาระหว่างทางด้วยความหิว เปิดทีวีดูแล้วกินข้าวให้อิ่มท้องไปอีกหนึ่งมื้อ พลางเลื่อนมือถือเข้าเว็บหางานไปด้วย แต่เมื่อเลื่อนหางานไปได้สักพักใหญ่ก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นแบนเนอร์โฆษณาในเว็บหางานที่กำลังกระพริบเรียกร้องความสนใจจากฉันอยู่ เมื่อมองดูดี ๆ ก็เห็นว่าเป็นโฆษณาแอพหาคู่ ไอเราก็โสดมาพักใหญ่ ไหน ๆ ช่วงนี้ก็คงต้องใช้เวลาหางานใหม่อีกนาน ก็ขอโหลดเอาไว้หาเพื่อนคุยแก้เหงาสักคนเสียหน่อยละกัน
พอโหลดเสร็จฉันก็จัดการเลือกรูปโปร์ไฟล์สวย ๆ ใส่ลงไป เอารูปนี้ละกันเห็นลักยิ้มมหาเสน่ห์ด้วยน่าจะสะดุดตาหนุ่ม ๆ ได้บ้างแหละ แล้วก็ไม่ลืมที่จะใช้ชื่อจริงของตัวเองที่แสนจะไพเราะลงไป เมื่อไถ ๆ เลื่อนหาหนุ่มที่ท่าทางจะพอถูกอกถูกใจไปได้สักพัก ก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้รูปโปรไฟล์ก็ไม่ใส่เป็นฝ่ายทักมาหาฉันก่อน
ข้อความ
ปริญ : สวัสดีครับคุณมินลดา
มินลดา : สวัสดีค่ะ
ปริญ : ชื่อคุณเพราะมากเลยครับ แถมลักยิ้มน่ารักนั่นอีก ทำให้ผมรู้สึกอยากคุยกับคุณจัง
มินลดา : ขอบคุณค่ะ แล้วคุณปริญเหงาเหรอคะ ถึงอยากหาเพื่อนคุย
ปริญ : จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมโสดมานานเลยอยากหาเพื่อนคุยสักคน
มินลดา : ฉันก็เหมือนกันค่ะ
หลังจากที่พูดคุยกันไปได้สักพักใหญ่ ฉันก็รู้สึกได้ว่าคุณปริญเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่มากทีเดียวล่ะ ดูจากคำพูดคำจาก็คงจะอายุมากกว่าฉันอยู่นะ แต่...อายุมันก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขนั่นแหละนะ ตอนนี้ฉันรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเขา และก็ดูเหมือนว่าคุณปริญเองก็ดูท่าจะสบายใจที่ได้คุยกับฉันเหมือนกัน เราคุยกันอยู่นานเกือบชั่วโมง จนในที่สุดเขาก็ขอแลกเบอร์กับฉัน และบอกอีกด้วยว่าอยากจะนัดเจอกัน ถ้าหากฉันพร้อมที่จะเจอเขา เขาขอให้ฉันเลือกสถานที่เองได้ตามใจชอบเลยเพื่อความสบายใจ
สามวันต่อมา...
ฉันเลือกที่จะนัดเจอกับคุณปริญที่ร้านกาแฟในห้างใกล้บ้าน ถึงฉันจะรู้สึกสบายใจที่จะคุยกับเขาแค่ไหนแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นไว้ใจเขาหรอกนะ รูปร่างหน้าตาก็ยังไม่เคยเห็น เผื่อถ้าเป็นพวกมิจฉาชีพฉันจะได้ไหวตัวทันยังไงล่ะ
พอนั่งรอไปได้สักพักก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามา เขาทำท่าเหมือนกำลังมองหาใครสักคนจนฉันเกือบจะยกมือทักเขาอยู่แล้วเชียว แต่ทว่าผู้ชายคนนั้นกลับเดินเลี้ยวไปทางอื่นเสียก่อน
“อ้าว...ไม่ใช่คุณปริญหรอกหรือนี่ เกือบปล่อยไก่แล้วไงยัยมินดา”
ฉันพูดพึมพำออกมาอย่างผิดหวัง แต่ความเฟลยังไม่ทันหายความเซอร์ไพรส์ก็เข้ามาแทรกต่อทันที เมื่อผู้ชายดูท่าทางภูมิฐานในชุดสูทสีเข้มเดินเข้ามา ใบหน้าหล่อคมคายบวกกับหนวดเคราที่ถูกตัดตกแต่งให้เป็นรูปทรงนั่นช่างทำให้เขาดูดีสะดุดตามากทีเดียว ฉันได้แต่มองจ้องเขาที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ราวกับตกอยู่ในภวังค์
“สวัสดีครับคุณมินลดาใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายฉันพร้อมกับโปรยยิ้มมหาเสน่ห์ชวนหลงใหลมาให้ ให้ตายเถอะคนอะไรวะหล่อชิบ
“อ่า...ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ คุณปริญ” ฉันรีบทักเขากลับ พยายามไม่แสดงอาการประหม่าให้อีกฝ่ายรู้
“คุณมินลดาตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะครับ”
คนบ้า >///< เล่นชมกันต่อหน้าแบบนี้ ฉันจะเก็บอาการยังไงไหวละเนี่ย
“คุณปริญเองก็ดูดีมากเหมือนกันค่ะ” ฉันยิ้มกว้างเก็บอาการเขินตอบกลับอีกคนไป
หลังจากนั้นเราสองคนสั่งอะไรมาทานด้วยกันสองสามอย่าง คุณปริญเป็นสุภาพบุรุษมากจริง ๆ เขาแทบจะไม่แตะเนื้อต้องตัวฉันเลยแม้แต่ปลายก้อย แถมยังเทคแคร์ดูแลฉันราวกับเจ้าหญิงอีก ผู้ชายดี ๆ แบบนี้ยังไม่ตายไปหมดจากโลกนี้อีกเหรอวะเนี่ย
“ขอบคุณคุณมินลดามากนะครับที่ยอมมาพบผม และไม่รังเกียจที่จะพูดคุยกับคนอายุคราวพ่อแบบผม”
หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จคุณปริญก็ขออาสาเดินมาส่งฉันที่กำลังจะเดินกลับ อพาร์ทเม้นท์ ตอนแรกเขาจะขออาสาขับรถไปส่งแต่ฉันเกรงใจเพราะที่พักฉันแค่ข้ามสะพานลอยไปก็ถึงซอยทางเข้าอพาร์ทเม้นท์แล้ว
ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่าคุณปริญที่จริงเขาอายุเข้าหลักสี่แล้ว แต่หน้าเขายังดูเด็กมาก คงเป็นเพราะเขาคงใช้พวกครีมแพง ๆ และคงดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเพราะทั้งรูปร่างหน้าตาดูยังไงก็อายุไม่น่าเกินสามสิบ
“ขอบคุณคุณปริญเหมือนกันนะคะ อุตส่าห์ซื้อของให้มินตั้งเยอะ มินรู้สึกเกรงใจแทบแย่” ฉันยิ้มเจื่อนบอกคนร่างสูงไป เพราะเขาทั้งออกค่าอาหารมื้อนี้แถมยังสั่งของกินให้ฉันแบบห่อกลับชนิดที่ว่ากินได้สามวันก็ไม่หมด
“ไม่เป็นไรเลยครับ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับมิตรภาพของเรา ผมหวังว่าจะได้เจอคุณมินลดาอีกนะครับ เพราะผมรู้สึกถูกชะตากับคุณมากจริง ๆ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้เธออีกครั้ง รอยยิ้มทรงเสน่ห์แบบนั้นกับลุคแด๊ดดี้แบบนี้มันช่างเข้ากับเขาจริง ๆ มินลดาได้แต่ยิ้มอย่างเขินอายพลางพยักหน้าตอบกลับเบา ๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะโบกมือลาแล้วเดินไปขึ้นยังรถหรูคู่ใจ