หลังจากกินโจ๊กหน้าปากซอยอิ่มแล้วฉันก็ซื้อกลับบ้านไปอีกหนึ่งถุงโดยที่ไม่ลืมแวะซื้อธูปกลับไปด้วย พอเปิดประตูห้องเข้ามา ฉันก็เห็นพี่ผีนั่งอยู่ปลายเตียง
“หนูกลับมาแล้วค่ะ ซื้อโจ๊กมาฝากพี่ด้วยนะ”
‘ขอบใจนะ’
เขาทำหน้าดีใจแล้วเดินเข้ามาใกล้ ฉันก็เลยจัดการเทโจ๊กใส่ชามพร้อมกับปักธูปหนึ่งดอก
“โจ๊กชามนี้ให้พี่ผีสุดหล่อตรงหน้าหนูเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาแย่งกินนะคะ” ฉันพนมมือไหว้เสร็จแล้วก็มองคนตรงหน้ากินโจ๊กเงียบๆ ถ้าหากว่าฉันมองไม่เห็นเขาคงจะพิลึกน่าดูเพราะว่าเห็นกับตาว่าเขากำลังนั่งกินโจ๊กอยู่แต่โจ๊กในถ้วยมันไม่พร่องเลยสักนิดเหมือนกับว่าเขากำลังกินโจ๊กทิพย์อะไรแบบนั้นแหละ
พี่ผีนั่งกินเงียบๆไม่พูดอะไรจนกระทั่งเขากินหมด
‘ขอบใจนะที่ดีกับพี่แถมซื้อข้าวมาให้กินด้วย’
“เรื่องเล็กน้อยค่ะ เห็นพี่กินแซ่บหนูก็ดีใจแล้ว”
พี่ผียิ้มเจื่อนๆแล้วเอ่ยเสียงเศร้า ‘ไม่เคยมีใครทำบุญให้พี่หรอก หนูเป็นคนแรก’
หัวใจฉันกระตุกวูบเพราะรู้สึกสงสาร ทำไมครอบครัวเขาถึงได้ใจร้ายแบบนี้นะ
“ต่อไปหนูจะทำบุญให้พี่เยอะๆเลย จะได้ไปเกิดเร็วๆ”
‘ขอบใจนะ’
ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสาร ฉันก็เลยพูดออกไปแบบไม่ทันคิด “เอางี้นะพี่ หนูจะช่วยสืบว่าพี่เป็นใครดีไหมคะ”
‘จริงเหรอครับ หนูจะช่วยพี่จริงๆเหรอ’
“จริงสิ หนูไม่โกหกหรอกพูดคำไหนคำนั้น ว่าแต่หนูควรจะไปเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ” ท้ายประโยคฉันพึมพำเหมือนพูดคนเดียว ก่อยจะตบเข่าดังฉาด “เจ๊แต๋วต้องรู้อะไรแน่ๆ ต้องไปถามเจ๊แกเราน่าจะรู้อะไรดีๆ”
‘พี่คงไม่รบกวนหนูมากเกินไปใช่ไหมครับ’
“โอ๊ย ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกค่ะ คนไทยเหมือนกันต้องช่วยกันสิคะ” ฉันเอ่ยอย่างใจปล้ำพลางทุบอกตัวเองไปด้วย
‘ถ้างั้นก็รบกวนด้วยนะครับ’ เขาเอ่ยพร้อมกับลูบผมฉันแผ่วเบาพร้อมกับส่งยิ้มให้ รอยยิ้มของเขาทำให้ใจฉันเต้นแรงอีกแล้ว มันเป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นแล้วก็ดูใจดีมาก ฉันชอบผู้ชายแบบนี้แหละแต่น่าเสียดายที่พี่เขาเป็นผี
“หนูยินดีช่วยพี่ค่ะ”
ฉันลุกขึ้นยืนแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรกับสัมผัสแสนอบอุ่นของเขา แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแก้มของฉันมันแดงระเรื่อนิดหน่อยเพราะเขิน
“พี่จะตามหนูไปด้วยไหม ถ้ายังอยู่ในตึกก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
‘อืม พี่จะไปด้วย’
ฉันเดินดุ่มๆนำหน้าเขาลงไปชั้นล่าง แม้อากาศจะร้อนแต่ก็รู้สึกได้ไอเย็นๆจากคนที่เดินตามหลังมา ที่จริงพี่เขาก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ เหมือนพกแอร์เคลื่อนที่แบบนั้นเลย
เจ๊แต๋วนั่งก้มเล่นมือถือในห้องเล็กๆของแก ฉันก็เลยเคาะหน้าต่างเล็กตรงเคาน์เตอร์แล้วเลื่อนหน้าต่างออกเพื่อยื่นหน้าไปเรียกเจ๊แต๋ว็็
“เจ๊แต๋วหนูขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
เจ๊แกเงยหน้าขึ้นแล้วถาม “มีอะไรหรือเปล่า”
“คือว่า...ห้องของหนูมีผีใช่ไหมคะ” ฉันถามแกไปตรงๆพลางเหลือบมองพี่ผีที่ยืนอยู่ข้างๆด้วย
สีหน้าเจ๊แต๋วดูไม่ได้ตกใจอะไรเลย แกยิ้มขำๆด้วยซ้ำ “จะย้ายออกเหรอ”
“เจ๊...มีผีจริงๆใช่ไหมคะ”
“เข้ามาคุยข้างในสิ”
แกเปิดประตูห้องให้ฉันเข้าไป ในห้องนั้นก็เป็นห้องคนดูแลตึกอ่ะ มีแฟ้มเอกสารตู้เก็บกุญแจนู่นนี่นั่น มีน้องแมวแล้วก็เตียงนอนของแก พอฉันเข้ามาในห้องปุ๊ปก็หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา
“เป็นไงคืนแรก เจอดีเลยเหรอ” เจ๊แต๋วหัวเราะแล้วเอ่ยต่อ “เจ๊บอกแล้วว่าให้ไปอยู่ที่อื่นก็ไม่เชื่อ แล้วนี่จะย้ายออกเหรอ บอกไว้เลยนะเจ๊ไม่คืนค่าห้องให้นะจ๊ะ”
เออ ฉันผิดเองแหละ! ไม่โทษเจ๊แกหรอก
“หนูไม่ได้จะย้ายออกค่ะแล้วก็ไม่กลัวด้วย แค่อยากรู้ว่ามีคนตายในห้องจริงๆเหรอ”
เจ๊แต๋วในชุดนอนบาติกตัวโคร่งสีบานเย็นทำท่าเหมือนไม่อยากพูดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แกกวักมือเรียกทำเป็นกระซิบ “ถ้าเจ๊พูดไปแล้วอย่าบอกใครล่ะ”
“ไม่บอกใครแน่นอน” ฉันเอ่ยพร้อมกับทำท่ารูดซิปปากไปด้วย
“คนในห้องก็เป็นนักศึกษามหาลัยเดียวกันกับหนูน่ะแหละ รู้สึกว่าจะเด็กสถาปัตย์นะ”
“จริงเหรอคะ ถ้างั้นเขาก็เป็นรุ่นพี่ของหนูน่ะสิ แล้วเขาตายยังไงคะ ตายนานหรือยัง” ฉันเอ่ยพลางมองพี่ผีที่นั่งข้างเจ๊แต๋วแบบเนียนๆ ใครจะไปคิดว่าเขาเป็นรุ่นพี่ที่มออ่ะ
เจ๊แต๋วกระซิบต่อ “ก็หัวใจวายตายในห้องน่ะสิ ตายได้ 5 ปีแล้วมั้ง น่าสงสารเนอะยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ”
มิน่าล่ะพี่ผีเขาถึงได้หน้าไม่เละ ที่แท้ก็หัวใจวายตายนี่เอง
“แล้วเขาไม่มีญาติที่ไหนเหรอเจ๊ ทำไมไม่ไปเกิด”
“เจ๊จะรู้ไหมเนี่ย เจ๊ก็เพิ่งจะมาคุมหอนี้ได้ไม่นานหรอก ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ต้องไปถามคนดูแลคนก่อน ว่าแต่ถามไปทำไม”
“ก็หนูถูกผีหลอกอ่ะเจ๊ ก็เลยอยากรู้” ใครจะไม่อยากรู้เรื่องรูมเมทตัวเองบ้างล่ะ
“แล้วเราไม่กลัวเลยหรือไง คนก่อนหน้านี้อยู่ได้ไม่ถึงคืนก็เผ่นแน่บแล้วนะ”
“บอกแล้วไงว่าหนูเป็นคนจิตแข็งไม่กลัวผี ก็เลยอยากรู้ว่าเขาเป็นใครก็เท่านั้นเอง อีกอย่าง...หนูคงต้องอยู่ห้องนี้ไปจนกว่าหอในจะซ่อมระบบท่อเสร็จนั่นแหละค่ะ”
“เก่งนะเนี่ย ไม่กลัวผี...”
เจ๊แต๋วกำลังจะพูดต่อแต่เจ้าแมวอ้วนสองตัวที่เพิ่งตื่นมันก็พากันส่งเสียงร้อง แถมยังนั่งจ้องพี่ผีที่นั่งอยู่ข้างๆเจ๊แกเสียงดังจนน่าแปลกใจ แสดงว่าเจ้าแมวก็มองเห็นพี่ผีด้วยสินะ
“เป็นอะไรลูกร้องทำไม” เจ๊แต๋วยิ้มเจื่อนแล้วอุ้มน้องแมวส้มขึ้นมาก่อนจะมองมาที่ฉันแล้วเอ่ย “เราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า หนูไม่กลัวแต่เ**กลัวนะ”
“โอเค ไม่พูดแล้วก็ได้ งั้นหนูขึ้นห้องก่อนนะคะ”
“แล้วอย่าไปเล่าให้ใครฟังล่ะ”
“จะได้มีเหยื่อมาเช่าต่อเหรอคะ”
“ยัยเด็กคนนี้นี่” เจ๊แกคาดโทษฉันด้วยสายตา
ฉันหัวเราะแล้วรีบออกมาจากห้องเจ๊แกก่อนจะเดินขึ้นห้องไป ถ้าอยู่นานกว่านี้คงได้โดนเจ๊แกกินหัวแน่ พอเข้ามาในห้องแล้วก็เห็นพี่ผีทำหน้าซึมอีกแล้ว แล้วทำไมฉันต้องเศร้าไปกับเขาด้วยเนี่ย
“พี่ผีไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวหนูจะช่วยให้พี่ไปเกิดให้ได้”
ฉันหมายความว่าแบบนั้นจริงๆนะ ในเมื่อพี่เขาเป็นรุ่นพี่ที่คณะ ถ้าไปถามรุ่นพี่คนอื่นบางทีอาจจะมีคนรู้จักพี่ผีบ้างก็ได้
‘ขอบใจหนูดาวมากนะ ถ้าไม่ได้รู้จักหนูดาวพี่อาจจะติดอยู่ที่นี่ไปตลอดก็ได้’
“บางทีมันอาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้ค่ะที่ทำให้เรามาเจอกัน” ฉันเอ่ยติดตลกเผื่อพี่ผีจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
‘วันหยุดแบบนี้หนูดาวไม่ไปไหนเหรอครับ’
ฉันยิ้มเจื่อนๆแล้วบอกไปตามความจริง “ก็จ่ายค่าหอใหม่นี่แหละ เลยไม่ค่อยมีเงิน”
‘แล้วไม่ขอที่บ้านเพิ่มล่ะ’
“ที่จริงพ่อกับแม่ก็ไม่ได้อยากให้หนูมาเรียนที่กรุงเทพหรอก ก็เลยไม่ค่อยอยากขอเงินเท่าไหร่”
พี่ผีขมวดคิ้วแล้วก็ถามต่อ ‘ทำไมล่ะ’
“เรียนมหาลัยแถวบ้านก็ดีเหมือนกัน เขากลัวหนูจะใจแตกด้วยแหละ”
‘ไม่หรอก พวกท่านคงจะเป็นห่วงหนูมากกว่า’ เขาเอ่ยพร้อมกับลูบหัวฉันอีกแล้ว
“เอ้อ ว่าแต่ทำไมหนูจับพี่ไม่ได้แต่พี่จับหนูได้ล่ะ” ฉันเป็นฝ่ายจับเขาก่อนไม่ได้ อย่างเช่นเมื่อเช้านี้ที่ตั้งใจจะถีบเขาแต่กลับถีบได้แต่อากาศ
เขาส่ายหน้าแล้วเอ่ย ‘พี่ก็ไม่รู้สิ’
ฉันยักไหล่แล้วเอ่ย “ช่างเถอะ ว่าแต่พี่เปลี่ยนเสื้อได้ไหมคะ หนูเห็นใส่ตัวนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
‘พี่ใส่แบบนี้ทุกวันครับ’
“งั้นถ้าหนูเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ พี่จะได้รับไหมอ่ะ”
‘พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันแต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ พี่ไม่เป็นไรหรอกเรื่องกับข้าวก็เหมือนกัน หนูเก็บเงินไว้ซื้อขนมกินดีกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก แค่เรื่องที่ช่วยวันนี้พี่ก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว’
“แต่หนูอยากช่วยนี่คะ”
‘แค่หนูคุยกับพี่แบบนี้ พี่ก็ดีใจแล้ว’
เอาอีกแล้ว...รอยยิ้มของพี่ผีทำฉันใจสั่นอีกแล้ว
ฉันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆที่เผลอใจเต้นกับผีที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในชีวิตจริง ก็จะทำไงได้อ่ะ พี่ผีเขาหล่อมากตรงสเปคสุดๆแถมยังอ่อนโยนจนสาวน้อยอย่างฉันเริ่มหวั่นไหวไปอีก ใจร่มๆนะนับดาว ฉันพยายามท่องไว้ในใจ มันก็แค่ความรู้สึกชั่ววูบเท่านั้น อันที่จริงฉันไม่เคยปิ๊งใครมาก่อนในชีวิตเลยนะ แต่กลับมารู้สึกเหมือนได้เจอรักแรกพบกับเขาเอาตอนนี้ โอ๊ย หัวจะปวด
ทำยังไงดี...