สภาพศพผู้ใหญ่บุญคำดูเหมือนจะตายมาได้สองสามวันแล้ว ทั้งมดและแมลงรุมไต่ตอมกัดกิน ร่างขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นจนนายตำรวจต้องยกแขนขึ้นมาปิดปากปิดจมูกในคราวแรก ซึ่งกลิ่นนี้เองที่ทำให้มีคนมาพบศพ คนที่พบเป็นชายชาวบ้านแถวนั้นซึ่งเดินออกนอกเส้นทางมาเพื่อหาที่ถ่ายทุกข์
เขาเล่าว่าภาพที่เห็นน่ากลัวมาก ศพขึ้นอืดสีเขียวช้ำๆ นอนตาเหลือกจ้องมาที่เขา ทำเอาขี้หดตดหายเป็นปลิดทิ้ง สารวัตรกันตภณสำรวจสภาพศพด้วยความสนใจ ศพนี้นอกจากจะนอนตาเหลือกถลนแล้ว ยังยกมือขวากุมหัวใจที่อกซ้ายเหมือนสองศพแรก กระเป๋าเงินมีเงิน และเครื่องประดับมีค่าก็ยังอยู่
นายตำรวจคิดว่าน่าแปลกที่สภาพศพค่อนข้างเหมือนกันกับสองศพแรกที่ได้รับแจ้ง หรือเพราะตายด้วยสาเหตุเดียวกัน คือหัวใจล้มเหลว มีอาการเจ็บหน้าอก ทุกรายจึงตายในท่าเดียวกัน คือยกมือขึ้นเกาะกุมบริเวณตำแหน่งของหัวใจ ใบหน้าบิดเบี้ยว ตาเหลือกถลนด้วยความเจ็บปวด
“ผู้ใหญ่แกเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วค่ะ เดือนที่แล้วแกไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน ดื่มหนักมาก เตือนก็ไม่ฟัง พอกลับมาบ้านก็บ่นว่าตื้อๆ ฉันก็ถามว่าไปให้หมอเขาดูหน่อยไหม แกก็ผัดไปเรื่อย บอกไม่เป็นไรหรอก แต่ก็ยังดื่มก่อนอาหาร แกดื้อมากค่ะ”
เสียงแหบปร่าของผู้หญิงฟังแปลกหูสำหรับสารวัตรกันตภณ เขาคิดว่ามันเซ็กซี่ดี เข้ากับใบหน้าและรูปร่างของคุณเอื้อยใจ ภรรยาคนล่าสุดวัยสามสิบต้นๆ ของผู้ใหญ่บุญคำ ตอนที่เขาไปถึง เธออยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว และขณะทำการสอบปากคำนี้เขาก็กำลังนั่งอยู่ในรถของเธอ
“ทำไมแกถึงมาที่กระท่อมปลายนานี่ครับ ผมว่าที่นี่มันค่อนข้างเปลี่ยว” เขาตั้งคำถาม
“ฉันก็ไม่รู้ค่ะ ฉันอยู่กรุงเทพฯ เกือบทั้งอาทิตย์ เพิ่งบินกลับมาเมื่อเช้านี่เอง พอสายๆ ก็มีคนมาบอกว่าพบผู้ใหญ่เสียชีวิตแล้ว”
“คุณไปทำอะไรที่กรุงเทพฯ ครับ”
“ฉันมีร้านขายผ้าไหมค่ะ ก็ไปเรื่องงาน”
“ปกติผู้ใหญ่ชอบมาที่กระท่อมหลังนี้บ่อยไหมครับ”
“แกก็ไปทั่วละค่ะ” เธอถอนหายใจ “สารวัตรคะ บอกตามตรงว่าวิถีชีวิตของฉันกับผู้ใหญ่น่ะ มันไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่ เราจะเจอกันก็ตอนหลังพระอาทิตย์ตก ค่ำมืดแล้วนั่นละ คุณคงเข้าใจนะ” เธอทำตาแบบว่าหน้าที่ของเธอต่อผู้ใหญ่ก็จะมีแค่เรื่องอย่างว่าเท่านั้น
“ส่วนกลางวันแกจะไปไหน ไปกับใคร ฉันไม่ค่อยรู้หรอก เราต่างคนต่างไป แกก็มีสังคมมีความสุขของแก ฉันก็มีธุรกิจรัดตัวอยู่”
“คุณบอกว่าแกเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว คงมีประวัติที่โรงพยาบาล”
“มีค่ะ ที่บ้านนี่ก็มีใบเสร็จ มียาที่กินประจำ ถ้าสารวัตรต้องการดูฉันจะหยิบมาให้”
“ดูคุณไม่ค่อยเศร้านะครับ” เขาเสียมารยาท เขารู้ แต่ต้องการจะดูปฏิกิริยา
“สารวัตร เอากันตรงๆ นะ ฉันแต่งงานกับคนแก่คราวลุงคราวพ่อ แถมยังมีประวัติเป็นโรคหัวใจ ฉันรู้สิคะว่าแกคงไม่อยู่กับฉันนาน ผู้ใหญ่เองก็รู้ว่าฉันแต่งกับแกเพราะอะไร แต่แกไม่สนใจ ตราบใดที่ฉันยังทำหน้าที่เมียได้ไม่ขาดตกบกพร่อง และฉันจะบอกสารวัตรว่า แกบอกฉันว่าทำพินัยกรรมไว้แล้ว ยกทุกอย่างให้ฉันหมด เอกสารอยู่ที่ทนายของแกค่ะ ถ้าสารวัตรคิดว่าฉันฆ่าเอามรดก ก็หาหลักฐานมาเล่นฉันได้เลย” เสียงแหบเสน่ห์พูดยาวติดต่อกันอย่างเปิดเผย
“ผมคงต้องขอนำศพผู้ใหญ่ไปชันสูตรนะครับ”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมครับ”
“ผู้ใหญ่แกไม่อยากให้ผ่าศพ แกเคยสั่งฉันไว้นานแล้ว กำชับนักกำชับหนา นี่เป็นสิ่งที่ฉันจะทำให้ได้ในตอนนี้ คือทำตามความต้องการของแก”
“แกมีเหตุผลอะไรครับ”
“ผู้ใหญ่เป็นผู้ชายที่พิถีพิถัน รักสวยรักงาม แกไม่ยอมให้ร่างกายถูกผ่าถูกหั่นเด็ดขาดแม้จะหมดลมหายใจไปแล้วก็เถอะ แกบอกว่ารับไม่ได้ค่ะ” สาวใหญ่พูดช้าและชัด สีหน้าจริงจัง
นายตำรวจอึ้งไปกับเหตุผลที่ได้ยิน แต่ถ้าญาติไม่ยินยอมหรือเป็นความจำนงของผู้ตายเขาจะทำอะไรได้ อีกอย่าง หมออธิปก็ได้มาตรวจดูศพไปแล้วในเบื้องต้น ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร และหมอก็บอกว่าน่าจะเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลว
“ถ้าอย่างนั้นขอใช้วิธีพลิกศพ คือตรวจภายนอก ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะนะครับ คงไม่ขัดกับความจำนงของผู้ตาย เพราะไม่ได้ผ่า”
ภรรยาสุดเซ็กซี่ของผู้ใหญ่บุญคำนิ่งอึ้งไป
“หรือคุณเอื้อยใจมีอะไรขัดข้องครับ” เขาจ้องตาเธอ
“เอ่อ... ไม่มีอะไรค่ะ คงใช้เวลาไม่นานใช่ไหม”
“ครับ หมออธิปบอกว่าจะเร่งตรวจให้ไม่เกินสองวันก็คืนร่างมาให้ญาติประกอบพิธีได้... ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ” นายตำรวจเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะพูดประโยคหลัง เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าคุณเอื้อยใจกะพริบตาถี่ๆ สองครั้ง
“งั้น ก็ตามที่สารวัตรว่าค่ะ”
เธอต้องกำลังคิด หรือลังเลอะไรอยู่แน่ แต่อะไรและทำไมล่ะ วันนี้เขามีข้อมูลไม่พอที่จะจับประเด็นสอบปากคำ บางทีเขาควรจะกลับมาใหม่เมื่อมีอะไรมากกว่านี้ นายตำรวจเอ่ยลาและสั่งการให้จ่าตำรวจจัดการเรื่องเคลื่อนย้ายศพไปยังโรงพยาบาล ในขณะที่เขาโทรศัพท์บอกกับหมออธิปที่ล่วงหน้าไปก่อนให้รับช่วงต่อ
ในรถตำรวจที่หมวดจั๊กขับมาส่งเขาและศรัณย์กลับที่พัก ขณะที่กำลังคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อยู่อย่างเงียบๆ หมวดจั๊กก็พูดสิ่งที่ตัวเองคิดโพล่งขึ้นมา
“ผู้ใหญ่บุญคำตาย หมอผีกับหัวหน้าเผ่าก็ตาย ที่ สภ.อ. สารวัตรกันต์ก็จะลาออกอีกคน ไม่มีผู้นำก็ระส่ำระสายกันไปหมด เหมือนอย่างที่ยายเซิงแกว่าจริงๆ นะครับ”
“ใครบอกหมวดว่าผมจะลาออก” เขาถาม สายตามองกระจกส่องหลังตรงที่บังแดด นักข่าวเพื่อนซี้ที่นั่งเบาะหลังกำลังสบตากับเขา มันยักไหล่และอมยิ้ม
“แหม ใครๆ เขาก็พูดกันครับ ว่าแต่สารวัตรจะลาออกจริงๆ เหรอ ผมงี้ใจหายเลย” หมวดจั๊กทำตาปริบๆ
“ไม่ต้องร้อง ไอ้นี่จะดราม่าลูกเดียวเลย” เขาหันไปมองลูกน้อง “ผมมันพวกหัวแข็ง อยู่ในระบบไม่ได้ก็ออกไปทำอย่างอื่นเสียดีกว่า จะได้ไม่ขัดหูขัดตา” เขาพูดเพียงเท่านี้
ไม่มีใครพูดอะไรอีกจนกระทั่งถึงเฮือนธาร โฮมสเตย์