เธอกล้ามาก

1429 Words
" เจอไหม" เสียงหญิงแต่แหบเอ่ยถามขึ้น หลังเดินมาสมทบกับชายฉกรรจ์ในชุดทหารนับสิบ แววตาสีฟ้าอ่อนเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะตามหาเจ้าของรอยเลือดนี่ให้พบ เมื่อสามชั่วโมงก่อนมีเหตุแจ้งการยิงกันขนาดย่อมในแถบทะเลทรายติดกับขุนเขาต้องห้ามที่ไม่มีใครอยากจะย่างกรายเข้าไป เธออาสาจะมาเพียงแค่ทำหน้าที่ของอาชีพที่รักที่สุด กระนั้นก็เหมือนดูโง่ในสายตาเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ หากนี่คือการพาตัวเองมาถูกกระสุนของศัตรู ซึ่งเธออาจจะมีความเกรงกลัวอยู่บ้าง ถ้าสิ่งที่ทำทั้งหมดไม่ใช่เป็นการเอาชนะใจผู้เป็นพ่อ คาเวีย เกรย์ หญิงสาวตาแขก สีฟ้าอ่อนดุจน้ำทะเลตื้น ทว่าแววตากลับลึกสุดขั้วบ่งบอกถึงความหยิ่งทระนง ใครเผลอมองมักจะติดอยู่ในห้วงภวังค์ราวกับกำลังเพ้อฝัน " ไม่เจอเลยครับ" เสียงทหารนายหนึ่งตอบ ร่างบางจึงเปลี่ยนจากท่ายืนตรงเป็นเท้าสะเอวหลังจากนั้นอย่างขัดใจ หล่อนเริ่มเครียด หากผลสรุปของภารกิจครั้งนี้ที่ได้ เกิดเป็นศูนย์ " งั้นหรือ..." ก่อนจะเลิกคิ้วสูงหันไปสบตาทหารทั้งหมด " แล้วถ้าฉันพูดว่า ต้องหาจนกว่าจะพบ แบบนี้ล่ะ..พวกนายจะทำให้ไหม" ซึ่งแน่นอน เหล่าชายอกสามศอกย่อมสยบภายในพริบตาเดียว " แน่นอน พวกเราจะหาให้ทั่ว จะไม่หยุดจนกว่าจะพบครับ!" " ดี! งั้นก็แยกย้ายไป เจอหลักฐานอะไร ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มารายงานฉัน " " รับคำสั่งครับ!" เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมเพรียงกัน พลางคำนับ ก่อนพากันแตกระแหไปทุกทิศทาง ปล่อยให้เธอยืนอยู่คนเดียว พร้อมรอยเลือดกองใหญ่ยักษ์ เธอก้มมองดูมัน ก่อนจะแบะปากหรี่ตาลอย ในหัวคิด มีแต่ของให้ดูต่างหน้า ทว่าเจ้าของกลับไม่มี มีเพียงรถคู่ใจคันใหญ่จอดอยู่ นั่นบ่งบอกให้รู้ว่าเขายังไม่ตาย และคงหนีไปได้ไม่ไกลหรอก แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้น่าแปลกใจไปมากกว่านั้น กับความฉลาดเป็นกรดของเขาก็คือ..การหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับนินจาหายตัวได้ของเขามาน่าทึ่ง ไม่มีแม้แต่รอยเลือดหยด ไม่ทิ้งหลักฐานไว้ในรถ มีก็แต่เพียงเข็มกรัดอันหนึ่งที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเป็นใคร " หึ เลือดเข้มข้นดีนี่ แกน่าจะเป็นโจรที่มีจิตใจอำมหิตที่สุด ที่ฉันเคยเจอมา" ภายใต้การปกครองของกองทัพทหาร ดินแดนทะเลทรายเป็นจุดที่อันตรายที่สุด มีบทความนึงกล่าวขานสืบต่อกันมา ประหนึ่งเป็นเรื่องเล่าว่า ในอณาจักรใหญ่ยักษ์ซึ่งมีมาเฟียสามกลุ่มที่มีอำนาจมากกว่าใครแห่งนี้ แข่งกันปกครองจนเกิดปัญหาให้กับมวลชนมนุษย์ร่วมโลกคนอื่น ด้วยเจตนาโดยไร้จิตสำนึก ในขณะที่ส่วนรวมอย่างพวกเขาเดือดร้อน ในสงครามของสงครามก็ยังมีใครหลายคนเดือดร้อนเพราะสิ่งนี้ด้วย แน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือเขา ' ซันดรู' มาเฟียรักสนุก ที่ต้องผันตัวมาทำในสิ่งที่ใครรู้เป็นต้องทึ่ง หลังจากแตกคอกับสหายในกลุ่ม และเลือกที่จะเดินออกมาใช้ชีวิตในแบบของตัวเองแทน แต่แล้ว.. วันนี้สิ่งที่เขากำลังทำกลับพบว่า ใครก็ตามหากเข้าไปในขุมนรกแล้ว ยากที่จะออกมาจากขุมนรกได้ เนื่องจากว่าสีดำนั้น ไม่มีสีอื่นมาเปลี่ยนแปลงหรือทดแทนให้กลายเป็นสีที่สวยงามได้ ซึ่งเขารู้กฏข้อนี้ดี ทว่า...กลับเลือกที่จะเดินต่อไปไม่สนใจคำเตือนของใครสักคน แม้กระทั่งคนสำคัญของเขาอย่างเรกาโดเขายังไม่ฟัง นับประสาอะไรกับคนอื่น ' มึงอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกซัน เชื่อกู' เพราะ ณ ตอนนี้ สิ่งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต คือความคิดของเขา! หยดเลือดที่ถูกปกปิดโดยเม็ดทราย แห้งเหือดกลายเป็นเกล็ดแข็งในที่สุด ไม่ได้ระแคะระคายผิวหนังเจ้าของให้เจ็บปวดนาน เขาอึดถึงขนาดหาทางรอดได้เพียงนี้ หากทำไม่ได้ก็อย่าเรียกเขาว่า 'Black Heart' เลย ฉายานี้ไม่ได้ขอมาฟรีๆหรือจับฉลากมา " บ้าเอ๊ยยย" เสียงแหบสบถแผ่วเบา หลังกระเสือกกระสนเดินมาไกลพลาดสะดุดขาตัวเองล้มในขณะลงเขา พร้อมกำปั้นทุบพื้นดิน บ่งบอกเป็นการระบายอารมณ์ที่มีอยู่ทั้งหมด แต่แล้วกลับต้องร้องซี้ด เมื่อสิ่งที่เขาออกแรงนั้นมันกระทบแผลฉกรรจ์อาบเลือดนั้นด้วย ช่างทรมานเกินจะทน! กระนั้นก็ไม่สามารถหยุดเดินได้ คนอย่างเขาไม่มีทางยอมแพ้ เอาร่างตัวเองมาทิ้งไว้ที่นี่หรอก มันเป็นการปล่อยศักดิ์ศรีให้คนอื่นหยามเกินไป ร่างสูงกัดฟันลุกอีกครั้ง นอกจากคำว่าฮึดสู้ในหัว ก็มีความโอหังไม่ยอมใครด้วยนี่แหละ เป็นแรงผลักดัน แต่แล้ว... เหมือนโชคไม่เข้าข้าง เมื่อจังหวะจะลุกปลายกระบอกปืนปริศนากระบอกหนึ่งชี้มาทางเขา ขึ้นนกรอให้เขาเงยแล้วเหนี่ยวไก ในขณะคนจ่อถือยังเคี้ยวหมากฝรั่งในปากสบายใจเฉิบ " ไง ไอ้หมาจนตรอก" " คารอส.." " ขอบคุณที่จำได้พวก" " ยะ...อย่า " ปัง! " อ๊ากกก" เสียงปืนดังสนั่นลั่นป่า ทว่าคนที่ร้องห้ามกลับไม่ถูกยิง แต่คนที่คิดจะยิงกลับบาดเจ็บแทน เพราะวิถีกระสุนที่พุ่งสาดมานั้นมาจากกระบอกอื่น ซึ่งไม่ใช่เขา ผู้ที่เป็นศัตรูของอีกฝั่ง... ซันดรูขมวดคิ้วยุ่งเหยิงช้อนตามอง ก่อนจะหย่อนลงหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นใคร สาวหน้าคมยืนตระหง่าน มือขวาถือปืนควันพวยพุ่งบ่งบอกให้รู้เพิ่งเหนี่ยวไกดีดกระสุนออกไปใหม่ๆ ปากบางกระจับเม้มเป็นขีดนั่นคือท่าทางของคนหยิ่งยโส บวกนัยย์ตาสีฟ้าอ่อนแฝงเสน่หาผสมความไม่กลัวใคร เขาถึงกับทึ่ง แต่นี่คงไม่ใช่เวลาทวงถามเพื่อคลี่คลายความสงสัยในใจ เมื่ออยู่ๆเธอเดินเข้ามาพร้อมที่จะยิงอีกฝั่ง ซึ่งไม่ใช่เขา! " ไง คารอส " หล่อนเผยอปากยักคิ้ว ส่วนคนร้าย... " กล้ามาก กล้าที่จะยิงฉัน!" มือทั้งคู่ประกบเข้าหากัน ซึ่งอาบไปด้วยเลือดดำเนื่องจากว่าเมื่อครู่ เธอยิงเข้าตรงนั้นเต็มๆ ไม่ได้เล็งไปยังจุดสำคัญ จงใจจะคร่าชีวิต ในขณะซันดรูถึงกับอึ้ง หลังได้ยินประโยคสนทนานี้ที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ " ก็ฉันเห็นพี่จะยิงเขา " " พี่งั้นหรือ..." ก่อนจะครางในลำคอมองสลับสองคนหญิงชาย " บ้าเอ๊ยยย แกมันบ้าไปแล้ว ถ้าฉันตายล่ะ" " ฮึ ฉันไม่พลาดขนาดนั้นหรอก เพราะถ้าพลาดจะไม่ถากถางแค่มือถือปืน " " เพื่ออะไรวะ" คารอสตะโกนถาม ลำคอขึ้นเส้นเป็นเอ็น โมโหที่ไม่สามารถทำร้ายคนตรงหน้าได้ เพราะเธอเป็นน้องสาว "....." เธอไม่ตอบ นอกจากแสะยิ้มตรงมุมปาก แล้วเดินเชื่องช้าไปข้างหน้า มองมาเฟียหนุ่ม เชลยผู้มีเกียรติ ที่มีแต่คนจะแย่งชิง จากนั้นจึงจะชี้ปลายกระบอกปืนไปข้างหน้า ชนกับหน้าผากเขา แกรก... พลางขึ้นนกขู่ " เฮ้ๆๆ นี่เธอจะทำอะไร" " ลุก ก่อนหัวแกจะเหมือนกับมือเขา" " นี่เธอ!" " ไม่ใช่เวลามาตวาดฉัน เวลานี้แกต้องเอาชีวิตให้รอดสิ ลุก!" " ฟัค!" ซันดรูกัดฟันกรอด ช่างใจได้แค่ชั่วครู่ ก่อนจะยันตัวลุก ทำตามที่เธอสั่ง ทว่าไม่วายที่จะส่งดวงตาอาฆาตกลับไปให้ " เดินไป... ทางนั้นน่ะ ฐานทัพฉันรอแกอยู่" ก้าวเท้าจำใจเดินตาม ทั้งที่สมองยังงุนงง ก่อนจะหันกลับมาถาม " เธอต้องการอะไรจากฉันแม่สาวน้อย" " แกคิดว่าทหาร เขาต้องการอะไรจากโจรล่ะ" ในขณะเธอยักคิ้วยียวน " หืม" " โดยเฉพาะโจรข้ามชาติอย่างแก" ซันดรูอึ้งไปอึดใจหนึ่ง แล้วจึงยิ้มแป้นทีหลัง " โว๊ๆๆ นี่เป็นทหารหรือนี่ " แต่แล้วกลับต้องเงียบ เมื่อคนที่เขาแซวไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป " หุบปาก!" ผั๊วะ!! เพราะเธอกล้าที่จะตบมาเฟียอย่างเขาด้วยด้ามปืน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD