“นาก็เพิ่งรู่วันนี้แหล่ะค่ะว่านาไม่เคยลืมเขาจริงๆ” นิรนายังไม่หยุดร้องไห้ เธอพังหมดแล้ว หัวใจของเธอไม่สามารถสร้างเกาะมาโกหกใครๆ ว่าตนเองเข้มแข็งได้อีกต่อไป
“ไม่ต้องร้องนะ ไปพักเถอะ ไว้เขาออกไปจากร้านแล้วค่อยทำงานต่อ” เจนิตากอดร่างบางเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเช็ดน้ำตาให้กับลูกน้องที่เป็นราวกับน้องสาวแท้ๆ ของตนเอง
หลังจากที่ปลอบกันอยู่พักใหญ่ เจนิตาก็เดินออกมาส่วนหน้าร้าน ก่อนจะมองไปที่เหมันต์ด้วยความสนใจ เธอไม่รู้ว่าการมาของเหมันต์คือความบังเอิญหรือตั้งใจ แต่เธอก็ไม่อยากให้นิรนาต้องเจ็บปวดอีกแล้ว แต่การจะเดินเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเหมันต์ ทั้งที่เขาอาจจะเป็นแค่ลูกค้าของเธอ มันก็อาจจะเกินไปหน่อย ดังนั้นเธอจึงได้แต่สังเกตท่าทีของเขา และก็คอยดูแลนิรนาอยู่ห่างๆ หวังว่าทุกอย่างมันจะจบลงแค่นี้
แต่ดูจากการสังเกตของเจนิตาแล้ว เหมันต์ไม่น่าจะมาแค่กินอาหาร เพราะเขาพยายามมองไปที่ประตูทางเข้าไปหลังร้านตลอดเวลา เหมือนว่าต้องการที่จะมาเจอนิรนา ไม่ใช่ว่ามาที่นี่เพราะความบังเอิญอย่างที่เจนิตาพยายามคิดเช่นนั้น
หลังจากที่เขาทานอาหารไปกว่าสองชั่วโมง ก็ไม่มีทีท่าว่านิรนาจะออกมาจากหลังร้าน เขาจึงต้องเช็คบิลแล้วถอยไปตั้งหลักก่อน และคนที่มาเช็คบิลคือเจนิตา เพราะเจนิตาก็อยากรู้ว่าเขาต้องการอะไร ถ้าเขาถามอะไรเกี่ยวกับนิรนาเธอจะเป็นคนตอบเขาเอง และก็กลัวว่าเด็กในร้านคนอื่นจะหลุดอะไรที่มันไม่เป็นประโยชน์กับนิรนา
“ผมขอถามอะไรเกี่ยวกับนิรนาได้มั้ยครับ” หลังจากจ่ายค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว เหมันต์ก็อดใจไม่ไหว เขาจึงถามหานิรนา
“จะถามเกี่ยวกับเรื่องอะไรล่ะคะ เพราะฉันก็ไม่สามารถตอบเรื่องส่วนตัวของลูกน้องได้น่ะค่ะ” เจนิตาเอ่ยออกมาอย่างกลางๆ
“ผมมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องการคุยกับนิรนา” ในที่สุดเหมันต์ก็ตัดสินตอบออกไป
“ฉันคิดว่ายัยนาคงไม่มีอะไรอยากคุยกับคุณหรอกค่ะ” เจนิตาตอบออกมาอย่างระมัดระวังท่าที
“ให้นาเขาเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เองเถอะครับ” เหมันต์ไม่เชื่อว่านิรนาจะตอบแบบนั้น เธอจะเกลียดเขาถึงขนาดไม่อยากคุยกับเขาเลยเหรอ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
“แล้วคุณไม่สังเกตเลยเหรอคะว่านาไม่ออกมาหน้าร้านเลย ทั้งที่เธอเป็นเด็กเสิร์ฟ” เจนิตาสวนกลับอย่างไม่ชอบใจ เท่าที่เธอรู้มา เขาเป็นคนที่ทำให้เพชรอย่างนิรนาต้องเดินออกมา เพราะความละเลยของเขา แล้วตอนนี้จะอยากมาเจอนิรนาอีกทำไม