บทที่ 4 ผลพลิกศพ

1481 Words
“เออๆ...” ศรัณย์ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่โทรศัพท์มือถือ “เอาเป็นว่ามึงเตรียมไว้ให้พร้อมปล่อยเลย กูรอผลพลิกศพอยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ย รู้แล้วจะรีบบอกไป เออ... กู้รู้ว่ามึงรีบ ข่าวสามศพนี่ก็งานกู กูก็รีบ อยากปล่อยไวๆ เหมือนกัน แค่นี้นะ” เขากดวางสายแล้วระบายลมหายใจออกมายาวเหยียด พิงหลังยืดขาออกไปในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน แม้ว่าเก้าอี้พลาสติกบางๆ ของโรงพยาบาลจะไม่น่าสบายเอาเลยก็เถอะ ชายหนุ่มนั่งรอสารวัตรกันตภณอยู่ตรงหน้าช่องจ่ายเงิน-รับยา เพราะมีเก้าอี้ให้นั่งรอ เพื่อนตำรวจของเขากำลังไปดูหมออธิปว่าพร้อมจะให้ผลพลิกศพหรือยัง ตัวเขาเองเขียนข่าวเตรียมเอาไว้แล้วสองแบบ แบบไม่มีอะไรในกอไผ่ คนแก่หัวใจวายตายทีเดียวสามศพ กับแบบข่าวใหญ่ขายระเบิดเถิดเทิงที่ต้องขุดกันต่อ ก็รอผลพลิกศพเรื่องนี้เรื่องเดียวละ “นายประสงค์ ... รับยาช่องสามค่ะ” เสียงเรียกชื่อและนามสกุลดังมาจากเจ้าหน้าที่หญิงด้านหลังเคาน์เตอร์จ่ายยา ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังแถวเก้าอี้ เดินไปรับยา หืม? เมื่อกี้เขาเรียกประสงค์ นามสกุลอะไรวะ ฟังเหมือนนามสกุลญาติกูเลย หรือจะมีคนชื่อซ้ำ นามสกุลซ้ำ หูหาเรื่องละกู สงสัยจะเพราะฟังเสียงน้ำไหลที่เฮือนธารทั้งวันทั้งคืน ก็ไอ้สงค์มันตายไปตั้งแต่ปีที่แล้วนี่หว่า ถ้ามารับยาอีก กูวิ่งแน่ นักข่าวคิดขำๆ ตอนนั้นเองที่สารวัตรกันตภณโผล่มาเรียกเขาจากทางเดินที่ตรงไปยังห้องชันสูตรพลิกศพ “ไอ้รัณย์ ทางนี้” “เสร็จแล้วเหรอ กูจะหลับอยู่รอมร่อ” เขาลุกขึ้นรีบเดินตามเพื่อนไปตามทางเดินแคบๆ มืดๆ “รู้ผลทั้งสามศพแล้วเหรอวะ” รีบเดินยังไงก็ไม่ทันไอ้คนขายาวข้างหน้าเสียที ต้องวิ่งเหยาะๆ ตามมาถึงได้ทันมัน “เออ หมอเขาว่างั้น แต่รายงานยังไม่เสร็จ” “เอ๋า” ศรัณย์เกาหัวแกรก “เขาจะรายงานปากเปล่าให้ฟังก่อน เอกสารจะตามมาเย็นนี้” ที่สุดทางเดิน เขาเห็นหมออธิปยืนรออยู่ตรงประตูทางเข้าห้องชันสูตร อึดใจต่อมาศรัณย์เห็น ผอ.สกล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเดินออกมาจากห้องห้องหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับห้องชันสูตร เขาเป็นชายวัยกลางคนที่หุ่นยังสมาร์ต ไม่มีหน้าท้อง และผมดกหนาหวีเรียบ เขาสวมเสื้อกาวน์ทับเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงกลีบโง้งสีน้ำตาลไหม้ บุคลิกแบบผู้หลักผู้ใหญ่ที่เวลาใครเดินผ่านต้องค้อมศีรษะให้เล็กน้อยนั่นละ ผอ.สกลเดินไปหาหมออธิป พูดอะไรด้วยสองสามคำ หมอหนุ่มพยักหน้าแล้วหันมาทางพวกเขา “รอผมอยู่ตรงนี้สักครู่ครับ” หมออธิปบอกกับสารวัตรกันตภณ แล้วเดินเข้าไปในห้องชันสูตรกับผอ.สกล ทิ้งพวกเขายืนรออยู่ตรงนั้น ถึงแม้หมออธิปบอกสักครู่ แต่ในความรู้สึกของสารวัตรกันตภณนั้นมันนานจนน่าเบื่อ เขาอยากรู้ผลพลิกศพเร็วๆ ไอ้รัณย์ยิ่งแล้วใหญ่ มันเดินไปเดินมาเป็นชะมดติดจั่น “เขาคุยอะไรกันว้า เสียเวลาฉิบ...” นักข่าวบ่นเป็นหมีกินผึ้ง นายตำรวจเดินเข้าไปใกล้ประตูห้องชันสูตร เผื่อจะได้ยินอะไรบ้าง เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกหมอคุยอะไรกันนักหนา พอดีประตูเปิดออก หมออธิปยืนอยู่ตรงนั้น “เชิญครับ” หมอหนุ่มถอยหลังก้าวหนึ่ง หลีกทางให้เขาและศรัณย์เดินเข้าไปในห้องชันสูตรพลิกศพ ที่มีร่างคลุมผ้าสามเตียงตั้งอยู่กลางห้อง สารวัตรกันตภณคิดว่าหมออธิปจะรอให้ ผอ.สกลออกไปจากห้องก่อนจึงเริ่มพูด แต่ ผอ.กลับยืนอยู่ในห้อง ไม่ยักออกไป หรือพวกเขายังต้องคุยกันเรื่องอื่นต่อหลังจากนี้ “ผมขอแนะนำ สารวัตรครับ นี่คือ ผอ.สกล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ผอ.ครับ สารวัตรกันตภณกับคุณศรัณย์ นักข่าวครับ” หมอหนุ่มผ่านการแนะนำไปอย่างรวดเร็วแล้วเข้าเรื่องเลย “ขออนุญาตสรุปเลยก็แล้วกันนะ พอดีผมมีเรื่องเร่งด่วนเข้ามา” หมอหนุ่มเหลือบมองไปทางเจ้านายของเขาครู่หนึ่ง “รายละเอียดทั้งหมดจะอยู่ในรายงานที่ผมจะส่งตามไปให้ที่สถานีตำรวจไม่เกินเย็นวันนี้” “ได้เลยครับ” นายตำรวจพยักหน้า ก็ไม่เห็นจะมีทางเลือกอื่น “ผมตรวจพลิกศพทั้งสามเคสแล้ว เป็นไปตามข้อสันนิษฐานเบื้องต้น สาเหตุของการเสียชีวิตคือหัวใจล้มเหลว ตรวจพลิกศพภายนอก ไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้ายด้วยอาวุธใด ผลเลือดและปัสสาวะปกติ” “เคสของผู้ใหญ่ พอเข้าใจได้นะครับว่าหัวใจล้มเหลวเพราะแกมีประวัติเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ แต่รายหัวหน้าเผ่ากับหมอผี ผมแปลกใจอยู่อย่าง คนเราจะหัวใจวายตายพร้อมๆ กันเลยหรือครับ” เขาซักถามเรื่องที่ข้องใจมาตลอด “ก็เป็นไปได้ครับ ถ้าเกิดว่าพวกเขาพบเห็นอะไรที่ทำให้ตกใจมากๆ” คนที่ตอบกลับมาคือ ผอ.สกล “ผอ.หมายถึง ผี หรือครับ” ศรัณย์เลิกคิ้วขึ้นสูง “นางเซิงบอกว่ามีคนทำผิดผี ผีเจ้าเลยมาเอาชีวิตเขาทั้งสองคน” ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะมองเห็นพาดหัวข่าวตัวโตอยู่ในหัว “ไม่ผีก็คนละ” สารวัตรกันตภณไม่เชื่อเรื่องนี้ ผอ.สกลอมยิ้ม “อันนั้นคงเป็นหน้าที่ของพวกคุณที่ต้องหาคำตอบ แต่พวกเราขอสรุปสาเหตุการตายว่าหัวใจล้มเหลวครับ” “ออ...” นายตำรวจรู้สึกว่าการมาฟังผลครั้งนี้รวดเร็วจัง เขาหวังว่ารายงานที่ได้รับจะละเอียดลออกว่านี้ อย่างว่าละ พวกหมอมีธุระจะต้องทำต่อ “งั้น ผมไม่รบกวนละครับ” เขายกมือไหว้ ผอ. เพราะไม่ได้แต่งเครื่องแบบ แล้วหันไปเอ่ยขอบคุณหมออธิป อย่างน้อยสามเคสนี้ก็ได้ผลพลิกศพเร็วกว่าทุกครั้งที่ต้องรอจนบางทีศพก็ใกล้เน่า พวกเขาออกมาขึ้นรถบิ๊กไบค์ มันคือพาหนะคู่ใจ เขาชอบความคล่องตัวของมัน “ผอ.นี่ใส่ใจงานดีนะ ลงมาลุยเองเลย” นายตำรวจเปรยตอนขึ้นคร่อมอานหนังสีดำมันปลาบ “ก็ศพเพื่อนเขานี่นา” ศรัณย์ขึ้นคร่อมซ้อนท้าย “หืม?” “ผู้ใหญ่บุญคำกับ ผอ.สกลน่ะเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน สมัยเด็กๆ เรียนมาด้วยกัน แก่ๆ แล้วก็ไปกินเหล้ากันตลอดๆ มึงไม่รู้เหรอ” “กูจะไปรู้ได้ไงวะ ไม่ได้ซอกแซกเหมือนมึงนี่” “วันนี้มีอะไรต่อไหม” ศรัณย์ถามขณะที่มือยังกดปุ่มโทรศัพท์รัวเร็ว เขาใช้มันคล่องอย่างกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว “ไม่มีอะไรแล้ว กูว่าหมอคงส่งรายงานเช้านั่นละ มันเป็นแบบนี้ตลอด บอกเย็นนี้มาพรุ่งนี้เช้า” เขาคว้ากุญแจเสียบช่องแล้วสตาร์ตรถ “ไปหาอะไรดื่มกัน” ศรัณย์ตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ มือยังกดโทรศัพท์เป็นระวิง คงจะส่งข่าวไปทางหนังสือพิมพ์เพื่อปิดต้นฉบับ “ที่ไหน” เขาหันไปถาม “เฮือนธาร” นักข่าวตอบ “ปัดโธ่ นึกว่าจะหาที่ใหม่ๆ บ้าง มึงไม่เบื่อเหรอวะ วันๆ นอนฟังเสียงน้ำทั้งวันๆ จนหูจะดับแล้วเนี่ย” “กูชอบบบบ....” นายตำรวจออกรถ คนด้านหลังเหมือนโดนกระชากจนตัวเอนแทบจะตกจากรถ เพราะสองมือมัวแต่ง่วนอยู่กับการกดแป้นพิมพ์ในโทรศัพท์ “ฮ่าๆ กูรู้สึกว่าตั้งแต่คุณพยาบาลสาวจากกรุงเทพฯ ย้ายจากโรงแรมในเมืองมาพักที่เฮือนธารนี่ มึงดูจะชอบสิงสู่อยู่ที่โฮมสเตย์ ไม่ออกไปเมาหัวราน้ำที่ไหนนะ” “ก็แล้วเมื่อไหร่มึงถึงจะกลับไปนอนแห้งอยู่ที่บ้านพักตำรวจล่ะวะ กูว่าเอาจริงๆ มึงนั่นละอยากย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่เฮือนธารเสียเลย ใช่ไหมวะ” เขาละเกลียดคนรู้ทันเสียจริง อาจเป็นเพราะบรรยากาศที่เฮือนธารชวนให้พักกายใจ เจ้าของบ้านก็หน้าตาดี ถึงแม้ว่าดูเธอจะเฮี้ยวๆ อยู่สักหน่อย แต่ก็น่าเอ็นดู อีกอย่างตั้งแต่มาพักที่เฮือนธารเขารู้สึกจิตใจสงบสุขขึ้นเยอะ หลังจากอึดอัดใจกับหลายๆ กรณีที่ไม่เห็นด้วยกับผู้หลักผู้ใหญ่ แม้จะรู้ว่ามันไม่ถูกไม่ควรแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เรื่องผู้บังคับบัญชาทำเป็นมองไม่เห็น เอาหูไปนาเอาตาไปไร่แบบนี้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นานวันเข้าเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจไม่เหมาะกับงานตรงนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD