เวลาผ่านไปสามชั่วโมง
แพรพรรณนอนพักฟื้นอยู่ในห้องส่วนตัวในโรงพยาบาล วิศรุตจัดการเลือกเป็นห้องส่วนตัวให้เธอพัก แต่แพรพรรณกลับไม่อยากเจอหน้าเขา เธอไล่ให้เขากลับอ้างว่าขอเวลาพักผ่อน วิศรุตเองก็จนใจจึงจำต้องถอยออกก่อน
หญิงสาวยังคงตั้งตัวไม่ทันกับเรื่องที่ได้ยิน ยังร้องไห้เพราะรู้สึกเสียใจระคนเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่เธอก็ต้องสูญเสียชายหนุ่มคนรักไปอยู่ดี เมื่อหมอเข้ามาตรวจแต่คำพูดของเขากลับทำให้โลกทั้งใบของเธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“ผมยินดีกับคุณแม่คนใหม่ด้วยนะครับ คุณท้องได้สิบหกสัปดาห์แล้วนะครับคนไข้”
แพรพรรณอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ผสมกับความตื่นเต้นและไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน น้ำตาของคนเป็นแม่เริ่มคลอเบ้า เพราะหมอแจ้งให้ทราบว่าในตอนนี้เธอกำลังท้องลูกของเขาอยู่
หมอพูดย้ำเสียงนุ่มพลางยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “หลังจากพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณแม่ต้องการฝากครรภ์ติดต่อที่แผนกสูติด้านล่างเลยนะครับ”
“ต่อจากนี้คนไข้ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะครับ หลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือกิจกรรมที่หักโหมจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบกับเด็กในครรภ์ได้” คุณหมอแนะนำอย่างใจ ทำให้แพรพรรณที่นั่งพิงพนักเตียงอยู่พยักหน้ารับก่อนจะตัดสินใจพูดขอร้องคุณหมอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
“คุณหมอช่วยเก็บเรื่องที่ฉันท้องไว้เป็นความลับได้ไหมคะ คือฉันอยากเซอร์ไพรส์พ่อของลูกน่ะค่ะ"
เธอพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้องไปด้วย คุณหมอเองก็มองยิ้มอย่างยินดี คนไข้คงดีใจมาถึงอยากให้สามีเซอร์ไพรส์เหมือนกัน
“ครับ ยินดีครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณหมอ”
แพรพรรณยกมือไหว้ พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความโล่งใจ แน่นอนว่าเธอไม่คิดจะบอกวิศรุตแม้แต่น้อย เธอไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้แค่นี้เธอก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว
วิศรุตเดินทางเข้ามารับตัวแฟนสาวในไม่ช้า ไม่มีเวลาให้แพรเตรียมตัวเพื่อหนีห่างจากเขา ดูเหมือนว่าวิศรุตจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการหลบหน้าอยู่เรื่อยไปก็ตาม สี่เดือนก่อนหน้านี้เขาตามหาเธอแทบคลั่ง แต่ไม่เคยเจอตัวหญิงสาวสักที วันนี้วิศรุตจะพลาดไม่ได้ เขารับเธอกลับไปที่คอนโดของตัวเอง แม้ว่าแพรจะไม่ยินยอม
รถยนต์คันหรูเลียบเข้ามาจอดใต้ตึก ชายหนุ่มกดลิฟต์เพื่อรอชั้นของตัวเอง เขาเอ่ยปากออกมาหลังจากแตะปุ่มรหัสล็อกห้องเรียบร้อย
“จำห้องของเราได้ไหมแพร ห้องที่คุณกับผมเคยรักกัน เรามีความสุขกันมากจนกระทั่งคุณหนีหายจากผมไปหลายเดือน” น้ำเสียงของเขามีความน้อยใจอยู่หลายส่วน
เขาวางเสื้อสูทลงพาดกับเก้าอี้ในห้อง ก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตตัวในออกหลังจากนั้น แพรมองเขาอย่างหวาดหวั่น พร้อมกับก้มมองหน้าท้องของตัวเอง ภาวนาให้เขาไม่ทำอะไรอย่างที่ใจคิด
“แต่คุณกำลังจะแต่งงานกับศศินะคะ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะรุต ปล่อยแพรไปเถอะนะ”
“คุณฟังผมก่อนนะแพร” วิศรุตเข้ามาจับมือคนรัก
“ผมไม่ได้รักศศิ และไม่เคยคิดอะไรเกินไปกว่าน้องสาวของคุณ ที่เห็นวันนั้นผมไม่รู้เรื่อง ผมถูกใส่ร้าย คนพวกนั้นวางแผนคุณก็รู้”
น้ำเสียงกึ่งอ้อนวอนขอร้องคนรักให้เชื่อใจกัน แพรพรรณกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอพยายามบิดข้อมือหนีและหันหลังให้เขาพยายามข่มใจตนเองไม่ให้เข้าไปกอดคนตรงหน้า
“ไม่ว่าจะเป็นยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้วค่ะรุต มีหนทางเดียวคือต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา เต็มไปด้วยความพยายามจะเปล่งถ้อยคำที่ฝืนใจออกมา เพราะในใจของเธอก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน ความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานใช่ว่าจะตัดกันได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
ชายหนุ่มที่ยืนฟังเงียบ ๆ หน้าตาเริ่มมืดครึ้มลงทุกขณะ อารมณ์เดือดดาลภายในปะทุขึ้นจนแทบสะกดไม่อยู่ คิ้วหนาขมวดแน่น กรามแข็งขบกันจนเป็นสัน เส้นเลือดขมับเต้นตุบ ๆ อย่างน่ากลัว เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมอารมณ์ แต่มันยากเหลือเกิน…ยากเหลือเกินที่จะเข้าใจว่า เหตุใดผู้หญิงที่เขารักถึงได้ยอมคนพวกนั้นอยู่ร่ำไป และในขณะที่เขาพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน เธอกลับเลือกที่จะผลักไสเขาไปอยู่ข้างผู้หญิงคนนั้นแทน
“ไม่มีทางเสียหรอก! ผมรักคุณนะแพร ผมซื่อสัตย์กับคุณมาตลอด คอยอยู่เคียงข้างคุณ โอบกอดคุณ และก็พร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน ผมไม่เข้าใจผมทำเพื่อคุณขนาดนี้ ทำไมคุณถึงไม่สู้ไปกับผม!"
พูดจบก็เดินเข้าไปรวบร่างบางเข้ามากอดให้หายคิดถึงแต่ใครจะรู้ว่าแพรพรรณพยายามดิ้นรนขัดขืนออกจากอ้อมกอดของเขาราวกับรังเกียจ
“ทำไมล่ะแพร คนพวกนั้นสอนให้คุณรังเกียจผัวอย่างผมด้วยหรือไง” วิศรุตกล่าวเสียงพร่ากลิ่นหอม ๆ ที่คุ้นเคยจากคนตัวนุ่มในอ้อมกอดทำเอาอารมณ์ที่เต็มไปด้วยโทสะเมื่อกี้คลายลงไปมาก อาจเพราะความคิดถึงและการห่างหายไปนานจากเรื่องเซ็กส์ทำให้เขาอดรนทนไม่ไหว
“มะ..ไม่ใช่นะ ..”
หญิงสาวยังไม่ทันพูดให้จบดี วิศรุตก็จู่โจมริมฝีปากของหญิงสาวอย่างเร่าร้อน โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว รสสัมผัสของเขาช่างเย้ายวนและหอมหวานมากมายเหมือนเมื่อก่อน และเป็นสิ่งเดียวที่แพรสัมผัสมาตลอด ความรักที่เธอมีให้กับเขายังเหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแค่ตอนนี้เธอเลือกที่จะอยากหนีไปให้ไกลจากเขามากกว่า เธอคิดว่าหากรังรองและศศิรู้ว่าเธอท้องเธอคงจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่ ๆ
วิศรุตถอนริมฝีปากนุ่มออกจากความยืดหยุ่นที่น่าเย้ายวนของหญิงสาวเวลานี้แม้อยากห้ามใจก็ทำไม่ได้ เขาประคองเธอลงบนเตียงนอน พร้อมกับทาบทับร่างใหญ่บนร่างของเธอ
“ยะ..อย่านะรุต แพรทำแบบนี้ไม่ได้” เธอห้ามเขา แต่ความร้อนรุ่มเข้าครอบงำทั้งร่างกายและจิตใจเขาเต็มที แพรพรรณร้องขอเหมือนคนต้องการความเมตตา แต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบกายเลย นอกจากความต้องการที่จะครอบครองร่างบางตรงหน้า
“คุณห้ามผมไม่ได้หรอกแพร คุณทำให้ผมคลั่ง รู้ไหมผมโกรธแค่ไหนที่คุณหายไป วันนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณไปจากผมอีกแล้ว”
เขาเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาว ก่อนที่ฝังจมูกลงไปบนซอกคอขาวเนียนนั่นอีกครั้ง และไม่ยอมให้อะไรมาขวางกั้นความปรารถนาได้อีก แพรได้แต่หลั่งน้ำตาออกมากลัวลูกในท้องจะได้รับความกระทบกระเทือน
“ได้โปรดเถอะค่ะรุต แพรนอนกับคุณได้แต่คุณช่วยอ่อนโยนกับแพรได้ไหมคะ” เธอพูดอ้อนวอนทั้งน้ำเสียงและสายตาก่อนจะเป็นฝ่ายจูบเขาอย่างอ่อนโยน เป็นการสื่อสารทางกายให้เขาได้รับรู้
ซึ่งการกระทำของหญิงสาวทำให้วิศรุตโอนอ่อนตาม แม้ความโกรธเคืองจะมีอยู่เต็มเปี่ยม แต่แรงกระแทกที่เขาใช้กับหญิงสาวนั้นเบาดุจปุยนุ่น แต่ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและความปรารถนาแรงกล้าของจิตใต้สำนึกแห่งความรัก
“ผมยินดีทำตามที่คุณขอครับที่รัก”
เมื่อวิศรุตยอมในคำขอจากนั้นแพรพรรณก็เป็นฝ่ายพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนร่างแกร่ง หญิงสาวรู้ว่าจะทำยังไงให้เขาพอใจ เธอโยกคลึงจุดซ่อนเร้นที่เขาชื่นชอบ แพรเลือกที่จะทำเองมากกว่าเพราะควบคุมความรุนแรงและความคลุ้มคลั่งในรักของวิศรุตได้ดีกว่ามาก
“อ่าห์..” ทั้งเขาและเธอร้องครางใส่กันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ จนกระทั่งทั้งคู่สำลักความสุขให้กันในเวลาต่อมา…
“คุณยังน่ารักเหมือนเดิมนะครับแพร คุณรู้ไหมว่าผมรักคุณมากนะ” เขากระซิบข้างหูเธอพร้อมกับพรมจูบอย่างคนที่รอคอยมานาน
“แพรรู้ค่ะ แต่อยากบอกคุณว่าแพรไม่ค่อยสบาย ให้แพรพักเถอะนะคะ”
เขาพยักหน้าก่อนจะโอบกอดหญิงสาวเอาไว้แนบอก ทั้งคู่นอนหลับไปพร้อมกันเพราะความเพลียจากการร่วมรัก เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนสายของอีกวัน แพรพรรณยังอยู่บนเตียงของเขา เธอเห็นวิศรุตนอนหลับอยู่ข้างกาย เขาไม่เคยทิ้งเธอไปไหนเลยตั้งแต่วันแรกที่คบกันจนถึงวันนี้ มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่เหมือนจะทำใจร้ายใจดำกับเขาได้ทุกที แพรลุกขึ้นอย่างแผ่วเบา เธออาบน้ำชำระร่างกาย ก่อนจะจากลาเขาไปอีกที และครั้งนี้เธอสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ให้ชายหนุ่มพบเจอกับตัวเองอีกแล้ว
“ลาก่อนค่ะรุต เราคงมีวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้”