ฉันคงเป็นพวกความรู้สึกช้ามั้ง พอรู้ว่าเห็นผีฉันก็หลับตากรี๊ดลั่นห้องพลางดึงผ้าห่มคลุมโปง ตัวสั่นเทิ้มเหมือนเจ้าเข้า ทำไมฉันถึงได้เห็นแก่ของถูกวะเนี่ย!
“อย่ามาหลอกหลอนกันเลย ไปที่ชอบๆเหอะนะ เดี๋ยวจะทำบุญไปให้”
‘ไปไหนไม่ได้’
ตอนนี้ฉันได้ยินเสียงกระซิบอยู่ข้างหู พอลืมตาขึ้นก็เห็นไอ้ผีบ้าคนนั้นเข้ามาอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับฉันด้วย แล้วจะรออะไรล่ะ
ฉันยกขาถีบผีตัวนั้นแม่งเลย!
“กรี๊ด ออกไปนะ อย่าเข้ามา บอกแล้วไงว่าต่างคนต่างอยู่” ฉันหลับตาพร้อมกับถีบขารัวๆแต่ก็ไม่โดนอะไรเหมือนถีบอากาศ
‘ใจเย็นๆสิ ฉันไม่หลอกเธอหรอก’
โอ๊ย ก็นี่กำลังหลอกกันอยู่ไม่ใช่รึไงวะ ฉันคิดอย่างอารมณ์เสียก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ผ้าห่มที่คลุมหน้าไว้อยู่ลดต่ำลงจนปิดไว้แค่ครึ่งหน้าล่างด้วยความกลัว แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นผีผู้ชายหน้าตาดี? เอ่อ อาจเรียกได้ว่าหล่อมากเว่อร์แถมยังแต่งตัวดีมีสไตล์ซะด้วย เขาไม่ได้หน้าเละเหมือนผีในหนังซะหน่อย
“พี่เป็นผีในห้องนี้เหรอคะ” ฉันเอ่ยเสียงสั่นพยายามพูดดีๆกับเขาเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธจนอยากหักคอพาฉันไปอยู่ด้วย
พี่ผียิ้มแล้วเอ่ยตอบ ‘ใช่’
พอเห็นเขาดูเป็นผีที่เป็นมิตรแถมยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ฉันก็เลยทำใจกล้าชวนคุยต่อ
“แล้ว...ทำไมไม่ไปเกิดล่ะคะ” ฉันต้องบ้าแน่ๆที่กำลังนั่งคุยกับผีกลางดึก บอกไอ้ลินไปมันจะเชื่อไหมวะเนี่ย
‘ไปไม่ได้’ เขาตอบหน้าเศร้าทำเอาฉันรู้สึกสงสาร สงสัยพี่เขาต้องมีบ่วงอะไรสักอย่างที่ทำให้ไปไหนไม่ได้แน่ๆ
“อ้าว แล้วพี่ติดอยู่ที่นี่มานานหรือยัง”
‘ไม่รู้สิ’
“แล้วพี่ชื่ออะไรคะ”
‘ไม่รู้เหมือนกัน จำไม่ได้’
ผีก็ความจำเสื่อมได้ด้วยเหรอวะ? แล้วฉันควรทำยังไงดีล่ะทีนี้
“คือหนูจะมาอยู่ที่นี่แค่สองเดือน ขอมาอยู่ด้วยได้ไหมคะ” ฉันยิ้มประจบ หวังว่าพี่ผีจะไม่รังเกียจนะ จะให้ไปหาหอใหม่ก็ไม่มีเงินแล้วด้วย
‘ได้สิ ฉันก็เหงาเหมือนกัน’
“ถ้างั้นก็ต้องมีกฎการอยู่ร่วมกัน” ฉันกระแอมคอแล้วเอ่ยต่อ “คือว่าพี่ผีเป็นผู้ชายส่วนหนูเป็นผู้หญิง เวลาที่หนูเข้าห้องน้ำรบกวนพี่ผีให้ความเป็นส่วนตัวกับหนูด้วยนะคะ”
พี่ผีอมยิ้มเหมือนจะหัวเราะแล้วเอ่ย ‘อืม เข้าใจ’
“อย่าให้รู้นะคะว่าแอบดู”
‘ถ้าพี่คิดจะแอบดูจริงๆ แล้วหนูจะทำอะไรพี่ได้ล่ะครับ’
สายตาพี่ผีคือกรุ้มกริ่มมาก ฉันจกตาเขาได้ไหมนะ!
‘พี่ล้อเล่นครับ ว่าแต่หนูชื่ออะไรเหรอครับ’
พอมีผู้ชายหล่อๆมาเรียกฉันว่า ‘หนู’ ก็แอบเขินเหมือนกันนะ ถึงเขาจะเป็นผีก็เถอะ
“นับดาว พี่เรียกหนูว่าดาวเฉยๆก็ได้ค่ะ”
‘ดีจังเลยนะที่หนูมองเห็นพี่ด้วย’
“ปกติไม่มีใครมองเห็นพี่เหรอคะ”
‘มีหนูดาวคนแรกน่ะแหละ ไม่ใช่แค่มองเห็นอย่างเดียวนะแต่พี่ทำแบบนี้ได้ด้วย’ ว่าแล้วเขาก็ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“พี่จะทำอะไร!” ฉันเอ่ยด้วยความตกใจ ถึงยังไงเขาก็เป็นผีเปล่าวะ
‘พี่จับตัวหนูดาวได้ด้วย’ เขาไม่พูดเปล่าแต่ลูบหัวฉันไปด้วย ใบหน้าขาวซีดส่งยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน
บ้าเอ๊ย! ทำไมฉันต้องมาใจเต้นแรงกับพี่ผีเขาด้วยวะ
“เอ่อ แล้วปกติทำไม่ได้เหรอคะ”
‘คนก่อนๆที่เคยอยู่ห้องนี้ไม่เคยมีใครมองเห็นพี่ แล้วพี่ก็จับพวกเขาไม่ได้ด้วย สิ่งที่ทำได้ก็แค่แกล้งพวกเขาเฉยๆเท่านั้น บางครั้งก็แกล้งเปิดน้ำ บางครั้งก็แกล้งเป่าหู บางครั้งก็...’
ฉันถึงกับหนังตากระตุกเมื่อได้ฟังวีรกรรมแกล้งคนของพี่ผีเขาน่ะ
‘แต่มีหนูคนเดียวนั่นแหละที่ไม่กลัวพี่’ เขาเอ่ยยิ้มๆ
“ก็ถ้ามาแบบหน้าหล่อๆหนูก็ไม่กลัวหรอกค่ะ”
‘เหรอ แต่พี่ไม่เคยมีช่วงหน้าเละนะ’ เขาลูบคางแล้วทำหน้าครุ่นคิด
ฉันเจอผีหลงตัวเองเข้าให้แล้วสินะ...
“ถ้างั้นพี่อาจจะตายอย่างสงบ แบบว่าหน้าไม่เละไง”
‘อืม ก็อาจจะเป็นไปได้’
พอนั่งคุยกันสักพักฉันก็เริ่มง่วงจึงอ้าปากหาวแบบไม่เกรงใจผีร่วมห้อง
‘นอนสิ พี่ไม่กวนหนูแล้วก็ได้’
ฉันพยักหน้ารับแล้วห่มผ้าเอนหลังนอน จนกระทั่งเขานอนลงข้างๆเตียงฝั่งที่ว่างนั่นแหละ
“แล้วคือพี่จะนอนตรงนี้” ฉันขมวดคิ้วมองคนที่มองหน้าฉันยิ้มๆ
‘อืม พี่ไม่กวนหนูหรอก หลับไปเถอะ’
“แบบนี้ไม่ดีมั้ง”
‘ไม่เป็นไรหรอกพี่ไม่ถือ’
แต่หนูถือ! ฉันตอบในใจ ไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้จะต้องมาแบ่งเตียงอีกครึ่งหนึ่งให้ผีนอนด้วย เอาเถอะ อย่างน้อยพี่เขาก็เป็นผีนิสัยดี แถมยังหล่ออีกด้วย ทนแค่สองเดือนจากนั้นก็ตัวใครตัวมัน พอคิดแบบนั้นฉันก็นอนหลับได้อย่างสบายใจ ตื่นเช้ามาเท่านั้นแหละรู้เรื่อง!
“กรี๊ด...พี่มานอนกอดหนูทำไมเนี่ย” ฉันร้องโวยวายแต่เช้า ลืมตาตื่นขึ้นมาก็อยู่ในอ้อมกอดพี่ผีซะแล้ว
‘ก็เห็นร้อนเลยนอนกอด’ เขาตอบยิ้มๆสีหน้าไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด
ฉันเม้มปากแน่นด้วยความโมโห เออ ฉันมันขี้ร้อนจริงแหละแล้วห้องนี้มันก็เป็นห้องพัดลมไง แล้วพี่ผีเขาก็ตัวเย็นเหมือนน้ำแข็ง ฉันผู้ที่นอนดิ้นอยู่แล้วก็เลยขยับเข้าไปหาไอเย็นโดยไม่รู้ตัว
“พี่ก็ไปนอนที่อื่นสิคะ หรือว่าหนูมานอนทับที่ของพี่ ถ้าเป็นแบบนั้นเดี๋ยวหนูนอนพื้นก็ได้” เขาติดแหง็กอยู่ในห้องนี้ แสดงว่าก็ต้องตายที่นี่น่ะแหละ...มั้ง?
‘เตียงก็ออกจะกว้าง เรานอนด้วยกันก็ได้’
“ได้ไงกัน หนูเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะคะ จะให้ผู้ชายที่ไม่ใช่สามีมากอดได้ไง” พอฉันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนั้น พี่ผีเขาก็หัวเราะเสียงดัง ทำเอาฉันงอนตุ๊บป่อง จะว่าฉันหัวโบราณก็ได้อ่ะ
‘หนูดาวยังไม่มีแฟนเหรอครับ’
“อยากเรียนให้จบก่อนค่ะ” แล้วทำไมฉันต้องมาคุยเรื่องนี้กับเขาด้วย “เอาเป็นว่าพี่ผีห้ามมากอดหนูอีกนะ” ฉันพูดจบก็ลงจากเตียงเพื่อจะเข้าห้องน้ำ แต่ก่อนจะเข้าก็หันไปมองผีที่นั่งอยู่ปลายเตียง “ห้ามแอบดูด้วย” ฉันเอ่ยเสียงดุก่อนจะเข้าไปทำธุระส่วนตัว
พอออกมาจากห้องน้ำ พี่ผีก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“ไม่คิดจะไปไหนบ้างเหรอคะ”
‘บอกแล้วไงว่าไปไหนไม่ได้’
เอาอีกแล้ว เขายิ้มเศร้าแบบนี้อีกแล้ว
“เป็นเพราะยันต์ตรงนั้นหรือเปล่าคะ”
‘อาจจะใช่เพราะพี่เข้าใกล้มันไม่ได้’ เขาเอ่ยพร้อมกับยักไหล่แบบปลงๆให้ด้วย
“ถ้าหนูเอายันต์ออกพี่ก็จะออกไปจากห้องนี้ได้ใช่ไหม”
‘…’
ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ฉันรู้สึกสงสารเขามาก ไม่รู้ว่าติดแหง็กอยู่นี่มานานแค่ไหนแล้ว ฉันเดินดุ่มๆไปที่ประตูริมระเบียงก่อนจะตกใจจนหัวใจกระตุกวูบ จู่ๆพี่ผีก็ว้าปมาอยู่ตรงหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว
“พี่อย่าว้าปมาแบบนี้ได้ไหม หนูตกใจหมด”
‘ขอโทษ แล้วหนูดาวจะทำอะไร’
“ก็จะดึงยันต์นี่ออกไงคะ เผื่อว่าพี่จะออกไปจากห้องนี้ได้” ว่าแล้วฉันก็ดึงยันต์นั่นออกทันที สายลมไร้ที่มาพัดเข้ามาในห้องวูบหนึ่งทำเอาฉันขนลุกซู่ “พี่ลองออกไปที่ระเบียงสิคะ ทำได้ไหม”
พี่ผียืนทำใจอยู่สักพักสุดท้ายเขาก็ลองก้าวเท้าเดินออกมานอกระเบียงและผลก็คือเขาออกมาได้!
‘ออกมาได้จริงๆด้วย’ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ถ้างั้นหนูจะเอาตรงหน้าประตูห้องออกไปด้วย” ว่าแล้วฉันก็เดินไปดึงยันต์หน้าห้องออกด้วย แล้วพี่ผีก็ว้าปมาหน้าประตูแล้วก้าวเท้าเดินออกจากห้องเพื่อตามฉันออกมา
‘ขอบใจหนูดาวมากนะ’ เขาดึงฉันไปกอดด้วยความดีใจ
ฉันกระแอมคอแก้เขินแล้วผลักเขาออก “ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ หนูจะออกไปกินข้าว พี่จะตามหนูไปด้วยไหม” แล้วฉันจะบ้าชวนเขาไปด้วยทำไมวะเนี่ย
‘อืม ไปสิ’ เขายิ้มกว้างตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
“เดี๋ยวหนูไปเอาตังค์กับมือถือก่อน”
ฉันเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับหน้าแดงก่ำ นอกจากพ่อกับพี่ขุนแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายคนอื่นกอด แต่ของฉันมันแอดวานซ์ไปหน่อยก็ตรงที่ถูกผีผู้ชายกอดนั่นแหละ ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายฉันจะเขินก็ไม่แปลกเปล่าวะ
โถงทางเดินอพาร์ทเม้นท์มันก็จะเงียบๆหน่อย อาจพูดได้ว่าชั้น 4 ที่ฉันอยู่นั้นไม่มีคนเลยต่างหาก สงสัยจะกลัวผีไอ้คนที่เดินตัวล่องลอยเป็นวิญญาณมาตามหลังฉันน่ะแหละ
‘ขอบคุณนะที่พาออกมาจากห้อง’
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่พี่อย่าชวนหนูคุยตอนอยู่ข้างนอกนะ เดี๋ยวเขาหาว่าหนูบ้า”
พี่ผีรับปากอย่างอารมณ์ดี พอเดินมาชั้นล่างแล้วผ่านห้องเจ๊แต๋วแกก็เอ่ยทัก “เมื่อคืนเป็นไงบ้าง นอนหลับสบายดีไหม”
“ก็ดีค่ะ”
เจ๊แต๋วยิ้มมีพิรุธแล้วถามต่อ “เจออะไรแปลกๆบ้างไหม”
“ก็ไม่มีนะคะ”
ฉันเอ่ยแค่นั้นแล้วก็ส่งยิ้มให้ พอเดินออกจากประตูหอได้สักพักฉันก็เริ่มบ่น
“ทีงี้ล่ะมาถามกัน ตอนแรกก็ไม่ยอมบอกนะว่าในห้องมีผี นี่ดีนะที่พี่ผีใจดี” พอพูดจบฉันก็หันไปมองคนที่คิดว่าเดินตามหลังมา “อ้าว ไปไหนของเขา” ฉันมองไปรอบๆก็ไม่เห็นเงาของเขาเลยเดินกลับไปที่ประตูทางเข้าหอเหมือนเดิม แล้วฉันก็พบว่าเขายังยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับทำหน้าเศร้า
‘พี่คงออกมาได้ไกลสุดแค่นี้ หนูดาวไปกินข้าวเถอะ’
“อ้าวเดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป...”
ยังไม่ทันพูดจบประโยค พี่ผีเขาก็หายตัวไปในพริบตา
เจ๊แต๋วเดินออกมาจากห้องของแกพอดี “หนูคุยกับใครน่ะ”
“คะ? อ่อ เปล่าค่ะ”
ฉันเดินเกาหัวออกไปด้วยความงุนงง ตรงหน้าประตูมันไม่เห็นจะมียันต์อะไรแปะไว้เลยนะ แล้วทำไมพี่ผีเขาถึงออกมาไม่ได้ล่ะ?
น่าสงสารอ่ะ เดี๋ยวซื้อข้าวไปฝากเขาหน่อยก็แล้วกัน