Ep.4: เพราะไม่ง่ายถึงท้าทาย

1828 Words
ภายในร้านอาหารเล็ก ๆ บรรยากาศอบอุ่นโต๊ะไม้ถูกจัดเรียงเรียบง่าย เสียงพูดคุยเบา ๆ ของลูกค้าผสมไปกับกลิ่นอาหารหอมกรุ่น อริลนั่งตรงข้ามทรายข้าง ๆ มีคิมนั่งอยู่ ทั้งสามคนกำลังนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันหลังเลิกงาน “เอ้า!! อร่อย ๆ ก็ได้กินแล้ว งั้นเรามาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า” คิมพูดเสียงสดใสก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม สีหน้าสบาย ๆ แต่สายตากลับเหลือบมองอริลอย่างเจาะจง “คุยเรื่องอะไรคะ??” อริลทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก้มหน้าตักข้าวเข้าปากทั้งที่แก้มแดงจาง ๆ “ก็เรื่องพี่เอ็นเจไง!!” ทรายรีบสวนทันทีเหมือนรอจังหวะ “ฉันเห็นนะว่าทุกทีที่พี่เขาเข้ามาคุยด้วย แกหน้าแดงเป็นมะเขือเทศเลย” “ไอ้ทรายย!!” อริลหันไปดุเพื่อนเสียงเบาแต่ยิ่งทำก็ยิ่งถูกจับโป๊ะเพราะเสียงหัวเราะคิกคักของคิมที่ดังมาให้ได้ยิน “น้องสาวเอ๊ย” คิมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าชอบก็จีบสิ จะมัวเก็บงำเอาไว้ทำไม” “จะ... จีบ พี่เอ็นเจนะเหรอคะ!?” อริลเกือบสำลักอาหาร เธอรีบวางช้อนลงแล้วมองคิมตาโต “เจ๊พูดง่ายไปแล้ว เขาไม่ใช่คนที่จะให้ใครจีบง่าย ๆ หรอกนะ” “ก็เพราะไม่ง่ายไง ถึงน่าท้าทาย หึหึ” คิมหัวเราะเบา ๆ พลางใช้ช้อนตักกับข้าวใส่จานให้เธอเหมือนพี่สาวแสนดี “เชื่อเจ๊สิ คนอย่างพี่เอ็นเจ ถ้าเขายอมเปิดใจมองใครขึ้นมาสักคน… คนนั้นต้องสำคัญมากจริง ๆ” “ใช่ ๆ แล้วฉันก็รู้สึกนะ ว่าสายตาที่พี่เขาใช้มองแกไม่ธรรมดา” ทรายรีบพยักหน้าเสริม “แต่ริลกลัว…” อริลหน้าแดงขึ้นอีก เธอก้มหน้าหลบตาพร้อมเสียงแผ่วแทบฟังไม่ออก คิมยกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ ก่อนจะวางลงแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า น้ำเสียงนุ่มทว่าหนักแน่น “กลัวก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าไม่ลองก้าวไปสักก้าว ริลจะไม่มีวันรู้เลยว่ามันจะเป็นยังไง” คำพูดนั้นทำเอาอริลชะงักไปครู่หนึ่ง หัวใจสั่นระรัวโดยไม่รู้ตัว ความลังเลและความหวังตีกันอยู่ในดวงตาเธอ “แต่… ริลไม่รู้จะเริ่มยังไง กลัวพี่เขาจะไม่สนใจแล้วหน้าแตกกลับมา” อริลพูดเสียงเบา มือกำช้อนแน่นจนข้อขาว เพราะแค่คิดภาพตัวเองเดินไปคุยกับเอ็นเจแล้วโดนอีกฝ่ายปฏิเสธกลับมาก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง คิมกับทรายสบตากัน ก่อนที่คิมจะหัวเราะเบา ๆ แล้วเอื้อมมือไปแตะแขนของน้องสาว “เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว…” “ง่ายตรงไหนคะ เจ๊!!” อริลรีบเถียง แก้มแดงจัดเหมือนเด็กถูกจับโป๊ะ “เริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ก่อนก็ได้ อย่างเวลาเจอกันก็ทักทายให้บ่อยขึ้น พูดคุยเรื่องงานบ้าง ขอบคุณเขาเวลาช่วยเหลือ แค่นี้ก็ทำให้เขารับรู้ได้แล้วว่าแกใส่ใจ” คิมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แฝงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใช่! แล้วถ้าอยากเนียน ๆ ก็ฝากซื้อกาแฟบ้างสิ หรือเอาขนมไปให้ แบบไม่ต้องบอกตรง ๆ ว่าให้พี่เขาหรอก ก็บอกว่าเผื่อแผ่… แต่ใจจริงคือให้เขาโดยเฉพาะ” ทรายรีบเสริมทันทีเหมือนกองเชียร์ “โอ๊ยยย พวกเจ๊นี่…” อริลยกมือขึ้นกุมหน้า รู้สึกว่าถูกบังคับให้สารภาพความรู้สึกออกมาตรง ๆ โดยไม่ตั้งใจ คิมหัวเราะเบา ๆ แล้วเอียงหน้ามองน้องสาวอย่างเอ็นดู “ริลไม่ได้สังเกตจริง ๆ เหรอ ว่าพี่เอ็นเจน่ะ มองแกแตกต่างจากคนอื่น” คำพูดของทรายทำให้อริลชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ภาพดวงตาคมคู่นั้นที่เคยสบกันย้อนเข้ามาในหัวจนเธอหลบตาแทบไม่ทัน “เอาเลยริล!! ก้าวแรกเริ่มที่ตัวเอง แล้วพวกเราจะเป็นทีมซัพพอร์ตเอง” ทรายยกแก้วน้ำขึ้นชนกับแก้วของคิมพลางยิ้มกว้าง อริลได้แต่ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มบาง ๆ ที่เผลอหลุดออกมา ความกลัวกับความหวังยังตีกันในใจ แต่ในแววตานั้น…เริ่มมีประกายเล็ก ๆ ของความกล้าที่จะลองก้าวออกไป เช้าวันถัดมาบรรยากาศในบริษัทคึกคักตั้งแต่โถงด้านล่าง พนักงานเดินสวนกันขวักไขว่ อริลยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำหญิงพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งเพื่อเรียกกำลังใจ มือเล็กกำแฟ้มเอกสารแน่นเหมือนหาที่พึ่ง “โอ๊ย… จะทำยังไงดีเนี่ย ไอ้ริลเอ๊ย ใจเต้นแรงเหมือนจะเป็นลมแล้ว” ในถุงผ้าสีอ่อนที่เธอหอบติดมาด้วย มีแก้วกาแฟเย็นสองแก้วและครัวซองต์สดใหม่จากร้านดังที่เธอตั้งใจตื่นแต่เช้าไปซื้อมาตามที่ทรายแนะนำ ‘ซื้อของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขา’ เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำเธอตั้งใจตรงไปยังชั้นที่เอ็นเจทำงาน มือเหงื่อซึมไปหมดเพราะความกดดัน ทันทีที่ยืนหน้าห้องทำงานใหญ่ ประตูกระจกบานสูงก็ดูเหมือนจะกดทับความกล้าในใจเธอ “เอาไงดีวะ จะเคาะไหม…” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่ยังไม่ทันตัดสินใจ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกช้า ๆ และใช่เป็นเอ็นเจที่ก้าวออกมาพอดี ร่างสูงในสูทเข้มยืนเต็มสายตาใบหน้าคมสงบเรียบแต่แค่ปรายตามองมาก็ทำให้หัวใจอริลแทบหยุดเต้น “อริล??” น้ำเสียงทุ้มเรียบเอ่ยถามแววตาเหมือนแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเธออยู่ตรงนี้ “เอ่อ… คะ… ค่ะ!!” อริลสะดุ้ง รีบยื่นถุงผ้าในมือออกไปแทบจะทันที “คือ… คือริลผ่านร้านกาแฟมา ก็เลย… เอ่อ ซื้อมาเผื่อพี่เอ็นเจค่ะ” เธอพูดตะกุกตะกักจนแทบไม่เป็นประโยค แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อเต็มที่ เอ็นเจมองถุงในมือเธอสักครู่ ก่อนสายตาคมนั้นจะคลายลงเล็กน้อย ริมฝีปากได้รูปโค้งขึ้นนิด ๆ “ขอบคุณนะ” เขารับถุงไปด้วยท่าทีเรียบง่าย เพียงแค่นั้นก็ทำเอาอริลใจสั่นระรัวจนแทบเป็นลม ณ ตรงนั้น “ยินดีค่ะ!!” เธอเผลอพูดเสียงสูงเกินไป รีบก้มหน้างุดเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าลอกการบ้าน เอ็นเจเหลือบมองใบหน้าที่แดงก่ำของเธอครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม “ถ้าว่าง มาดื่มด้วยกันสิ” อริลเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจปนดีใจ จังหวะหัวใจแทบหลุดจากอก กะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า “หะ… หือ?? ดะ… ดื่มกาแฟกับพี่เหรอคะ??” เสียงเธอสั่นจนแทบกลืนหายไป เอ็นเจพยักหน้าน้อย ๆ พลางยกถุงผ้าที่เธอยื่นให้ขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้ว จะให้พี่กินคนเดียวมันก็ดูไม่แฟร์” หัวใจอริลเต้นแรงเหมือนกลองรัว เธอแทบอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ แต่ต้องฝืนยิ้มเก้ ๆ กัง ๆ แทน “ค…ค่ะ!! ได้ค่ะ” “งั้นเราเข้าไปข้างในห้องกันเถอะ” เอ็นเจพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นก่อนจะขยับก้าวออกจากประตู อริลยืนตัวแข็งแทบก้าวขาไม่ออกมือบางกำแฟ้มแน่นจนเกือบยับ ความตื่นเต้นผสมกับความดีใจแล่นพล่านไปทั่วร่าง เธอแอบบ่นพึมพำในใจ โอ๊ย… ไอ้ริลเอ๊ย!! ทำใจดี ๆ หน่อยอย่าพลาดนะเว้ย! เมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานของเอ็นเจ บรรยากาศกลับเงียบสงบต่างจากด้านนอกที่เต็มไปด้วยความคึกคัก โซฟาหรูถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย เอ็นเจวางถุงผ้าลงแล้วหยิบแก้วกาแฟออกมา เขาเลือกแก้วหนึ่งส่งให้เธอโดยตรง “นี่ของอริลใช่ไหม??” “อะ… อ๋อ!! ใช่ค่ะ ๆ ขอบคุณค่ะ” เธอรับมาอย่างลนลานจนแทบทำแก้วหล่น โชคดีที่จับทัน เอ็นเจมองเธอนิ่ง ๆ ริมฝีปากคล้ายจะยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนกลั้นหัวเราะ ก่อนจะหยิบครัวซองต์ออกมาจากถุงผ้าอย่างใจเย็น วางลงบนจานรองที่อยู่บนโต๊ะกระจกตรงหน้า “เยอะขนาดนี้นี้แบ่งกันกินดีกว่า ถ้าพี่กินหมดมีหวังได้อ้วนเป็นแน่” อริลรีบพยักหน้าหงึก ๆ แก้มแดงระเรื่อ “ค่ะ” “งั้นก็ดี พี่จะได้ไม่มีเพื่อนอ้วน” เอ็นเจเลิกคิ้วมุมปากโค้งขึ้นเหมือนพอใจในคำตอบนั้น อริลหัวเราะแหะ ๆ พลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อยเพราะไม่รู้จะทำอะไรกับมือที่สั่น โอ๊ย… ทำไมพูดอะไรไม่ออกเลยเนี่ย ไอ้ริลเอ๊ย! เอ็นเจนั่งเอนพิงโซฟา สายตาคมยังคงมองเธอเรื่อย ๆ ทำให้อริลยิ่งรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลาจนหัวใจเต้นรัว เธอพยายามหาเรื่องพูดขึ้นมาเองเพื่อแก้ไขสถานการณ์อึดอัดของตัวเอง “เอ่อ… พี่เอ็นเจทำงานหนักทุกวันเลยไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ” “เหนื่อยสิ” เขาตอบเรียบ ๆ ก่อนหันมามองเธอเต็มตา “แต่พอได้กินกาแฟของริลก็ช่วยได้เยอะเลย” “คะ… คะ??” อริลแทบสำลักกาแฟ รีบก้มหน้าหลบตาแต่ใบหูแดงแจ๋ไปแล้ว เอ็นเจหัวเราะด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหยิบครัวซองต์แบ่งครึ่งแล้วยื่นให้เธอ “กินสิ” อริลเงยหน้าขึ้นรับครัวซองต์มาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาหยีไม่ต่างจากคนตรงหน้าที่ยิ้มกว้าง ดวงตาคมเป็นประกายอ่อนโยนจนทำให้หัวใจเธอแทบละลาย อริลกัดครัวซองต์ชิ้นเล็กในมือ พลางพยายามเก็บเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนเหมือนจะดังไปทั้งห้อง ขณะที่เอ็นเจยังคงมองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่แฝงรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนกำลังมองอะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากละสายตา “มีเลอะตรงนี้นิดหน่อย” เขาเอ่ยเสียงเรียบ พลางเอื้อมมือเช็ดเศษขนมเล็ก ๆ ที่ติดขอบปากเธอออกอย่างไม่รีบร้อน สัมผัสเพียงเสี้ยววินาทีนั้นกลับทำให้ร่างเล็กแทบชาไปทั้งตัว ดวงตากลมเบิกกว้าง ก่อนรีบก้มหน้างุดจนแทบซ่อนตัวไม่ทัน “ขะ… ขอบคุณค่ะ” เอ็นเจหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เสียงนั้นทุ้มอบอุ่นแต่ออกไปทางหยอกล้ออย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน มือใหญ่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างสงบนิ่ง แต่แววตาคมยังจับจ้องอยู่ที่เธอไม่วางตา ในขณะที่อริลใจเต้นแรงจนแทบจะเป็นลม เธอก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า… โอ๊ย!! ไอ้ริลเอ๊ย แค่กาแฟกับครัวซองต์นี่มันทำให้เหมือนฝันไปเลยนะเว้ย!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD