“ลาก่อนค่ะรุต เราคงมีวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้”
เธอยืนมองเขาก่อนจะกลืนก้อนแห่งความเจ็บปวดเข้าไปในอก วิศรุตเป็นผู้ชายที่ดี หากเป็นไปได้เธอก็อยากอยู่เคียงคู่กับเขาชั่วชีวิตแต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว
แพรพรรณเดินออกมาพร้อมกับตั้งใจจะปิดประตูห้องอย่างเงียบเชียบ แต่เธอไม่นึกว่าจะเจอเข้ากับศศิจันทร์ ซึ่งมายืนรอเจ้าของห้องอยู่ก่อนแล้ว
“อยู่นี่เองเหรอพี่สาวตัวดี แกคงอยากกินพี่รุตมากจนทำสำออยในงานแล้วให้เขาพามาที่นี่สินะ ช่างไม่มียางอายเลยจริง ๆ ทั้งที่รู้แล้วว่าฉันกับเขาจะแต่งงานกันไม่ช้านี้ นังหญิงชู้!!”
ทันใดนั้น ศศิจันทร์ก็ตรงเข้ามากระชากเส้นผมของพี่สาวสุดแรง ก่อนจะตบเข้าที่ใบหน้าอย่างเต็มแรง
เพี๊ยะ!!
“โอ๊ย!!... มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะศศิ ปล่อยพี่เถอะ!” แพรพรรณร้องลั่น น้ำตาไหลพรากด้วยความตกใจและเจ็บปวด แต่ศศิจันทร์ไม่ฟังแม้แต่น้อย
“หึ! อย่ามาแอ๊บใสฉันเลยอีแพร!” เธอถลึงตาใส่ด้วยความเกลียดชัง “คนอย่างแกมันก็แค่ผู้หญิงต่ำ ๆ ที่วัน ๆ คิดแต่จะมาแย่งของฉัน! แกมันคนขี้โกหก คนอย่างแกต้องเจอแบบนี้แหละถึงจะสำนึกได้!”
“เพี๊ยะ!!”
เสียงฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าอีกครั้งจนแก้มข้างหนึ่งสะบัดไปตามแรง แพรพรรณทรุดฮวบลงกับพื้น น้ำตาของเธอไหลออกจากหางตาอย่างกลั้นไม่อยู่ ร่างกายเจ็บ แต่หัวใจเจ็บยิ่งกว่า
“นี่แหละคือบทลงโทษสำหรับผู้หญิงร่าน ๆ อย่างแก! และฉันยังไม่พอใจเลยด้วยซ้ำ ยังไม่สาสมกับสิ่งที่แกทำ!”
“อย่าทำอย่างนี้ศศิ พี่ไม่ได้คิดจะแย่งรุตไปจากเธอนะ!!”
แพรพรรณยกมือกุมแก้มที่ช้ำบวมจากแรงตบ ขณะพยายามเอ่ยปากห้ามน้องสาวด้วยเสียงสั่น ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีจะหยุด ศศิจันทร์ทิ้งกระเป๋าแบรนด์เนมใบงามลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาทำร้ายพี่สาวอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง
เธอไม่รู้ว่าความผิดชอบชั่วดีนั้นเป็นอย่างไร เพราะอารมณ์หึงหวงของตัวเอง ทำให้เวลานี้หน้ามืดตามัวเหมือนไฟที่กำลังสุมเพลิงอยู่ในอกต้องการการระบาย แพรพรรณได้แต่ยกมือกอดหน้าท้องของตัวเองแน่น หัวใจเต้นระส่ำด้วยความกลัวว่าลูกน้อยในครรภ์จะได้รับอันตราย
“แกไม่ต้องแก้ตัว คนอย่างแกมันต้องโดนฉันจัดการเสียบ้าง ที่กล้ายั่วยวนพี่รุตให้นอนกับแก นังชั่ว นังคนสารเลว!” ศศิจิกผมพี่สาวต่างแม่แล้วพ่นถ้อยคำหยาบคายไม่หยุด
“โอ๊ยย!! อย่านะศศิ อย่าทำพี่”
เสียงดังโหวกเหวกของคนทะเลาะกันดังลั่นจนปลุกการนอนของวิศรุต เขาไม่ชอบให้ใครรบกวน แต่ชายหนุ่มแปลกใจนัก ในเมื่อคอนโดแห่งนี้เก็บเสียง แล้วทำไมคนทะเลาะกันที่อื่นถึงได้ดังลั่นขนาดนี้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดและสงสัย ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างงัวเงีย ก่อนจะคว้าเสื้อเชิ้ตที่พาดไว้ข้างเตียงมาสวมทับกางเกงขาสั้น
เขาก้าวออกจากห้องนอนตรงไปยังประตูห้องรับแขก และทันทีที่เปิดประตูออก ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาชะงักนิ่ง ดวงตาเบิกกว้างในทันที
ผู้หญิงสองคนกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งเป็นศศิจันทร์ที่เขารังเกียจนักหนา ส่วนอีกคนเป็นแพรพรรณ คนรักที่เขาจะไม่ยอมให้ใครแตะต้อง แต่กลับกลายเป็นว่า เวลานี้ด้านคนที่เสียเปรียบคือคนรักของตัวเอง วิศรุตไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปห้ามและแยกทั้งสองออกจากกัน
“หยุด!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” วิศรุตตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดก่อนจะพุ่งเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกันทันที
“จะให้หยุดได้ยังไงล่ะคะพี่รุต! ก็นังแพรมันแอบมากินพี่รุตทั้งคืนแบบนี้ แล้วจะไม่ให้ศศิโกรธได้ยังไง! ศศิไม่ยอมนะ!!” ศศิจันทร์ตะโกนลั่น ในตอนนั้นเองยามของคอนโดก็รีบตามเข้ามาระงับเหตุหลังได้รับการแจ้งจากฝ่ายนิติบุคคล พวกเขาห้ามศศิจันทร์ไว้ทันก่อนที่เรื่องจะบานปลาย
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด และผมพาแพรมาเอง เราสองคนรักกันคุณก็รู้ และอีกอย่างหนึ่งผมกับคุณไม่เคยเป็นอะไรกันเลย ไม่เคยสักนิด!”
คำพูดเด็ดขาดนั้นแทงใจศศิจันทร์เข้าอย่างจัง ดวงตาของเธอสั่นระริกด้วยทั้งความอับอายและความเสียหน้า
“อะไรกันคะพี่รุต?” เธอถามเสียงสั่น “ก็ในเมื่อพี่นอนกับศศิแล้ว แม่ก็รู้ ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้น! อีกไม่นานเราก็จะหมั้นไปแล้วนะคะพี่รุต...พี่รุตคิดว่าศศิล้อเล่นหรือไงคะ?”
ศศิจันทร์กัดฟันกรอดร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่น เธอเจ็บใจจนแทบระเบิด เมื่อเห็นวิศรุตเอาแต่ปกป้องพี่สาวต่างแม่อย่างด้วยความรักใคร่ ท่าทางห่วงใยที่เขามอบให้กับแพรพรรณเป็นดั่งมีดกรีดลึกลงในหัวใจของเธอ
“อย่าพูดแบบนั้นนะศศิ!” วิศรุตเอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าเคร่งเครียดขณะโอบประคองแพรพรรณแน่นขึ้นอีก
“ผมไม่เคยคิดเกินเลยกับคุณ ไม่เคยแม้แต่สักครั้งเดียว ตลอดมาคุณคือ ‘น้องสาวของแพร’ และจะไม่มีวันเป็นได้มากกว่านั้น ผมยืนยันไว้ตรงนี้เลย!” เขาพูดเสียงเข้ม สายตามองศศิจันทร์อย่างเอาเรื่อง
“และอีกอย่าง เรื่องทั้งหมดที่คุณกับแม่ของคุณปั่นข่าวขึ้นมาเพื่อบีบบังคับผม หากไม่อยากให้เรื่องที่พวกคุณทำเปิดเผยออกไป ก็เลิกยุ่งกับผมและแพรซะ!"
“กรี๊ดดดดด!! ไม่จริง! มันไม่จริงงง!! พี่รุตต้องเป็นของศศิ! ต้องรักศศิคนเดียวเท่านั้น!!” ศศิจันทร์แผดเสียงกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง ดวงตาแดงก่ำเหมือนคนเสียสติ เธอพุ่งเข้าใส่แพรพรรณอีกครั้ง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ รปภ. ที่คุมตัวไว้ขัดขวาง
“อีแพร! อีผู้หญิงแพศยา!! พี่รุตปล่อยมันเดี๋ยวนี้! ศศิจะตบมัน!! มันบังอาจแย่งพี่ไปจากศศิ มันต้องตายย!!”
เธอกรีดร้องดิ้นพล่าน จนเสียงนั้นดังก้องออกไปทั่วทั้งชั้น กระทั่งผู้อยู่อาศัยห้องข้างเคียงเริ่มเปิดประตูออกมาดู บางคนถึงกับยกมือขึ้นอุดหู เพราะเสียงแหลมสูงของเธอ
“ปล่อยนะ ไอ้พวกบ้า! ปล่อย!! พี่รุตจะต้องรับผิดชอบศศิ พี่รุตจะต้องแต่งงานกับศศิคนเดียวเท่านั้น ส่วนแกนังแพร แกต้องชดใช้ในการกระทำของแก!!”
เสียงกรีดร้องปนสะอื้นนั้นเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น ก่อนเธอจะหันขวับไปยังแพรพรรณด้วยสายตาที่แทบจะกินเลือดกินเนื้อ ตะโกนด่าทออย่างไม่อายใคร
วิศรุตขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียด ขณะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามจะควบคุมเธอเอาไว้
ทว่าศศิจันทร์กลับใช้แรงทั้งหมดดิ้นจนหลุด ก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่แพรพรรณอีกครั้งอย่างคนไร้สติ มือยกขึ้นสูงเตรียมฟาดใส่ใบหน้าของหญิงสาว
“ฉันจะตบแกให้ตายนังแพร!!!”
ฝ่ามือของศศิจันทร์ถูกยกขึ้นสูง เตรียมฟาดลงใบหน้าของอีกฝ่าย แต่วิศรุตกำข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ได้เสียก่อน
“เลิกบ้าได้แล้วศศิ! คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรใครทั้งนั้น!” เขาตวาดลั่น ก่อนหันไปสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ยาม!! ช่วยเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปที เธอไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับผม! ลากตัวออกไป!!” วิศรุต แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนไม่รู้ว่าแพรได้เดินหนีออกไปจากที่นี่แล้ว
ในขณะที่ศศิยังสร้างความวุ่นวาย แพรพรรณก็อาศัยจังหวะนี้หนีออกมา ศศิจันทร์คงไม่ปล่อยเธอเหมือนอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้ เธอกลัวความรุนแรงจะกระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง
เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวศศิจันทร์ออกไปแล้ว เขาก็หันมาหาคนรักแต่เธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว
“แพร!! คุณหายไปไหนนะ” เสียงเรียกของวิศรุตแหบพร่าด้วยความร้อนรน เขารีบวิ่งออกมาจากห้อง สายตากวาดมองไปรอบโถงทางเดินที่ว่างเปล่า
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกหนีผมเสียทีนะ แพร” เขาพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเต็มที