บทนำ

1161 Words
“แป๋งตัดผมได้แล้วนะ มันยาวแล้ว” หญิงสาวหน้าตาสวยผิวขาวจัดเปรย ทำให้คนที่ถูกพาดพิงมือจับปอยผมยุ่ง ๆ ที่ตกลงมาเคลียแก้มนวลเพราะรวบขึ้นไปบนศีรษะไม่หมด “ยังไม่ยาวเสียหน่อย เดี๋ยวค่อยตัดก็ได้” ปรียาภัทรย่นจมูกเพลียใจกับคำตอบเดิม ๆ “ตัดออกเสียหน่อยเถอะ เดี๋ยวพี่พาไปร้านประจำ” ปัทมนต์แอบเบ้ปากเมื่อนึกถึงร้านตัดผมประจำของพี่ ราคาแพงและอยู่ในห้างหรู “ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวแป๋งไปตัดเองดีกว่า” เธอตัดบท รู้ดีว่าไม่เพียงจะให้ตัดผมอย่างเดียวแน่ คงตามมาด้วยการโมดิฟายเสียใหม่ พี่มักบ่นเสมอว่า “ไม่รู้ทนได้ยังไง ผมก็ยุ่ง รวบเป็นซาลาเปากลางหัว หน้าก็ไม่แต่ง เวลาใส่ชุดนักศึกษา หน้าก็กลืนกับชุดเลย เสียดายน้องพริตตี้เก่าหมด” พี่เป็นคนสวย เคยเป็นพริตตี้รถยนต์และเบียร์ยี่ห้อดัง บางครั้งนึกสงสัยเหมือนกัน ทำไมพันธุกรรมช่างโหดร้าย ถึงไม่ได้ความสวย สูงยาวเข่าดีสักเสี้ยวหนึ่งของพี่ แม้เธอจะรูปร่างเล็ก สูงคาบเส้นหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ผิวออกเหลืองจนเพื่อน ๆ ล้อว่าเป็นดีซ่าน หน้าตากลาง ๆ ค่อนไปทางธรรมดา ไม่มีอะไรน่าจดจำ เว้นเสียแต่ดวงตากลมโตสุกใสและผมยาวเฟื้อยถึงเอว ถักเปียสองข้างเป็นบางคราเท่านั้น “เรื่องงานล่ะว่าไง มีที่ไหนตอบกลับมาบ้าง” พี่เสเปลี่ยนเรื่อง ปัทมนต์เดาะลิ้นเบา ๆ อย่างครุ่นคิด “ยังไม่มีที่ไหนตอบเลย” คนได้ยินคำตอบถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับความหัวแข็งของน้องสาว “บอกให้ไปทำงานบริษัทของคุณไพรัชก็ไม่เชื่อ พี่จะได้คุยให้” หมายถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของผู้อุปถัมภ์ “ไม่เอา แป๋งไม่อยากใช้เส้น” หญิงสาวปฏิเสธเสียงยาน เหตุผลจริง ๆ คือไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับผู้ให้การอุปถัมภ์หรือพี่เขยนอกกฎหมายไปกว่านี้ เธอไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ทำ แต่เด็กผู้หญิงสองพี่น้อง ญาติซึ่งเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กเพิ่งเสีย ต้องอยู่กันตามลำพัง ช่างลำบากไม่ใช่น้อย พี่สาวสู้อุตส่าห์กัดฟันเรียนจนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) โดยทำงานเป็นพริตตี้ไปด้วย ทำให้เธอมีโอกาสได้เจอกับไพรัช ซึ่งคบกันยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน แถมยังให้ทุนการศึกษาแก่เธอที่ตอนนั้นยังเด็กอยู่ ‘เพราะศักดิ์ศรีไม่ได้ทำให้อิ่มท้อง’ ปรียาภัทรให้เหตุผลในการกระทำอันผิดศีลนื้ ‘อีกอย่างจะได้ส่งให้แป๋งเรียนสูง ๆ มีความรู้ เอาตัวรอดได้ ไม่ต้องมาลำบากเหมือนพี่’ ข้อนั้นยอมรับ ไพรัชค่อนข้างยุติธรรม นอกจากซื้อรถ ซื้อคอนโด ออกค่าเล่าเรียนส่งเสียน้องจนใกล้จบมหาวิทยาลัยแล้ว ยังใจป้ำควักเงินลงทุนให้เปิดสปาเล็ก ๆ ไว้แก้เหงา พี่สาวทั้งสวยทั้งฉลาด อยู่กับไพรัชมาหลายปีแล้วแต่ยังดึงเขาไว้อยู่หมัด “เรื่องโปรเจกต์จบว่ายังไง อาจารย์บอกจะผ่านไหม” ปรียาภัทรถามต่อ “อาจารย์บอกผ่านแล้ว แค่ให้แก้ไขจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ นิดหน่อย” ศีรษะงามได้รูปผงกรับรู้ “พี่ล่ะคิดว่าเราจะไม่ผ่าน เห็นแต่ทำรายงานจนตาโหล” หญิงสาวยิ้มแหย ๆ อุบเงียบไม่ยอมบอกว่าที่ตาโหลเพราะทำงานส่งอาจารย์ให้ดนัยวุธ เพื่อนร่วมคณะด้วยค่าตอบแทนแสนแพง ถ้าพี่รู้คงถูกดุ เหมือนตอนเธอแอบเม้มเงินที่ให้เวลาไปซื้อเสื้อผ้าหรือตัดผม ‘แป๋งทั้งงกทั้งเขียม’ ปรียาภัทรค่อนขอดนิสัยนี้ของเธออยู่บ่อย ๆ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อโลกหมุนไปด้วยอำนาจเงิน ตอนนี้ยังหนุ่มสาวมีกำลังก็เก็บเอาไว้ให้เยอะ ๆ ตราบใดที่ไม่ได้ไปฆ่าไปปล้นใครมาก็สบายใจแล้ว   ยามเช้าของต้นเดือนมีนาคม แดดยังทอแสงอ่อน ปัทมนต์ถือถาดเปล่าสีเงินขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักในคอนโดหรู “ไปใส่บาตรกลับมาแล้วหรือ” ปรียาภัทรใส่เสื้อคลุมแพรเนื้อดีเดินมาที่โต๊ะกินข้าวขนาดกะทัดรัด ที่แยกออกเป็นสัดส่วนกับห้องนั่งเล่น “เรียบร้อยแล้ว พี่ปรีกินข้าวเช้าเลยหรือเปล่า เดี๋ยวแป๋งจัดให้” “เอาสิ แป๋งทำอะไรใส่บาตรล่ะเช้านี้ หอมเชียว” คนเป็นพี่ยกมือปิดปากหาว หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ “ผัดผักบุ้งกับแกงจืดผักกาดกระป๋อง ของหวานเป็นวุ้นกะทิ” เดาได้เหมือนเคยว่าอาหารชุดนี้คงเคยเป็นมื้อกลางวันและเย็นของน้องด้วย เธอรู้ซึ้งนิสัยน้องดีว่าพยายามใช้ของที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด ตอนเด็กเธออาศัยอยู่กับป้าแท้ ๆ ซึ่งรับข้าราชการครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง นับตั้งแต่แม่บังเกิดเกล้านำพวกเธอพี่น้องมาฝากแล้วหนีหน้าหายไปไม่กลับมา แถมเงินเดือนครูระดับประถมนั้นน้อยนิด แต่ป้าก็พยายามสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหลานทั้งสองเสมอ เวลาอยากกินอะไรแพง ๆ ป้ามักไปหาวิธี แล้วมาทำให้ ซึ่งกินได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่หลังจากลองผิดลองถูกมาเยอะ อาหารของป้ากลายเป็นอร่อยทุกครั้งที่ลงมือทำ รสฝีมือนี้ถ่ายทอดมาสู่ปัทมนต์เต็ม ๆ ‘กับข้าวน่ะไปซื้อเขากินทำไม ทำกินเองดีกว่า สะอาดด้วย จะกินเยอะเท่าไรก็ได้’ น้องให้ความเห็นเรื่องอาหารคล้ายป้าเพ็ญ อีกเหตุผลคือความประหยัด เธอมองดูมือบอบบางเหลืองลออหยิบโน่นทำนี่คล่องแคล่วอยู่ในครัว ผมยาวรวบติดกิ๊บหนีบตัวใหญ่ เจ้าตัวไม่ค่อยอยากตัด พอให้เงินไปยายตัวดีก็แอบเก็บไว้ ‘เสียดายตังค์น่ะพี่ปรี รอให้ยาวกว่านี้ดีกว่าค่อยไปตัดทีเดียว’ นี่แหละปัทมนต์ ‘ทำบุญไว้ดีนะพี่ สบายใจชาตินี้แถมไปถึงชาติหน้า แป๋งอธิษฐานให้เราสองคนไม่ว่าชาติไหน ๆ ขอมีชีวิตที่ไม่ลำบากอย่างนี้’ หลังป้าเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถชน เธอเริ่มกรวดน้ำให้ญาติผู้อันเป็นที่รัก เมื่อพี่สาวผิดศีลข้อสามยิ่งพยายามทำบุญมากขึ้น ‘แป๋งไม่หวังชาติหน้าแล้วล่ะ ขอให้ชาตินี้เราอย่าสร้างบาปกรรมกับใครมากกว่านี้อีกเลย’ น้องเคยบอกด้วยน้ำเสียงจืดเจื่อนจนเธอสะท้านใจ บาปจากการผิดศีลทำให้อยู่สุขสบายกาย แต่ใจนั้นไม่ใคร่สบายเลย จึงไม่เคยห้ามแถมสนับสนุนเรื่องการทำบุญ ปัทมนต์มักตักบาตรเช้าด้วยอาหารที่ทำเอง แม้ต้องตื่นขึ้นมาแต่ไก่โห่ก็ตาม ด้วยความเชื่อมาจากป้าผู้ล่วงลับ ‘อาหารถวายพระถ้าทำเอง ทำด้วยใจจะส่งผลบุญมาก ถ้าทำบุญด้วยอาหารอะไรเวลาตายจะได้กินอาหารที่เราใส่บาตรไป’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD