ฉันย้ายมาอยู่คอนโดได้สามวันแล้ว ทุกอย่างยังคงปกติดี ไม่มีอะไรน่ากังวล ตื่นเช้ามาเรียนและกลับคอนโดช่วงหัวค่ำหลังซ้อมละครเสร็จ วนเวียนแบบนี้ทุกวัน
การอยู่คนเดียวแบบนี้มันก็ดีแหละ แต่มันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนกับว่าชีวิตฉันมีบางอย่างขาดหายไป คือ… จะอธิบายยังไงดีล่ะ ปกติแล้วชีวิตฉันมักเกี่ยวข้องกับเก้าทัพตลอดเวลา เขาอยู่กับฉันเสมอ แทบจะทุกช่วงเวลาของชีวิตเลยก็ว่าได้ ฉันที่เป็นลูกคนเดียวกับเขาที่เป็นลูกคนเดียว เราต่างไม่มีพี่น้อง เราจึงมีกันและกันมาตั้งแต่เล็ก
เขาเคยใจดีกับฉัน… เวลาฉันไม่ขัดใจเขา และก็เคยใจร้ายกับฉัน เวลาที่ฉันไม่ได้ดั่งใจเขา
ให้ตายสิ… ฉันไม่ควรจะนึกถึงเขาสินะ
“จา! ไปกินข้าวกัน”
เฮือก!
“โอ๊ย ตกใจหมดเลยมี่” ฉันลูบอกตัวเองเบา ๆ มัวแต่นั่งคิดอะไรเพลินจึงไม่สังเกตว่ามีมี่เดินเข้ามาหาตอนไหน วายุนั่งลงด้านข้างฉัน เขามองด้วยสายตาเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าจา ดูเหม่อ ๆ นะเราอ่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก จริงสิ เมื่อกี้ชวนไปกินข้าวเหรอ ที่ไหนดีล่ะ” ฉันลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋า พยายามทำตัวให้เป็นปกติเช่นเคย
“ไปกินสเต๊กกัน ร้านสเต๊กแถวตึกวิทย์นะ” มีมี่ควงแขนฉันยิ้มร่า วันนี้เธอดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“อื้อ โอเค”
.
.
.
“สเต๊กมาแล้วค่ะ”
สเต๊กหน้าตาน่าทานเสิร์ฟตรงหน้าพวกเราสามคน วายุสั่งสเต๊กหมูเหมือนฉัน ส่วนมีมี่ทานสเต๊กเนื้อ เธอมองจานฉันกับวายุพลางทำหน้าเหม็นเบื่อ
“สเต๊กหมูไม่เห็นอร่อยเลย เนื้ออร่อยกว่าเยอะ จาไม่กินเนื้อยังพอเข้าใจ แต่ยุอ่ะ ทำไมสั่งหมูล่ะเนี่ย เห็นปกติก็สั่งเนื้อเหมือนกันนี่นา”
ฉันที่ไม่ทานเนื้อวัวหันมองวายุเช่นกัน ปกติฉันไม่ค่อยเข้าร้านสเต๊กกับเพื่อน ๆ ไม่สิ ต้องพูดว่าปกติแล้วฉันไม่ค่อยทานอาหารกับเพื่อนแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะเก้าทัพตามคุมฉันตลอด ถ้าเขาไม่ลากฉันไปทานสองต่อสอง เขาก็จะมานั่งทานร่วมโต๊ะกับเพื่อน ๆ ฉันด้วย
“เอ่อ ก็ยุอยากเปลี่ยนเมนูบ้างไง เอาน่า รีบกินเถอะ กำลังร้อน ๆ เลยนะ” วายุโบกมือให้มีมี่ก่อนจะก้มจัดการหั่นสเต๊กของตัวเอง มีมี่เบะปากใส่แล้วจัดการสเต๊กตัวเองเช่นกัน ขณะที่ฉันนั่งนิ่ง สองมือกำช้อนส้อมกับมีดแน่น
ภาพของผู้ชายคนหนึ่งดึงจานสเต๊กฉันไปหั่นให้ด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจแล่นวาบเข้ามาในความคิด ฉันสะบัดหน้าเบา ๆ เพื่อไล่ความคิดนั้นออกไป
บ้าจริง… เพราะเคยชินกับการที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ และคอยทำทุกอย่างให้หรือเปล่านะ ทำไมต้องนึกถึงเก้าทัพอยู่เรื่อยเลยนะ
“จา ไม่กินเหรอ?”
“หะ…” ฉันเงยหน้าจากจานสเต๊กตรงหน้าขึ้นมองมีมี่กับวายุ ทั้งคู่กำลังจ้องมาทางฉัน ฉันขยับยิ้มบางตอบกลับ เริ่มลงมือหั่นสเต๊กบนจานตัวเองแล้วจิ้มเข้าปาก รสชาติสู้ฝีมือเก้าทัพไม่ได้เลยแฮะ...
เอาอีกแล้ว… ฉันนึกถึงเก้าทัพอีกแล้ว
.
.
.
“ผับใต้ดิน?”
“อื้อ จาไปเป็นเพื่อนมี่หน่อยน้า น๊า…” มีมี่พนมมือถูไปมา ทำหน้าอ้อนวอนตาปริบ ๆ แถมยังเขย่าแขนฉันที่กำลังดูดชาไข่มุกอยู่แทบจะสำลัก
“นึกยังไงถึงจะไปอ่ะมี่ ที่นั่นมันน่ากลัวไม่ใช่เหรอ”
“น่ากลัวอะไรกันจา ใครบอกจาเนี่ยว่าผับใต้ดินน่ากลัว ก็แค่ผับที่มีวงดนตรีสดใต้ดินมาเล่นดนตรีเฉย ๆ นะ”
เก้าทัพเคยบอกน่ะ… ฉันตอบในใจ
“คืนนี้วงที่มี่ชอบขึ้นแสดงอ่ะ มี่ปลื้มนักร้องนำมาก แต่มี่ไม่กล้าไปคนเดียวก็เลยมาชวนจาไปด้วยกัน”
“มันจะดีเหรอ จาไม่เคยไปที่แบบนั้นเลยนะ อีกอย่างจาไม่ค่อยฟังเพลงเลยด้วย”
“ดีสิ! ถ้าไม่เคยฟังก็ไปลองฟังดู รับรองว่าสนุกแน่นอน มันก็คล้าย ๆ ผับที่เราไปเที่ยวกันนั่นแหละเพียงแต่ว่ามีดนตรีสดให้ฟังแถมผู้ชายยังงานดีมาก ฮิ ๆ”
หัวเราะแบบนั้นนั่นมันอะไรน่ะ
“ไปเถอะนะจานะ น๊า… ไปเป็นเพื่อนมี่หน่อย”
“แต่ว่า…” ฉันทำหน้าลำบากใจ ปกติฉันไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืนอยู่แล้วด้วย แถมนี่ยังเป็นผับใต้ดินอีก จะไหวไหมนะ…
“โธ่ ไม่ต้องลังเลหรอกน่า ถ้าจาไม่ชอบ มี่จะกลับทันทีเลยโอเคไหม นะจานะ ไหน ๆ จาก็ได้ใช้ชีวิตอิสระแล้วนี่ ไม่ต้องมีพี่เก้าตามคุมแล้ว จาก็น่าจะลองใช้ชีวิตให้คุ้มหน่อยเป็นไง” มีมี่พยายามโน้มน้าวฉัน และมันได้ผลเสียด้วย…
เอาเถอะ ไหน ๆ ฉันก็ได้ใช้ชีวิตอิสระแล้วนี่นะ ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้างก็คงจะดีมั้ง
ถ้างั้น…
“ก็ได้ ไปก็ไป”
“เย้! จาน่ารักที่สุดเลยยย!”