ปรียาภัทรเสยผมตกปรกตาที่ยุ่งเนื่องจากเพิ่งตื่น เรียกสติกลับมาจากความทรงจำในอดีตทั้งหลาย มีแต่คนแก่เท่านั้นที่รำพึงรำพันถึงความหลัง
“วันนี้พี่เข้าร้าน แป๋งติดรถไปด้วยกันไหม” หญิงสาวหันเหเข้าสู่เรื่องราวปัจจุบัน
น้องสาวส่ายศีรษะปฏิเสธ พลางยกถาดอาหารเช้าที่มีทั้งขนมปัง ผลไม้ และน้ำส้มคั้นมาให้พี่สาว
“ไม่ล่ะ จะเอาโปรเจกต์ที่แก้ไปให้อาจารย์ดู คงช่วงบ่ายนะ ที่จะออกจากห้อง ถึงห้องคงจะค่ำเลย”
ร่างบางพยักหน้าเข้าใจ หยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่ม ปัทมนต์หันหลังให้แสร้งทำเป็นยุ่งหยิบโน่นหยิบนี่จากตู้เหนืออ่างล้างจานเพื่อกลบพิรุธ ไม่เปิดโอกาสให้ถามว่าแล้วเวลาช่วงเช้าที่เหลือล่ะ จะทำอะไร
“มาช้า!” คนผมยุ่งเปิดประตูห้องเพนต์เฮาส์ในคอนโดมิเนียมติดสถานีรถไฟฟ้าบ่น ก่อนหัวเราะเมื่อเห็นสภาพเธอ “ชุดอะไรของแก จะไปตัดอ้อยที่ไหน”
“ชุดทำความสะอาดห้องแกไงไนท์”
ปัทมนต์รีบแทรกตัวเข้าไปในห้องทันที เอาล่ะ! ถึงแม้เสื้อลายตาหมากรุกกับหมวกแก๊ปที่ใส่มาจะเป็นของมือสอง เธอก็ซักจนสะอาดนะ ตัวเขาเองนั่นเล่าแต่งตัวแย่กว่าเสียอีก ใส่เสื้อกล้าม กางเกงยีนยับ ๆ เขามักไร้มารยาทกับเธอจนเป็นเรื่องปกติ
“งวดนี้มีอะไร ไม่ให้แม่บ้านมาทำความสะอาดล่ะ ทำไมจ้างฉัน”
เพื่อนโทรปลุก ตั้งแต่แสงดาวสุดท้ายยังไม่ลับจากฟ้า เสียงร้อนรนแปลก ๆ เสนอให้เธอมาทำความสะอาดห้องด้วยค่าจ้างแสนแพง
คอนโดมิเนียมแห่งนี้เป็นเซฟเฮาส์ลับเวลาดนัยวุธมีงานด่วนให้เธอทำ ชนิดทำวันนี้เอาพรุ่งนี้จวนเจียนเส้นตายเขาจะเรียกเธอมาที่นี่
ทีแรกตะขิดตะขวงใจอยู่หรอก หญิงชายอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องหับมิดชิด แต่เขามักเป็นคนประเภทสั่งงานแล้วก็ปร๋อออกไปเที่ยว ปล่อยให้เธอนั่งทำงานอยู่ในห้องคนเดียว จนชินและกลายเป็นไม่คิดอะไรมากไปในที่สุด
“มีเหตุนิดหน่อย” ดนัยวุธเดินนำไปยังชุดรับแขกบุหนัง มีทั้งเก้าอี้เดี่ยวและโซฟาเข้าชุดกันวางอยู่
“โห ปาร์ตี้กันดึกล่ะสิ” ปัทมนต์ตาโตห่อปาก เมื่อเห็นสภาพจริงของห้อง เศษซากอาหาร แก้วสุรา รอยน้ำหกบนพรมเกลื่อนไปทั่วพื้นและเฟอร์นิเจอร์ “อย่างนี้ต้องใช้มืออาชีพ ขืนฉันทำคนเดียวคางเหลืองแน่”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ห้องหรูตกอยู่ในสภาพนี้ เขามีเพื่อนเยอะ ปาร์ตี้บ่อย บางทีเธอยังเคยเห็นเพื่อนเขานอนหลับเมาไม่รู้เรื่องอยู่บนพื้นห้องด้วยซ้ำไป
“ไม่ได้ ๆ ขืนทำอย่างนั้นฉันติดคุกแน่” ดนัยวุธเท้าสะเอวเสยผมยุ่ง ๆ สองสามที “จำไอ้ป๊อบได้ไหม เพื่อนเก่าฉันที่เรียนอยู่ที่...”
ชายหนุ่มพาดพิงถึงเพื่อนสมัยมัธยม เธอจำได้ราง ๆ เพราะเคยเห็นคนนี้มาตอนมีงานมหาวิทยาลัย
“เมื่อคืนเจอตอนไปเที่ยว มันเลยมาต่อที่ห้องฉัน”
“แล้ว...” ไม่ใช่เรื่องแปลก ดนัยวุธเป็นหนุ่มเนื้อหอม ลูกคนรวย เพื่อนเยอะ ใจกว้างเสมอ
“ปัญหาคือมีคนเอา ‘เนื้อ’ มาด้วยน่ะสิ”
คราวนี้ปัทมนต์ทำหน้าเหลอหลา ไม่เข้าใจศัพท์ประหลาดที่เขาเอ่ยมา
ดนัยวุธมองตากลมแป๋วที่เต็มไปด้วยคำถามแล้วถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ใจค่อนแคะคนซื่อบื้ออ่อนต่อโลก
“เนื้อคือยาเสพติดน่ะแก”
“เฮ้ย!” ปัทมนต์ผงะ ร้องเสียงหลง
“ฉันไม่ได้เล่น แต่พวกไอ้ป๊อบเล่น ถึงให้แม่บ้านมาทำไม่ได้ ขืนเจอแล้วเอาไปบอกตำรวจหรือฟ้องพ่อฉันคอขาดแน่”
“ไม่เอาล่ะ ฉันกลับดีกว่า”
เงินน่ะอยากได้อยู่หรอก แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย
“เดี๋ยวสิ งานนี้ฉันจ่ายไม่อั้น แค่ทำความสะอาดเอง” เขากะอยู่แล้วว่าเธอต้องหนี
“เสี่ยงคุกนะเว้ย ฉันไม่กล้าเสี่ยงจริง ๆ ว่ะ”
ดนัยวุธรู้ทันเธอโดยการเดินมาจับแขนไว้ไม่ให้ขยับไปถึงประตู
“ไม่ต้องห่วงหรอก เพื่อนไอ้ป๊อบที่มาน่ะมีลูกตำรวจยศบิ๊ก ๆ เดี๋ยวเขาเคลียร์ให้” เขาหัวเราะ ราวกับเรื่องการใช้เส้นสายกลบความเลวร้ายเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนเดินไปซื้อของร้านสะดวกซื้อ
“เลว!”
“ใช่ เป็นตำรวจจับผู้ร้ายเสียเปล่า ดันปล่อยให้ลูกเป็นผู้ร้ายเสพยาเสียได้ แล้วยังใช้อำนาจหน้าที่ปิดบังความผิดให้ลูกอีก”
“เปล่า ที่ฉันหมายถึงแกต่างหาก” ปัทมนต์สบตาเพื่อนคมกล้า ดวงตาใสแจ๋วราวกับจะลุกเป็นไฟ “เกิดในตระกูลดี มีเงิน มีสังคมที่พร้อม ทำไมไม่ทำตัวให้ดีสมกับสิ่งดี ๆ ที่ได้รับมาล่ะ ทำตัวเป็นคนดี หัดรู้จักเลือกคบคนเสียบ้าง”
น้อยคนนักที่สามารถบริภาษชายหนุ่มได้ถึงขนาดนี้ ดนัยวุธนั้นเข้าข่ายลูกเศรษฐีเอาแต่ใจ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ มาเรียนเพื่อให้จบปริญญารอไปเรียนต่อเมืองนอกเท่านั้น
“แกด่าจะยังไงก็ได้ แต่เรื่องคราวนี้ฉันยอมรับผิดแค่เรื่องเลือกคบเพื่อนไม่ดี ส่วนเรื่องยาสาบานต่อหน้าแกเลยก็ได้ว่าฉันไม่ได้เล่น”
เขาปล่อยมือเปลี่ยนเป็นยกขึ้นเสมออกทั้งสองข้างเป็นทำนองยอมจำนน ดนัยวุธรู้ว่าเพื่อนมีชีวิตครอบครัวลำบาก อยู่กันสองคนพี่น้อง
เธอจะซีเรียสเวลาเขาก่อเรื่องให้พ่อแม่ลำบากใจ เพราะเธอไม่มีในสิ่งที่เขามี หญิงสาวจึงพยายามบ่นกึ่งสอนให้รู้จักคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่
“ความจริงฉันจะเก็บกวาดพวกนี้เองก็ได้ แต่อยากได้ใครสักคนมาเป็นเพื่อน ช่วยดูอะไรที่มันหลงหูหลงตาไป”
“แล้วทำไมแกไม่เรียกนะมา”
พอเห็นท่าทีสำนึกผิด ก็นึกตำหนิตนเองว่าเผลอใส่อารมณ์กับเขามากไป
“หนุ่มหล่อพ่อรวยสองคนมาอยู่ด้วยกัน คงมีใครยอมทำความสะอาดห้องหรอกนะ” ดนัยวุธเยาะจนเธอนึกภาพตาม แต่นึกภาพหนุ่มผิวขาวจัดท่าทางสะโอดสะองอย่างณวัตรทำความสะอาดห้องไม่ออก
“เฮ้อ” เธอถอนหายใจยาวกับงานที่ตัวเองต้องทำ
“พวกไอ้ป๊อบเพิ่งออกไปตอนตีห้ากว่า ๆ มีอย่างที่ไหนเมายาแล้วบ้าเอามีดไปขูดประตูห้องนอน” ดนัยวุธบุ้ยปากไปทางประตูไม้ ซึ่งมีรอยกรีดเป็นทางยาวจนเห็นเนื้อไม้สีอ่อนกว่าภายนอก “ฉันก็นอนไม่หลับอีกเลย ไม่ชอบสภาพห้องเละเทะ อาจจะมียาซุกไว้ตรงไหนก็ไม่รู้”
เสียงเพื่อนเจือกังวล ปัทมนต์ถลกแขนเสื้อและหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ามาผูกปิดปากในสภาพเตรียมพร้อม
“งานความเสี่ยงสูง ค่าตอบแทนต้องสูงตามนะไนท์”
ดนัยวุธยกนิ้วโป้งเป็นทำนองชม พลางยิ้มร่าที่เธอตกลงจัดการเรื่องนี้ให้