ตอนที่ 3
เคลย์ตัน ศาตนันท์!!
พริมต์ริตาตกใจหน้าซีดตัวสั่น ทันทีที่ได้มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาระยะใกล้จนชิด เปลือกตาปิดสนิทกับลมหายใจสม่ำเสมอ จมูกเรียวโด่งได้รูปรับกับใบหน้าเหมาะเจาะ ผมเส้นเล็กเรียงตัวสวยเป็นเงาสีน้ำตาลเข้ม ริมฝีปากหนาได้รูปรับกับใบหน้า หากเป็นหญิงอื่นคงหลงใหล กับเบ้าหน้าที่ราวกับเทพปั้น แต่กับเธอ...เขาคือคนที่เธอเกลียด และขยะแขยง
แต่เขากลับเป็นคนที่เธอมีสัมพันธ์สวาทอันแสนเร้าร้อนตลอดทั้งคืน!
หล่อนอยากกรีดร้องให้สุดเสียง แต่สติที่เริ่มกลับมาเต็มร้อยทำให้ต้องกลั้นเสียงนั้นไว้ หยาดน้ำตาเอ่อคลอมองใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอ แววตาสั่นระริก เจ็บปวด รวดร้าวมากทบเท่าทวีคูณ
ผิดซ้ำๆให้กับคนเดิมๆ เธอมันช่างโง่เขลาเบาปัญญานัก ดาลันดา! แพ้พ่าย ตกเป็นทาสสวาทให้เขาทุกครั้งไป!
พริมต์ริตากัดริมฝีปากเล็กของตัวเองจนเจ็บ กลั้นน้ำตาไว้ ก่อนจะค่อยๆยกแขนกำยำของเขาออกให้พ้นจากตัวเธออย่างระมัดระวังมากที่สุด ย่องฝีเท้าให้เงียบที่สุด พยายามกวาดสายตามองหาเสื้อผ้าของตนเอง หาอยู่นาน หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจหยิบเสื้อเชิ้ตของเขาเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหวังจะสวมใส่ระหว่างหาชุดเดรสราตรีของตนเอง แต่กลับต้องชะงักอ้าปากค้างไปทันทีเมื่อได้เห็นราตรียาวแสนแพงชุดนั้น ที่เป็นของห้องเสื้อชื่อดังตัดให้เธอสวมใส่เพื่อเข้าประกวด กองทิ้งไว้อยู่กลางห้องน้ำ
หญิงสาวรีบเดินไปหอบชุดนั้นขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง สำรวจความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อชุดสวยราคาแพงยังอยู่ในสภาพดี แต่มันแค่เปียกชุ่มไปทั้งชุดเท่านั้น
เธอหันรี้หันขวางอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจอาบน้ำ ทำให้ทุกอย่างให้ไวและเงียบที่สุด แม้จะเจ็บขัดและแสบบริเวณกลางสาวของเธอจนเผลอซู๊ดปากและนิ่วหน้าหลายครั้ง แต่เวลาเพียงไม่นานเธอก็จัดการตัวเองจนเรียบร้อย สวมเสื้อและกางเกงของเขาแก้ขัดไปก่อน อย่างน้อยวินาทีนี้เธอต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เสียงโทรศัพท์แผดเสียงขึ้นในเวลาใกล้บ่ายสาม เคลย์ตัน หรี่ตาขึ้นด้วยอาการงัวเงียเล็กน้อย มือหนาควานหาโทรศัพท์ แต่ก็พบว่าเสียงนั้นอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง เขาผงกศีรษะขึ้นมองนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ หันมองที่ว่างข้างเตียงว่างเปล่านึกฉงนสงสัย หรือว่าเธออยู่ในห้องน้ำ
ร่างสูงลุกจากเตียง เดินหาคนที่คิดว่าควรอยู่ในห้อง ไม่สนใจเสียงโทรศัพท์ที่แผดร้องดังจนน่ารำคาญนั่นจนแน่ใจว่าใครคนนั้นหนีหายไปแล้วในตอนที่เขายังหลับอยู่ ก็นึกหัวเสีย หงุดหงิด จนหันไปหยิบโทรศัพท์กดรับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ว่าไง”
“นายครับ คุณพริมต์ริตาไปแล้วนะครับ”
“เออ! แล้วมึงปล่อยให้เขาไปได้ยังไงวะ” เขาสบถเสียงดัง นึกหงุดหงิดที่คนที่เขาคิดอยากกอดหอมให้ชื่นใจเมื่อยามตื่น กลับอันตรธานหายไปโดยที่เขายังไม่ทันได้พูดคุยหรือตกลงอะไรกันกับเธอ ก็ชิ่งหนีหายเขาไปแบบนี้
ในขณะเดียวกัน พริมต์ริตานั่งรถแท็กซี่กลับมาถึงบ้านพักที่เป็นเพียงบ้านปูนเก่าๆอายุหลายสิบปี สภาพดูทรุดโทรมพอสมควร เพราะไม่เคยผ่านการดูแลทะนุบำรุงรักษา บริเวณรอบบ้านมีเนื้อที่สำหรับใช้สอบ ปลูกพืชผักสวนครัวให้พอได้เก็บกิน มีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มเงา บางมุมปลูกไม้ประดับสร้างความสดชื่นให้กับบรรยากาศในบ้าน
เสียงเด็กน้อยร้องไห้กระจองอแงดังลั่นออกมาจากในตัวบ้าน หญิงสาวร่างบางมีสีหน้าวิตกใจนั้นร้อนรน นึกเป็นห่วงเด็กน้อยเจ้าของเสียงร้องสะอึกสะอื้นนั่น พยายามตะโกนเรียกคนในบ้านให้ออกมารับ เพราะเธอไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์และกระเป๋าเงิน ที่ยังคงอยู่กับพี่แป้งพี่เลี้ยงที่ดูแลเธอและเป็นพี่ที่สนิทของเธอแน่ๆ
“เค้ก!! เค้ก!”
“จ้าพี่ลัน แป๊บนึงน๊า” คนในบ้านตะโกนตอบ ไม่นานก็วิ่งออกมารับด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นสภาพหญิงสาว
“พี่ลันไปไหนมา คนตามหาพี่ให้ทั่วเลยนะ พี่แป้งมาตามพี่ตั้งหลายรอบแล้วรู้หรือเปล่า”
“อืม พี่เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ เค้กไปเอาเงินมาจ่ายค่ารถให้พี่ก่อน เดี๋ยวพี่จะเข้าไปดูลูก”
“จ้ะๆ หนูฟองกำลังร้องไห้หาพี่อยู่เลย พี่รีบไปเถอะ” พริมต์ริตารีบเดินสับเท้าเข้าไปในตัวบ้านทันทีด้วยใจร้อนรนกระวนกระวาย นึกเป็นห่วงสาวน้อยในวัยสองขวบครึ่ง ที่กำลังอยู่ร้องไห้จ้าจนหน้าแดง อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นยายที่ค่อนข้างชรามากแล้วในวัยเจ็ดสิบปี
“ยาย....”
“อ้าว ลันมาแล้วเหรอลูก หนูฟองกำลังร้องไห้หาใหญ่เลย นี่ไงๆแม่หนูมาแล้ว แม่ไม่ได้ทิ้งหนูไปไหน ดูสิลูก” หนูน้อยฟองลดาสะอึกสะอื้นลืมตาขึ้นตามคำบอกของคนเป็นทวด พลางชะโงกหน้าออกจากอ้อมกอด มองหน้าแม่ด้วยน้ำตาเต็มใบหน้าอย่างน่าสงสาร
“มามี้”
“มาหาแม่ค่ะ” หญิงสาวย่อตัวลง สองมือกางแขนรอให้สาวน้อยตัวจิ๋วผละจากยายวิ่งเข้ามากอดแน่น
“มามี้ ปายหน่ายมาคะ ฟองรอ...ท๊างคืนเลย” เสียงเล็กอยู่ในอาการสะอึกสะอื้นต่อว่าคนเป็นแม่
“โอ๋ๆมามี้ขอโทษนะคะ มามี้ไปทำงานหาเงินให้น้องฟองกินหนมไงคะ มามี้ขอโทษน้องฟองด้วยน๊า หายโกรธมามี้นะคะคนดีของมามี้”
“ฮึกๆกะด๊ะ งั้นมะมี้ ปุ๊ๆตรงนี้ของหนูก่อน” นิ้วป้อมๆชี้ที่แก้มป่องของตนเอง พลางเอียงคอรออย่างน่ารักจนพริมต์ริตาอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ สองมือประคองใบหน้าน้อยๆของบุตรสาวใช้ปลายนิ้วเรียวปาดเช็ดน้ำตาให้ลูก ก่อนจะกดจมูกลงที่แก้มป่องๆหลายฟอดใหญ่
“ชื่นใจจังเลย คนดีของแม่”
“พี่ลัน แล้วนี่พี่ลันไปไหนมา ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ” เค้กข้าว ที่เดินตามเข้ามาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะสภาพของลูกพี่ลูกน้องเธอตอนนี้ดูไม่จืดเลยสักนิด ไม่มีเค้าโครงของคนที่เพิ่งได้รับรางวัลนางงามรองอันดับหนึ่งหมาดๆเลยแม้แต่น้อย
“จริงสิ พี่ลืมเลย เค้กช่วยเอาชุดนี้ไปจัดการให้พี่หน่อยได้ไหม พี่ต้องเอาไปคืนห้องเสื้อเขา” เธอเลี่ยงที่จะตอบ หลบสายตาด้วยการหันไปหยิบชุดที่เธอหอบลงจากรถลงมาด้วยส่งให้
“ได้ เดี๋ยวเอาไปส่งร้านซักรีดเดี๋ยวนี้ อุ้ย! ทำไมมันเปียกแบบนี้ล่ะพี่ลัน”
“ช่างเถอะ แกรีบไปทำตามที่บอกก่อนละกัน...ว่าแต่แกเอามือถือมาให้พี่หน่อยสิ พี่จะโทรหาพี่แป้ง”
“นี่จ้ะ” เค้กข้าวหยิบมือถือของตนเองส่งให้ญาติผู้พี่ ก่อนจะนำชุดที่ตัวกอดถือไว้ เดินออกไปอีกห้องเพื่อหาถุงใส่จะได้นำไปให้ร้านซักอบรีดหน้าปากซอย
“ยายจ๋า ลันขอคุยไปโทรศัพท์ก่อนนะ ฝากยายดูฟองด้วยนะจ๊ะ”
“อือ เอ็งไปเถอะเดี๋ยวหนูฟอง ยายดูเอง” หลานสาวยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะอุ้มบุตรสาวส่ง ก่อนจะก้มหน้าลงหอมแก้มบุตรสาวอีกหลายฟอด ถึงได้ลุกเดินแยกตัวออกไปคุยโทรศัพท์อีกห้องหนึ่ง ปิดประตูให้มิดชิดเพื่อไม่ให้เสียงดังเล็ดรอดออกไป พร้อมกับถอนหายใจด้วยความหนักอึ้งในความรู้สึก กับความลับที่เธอจำเป็นต้องปิดซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครรู้นอกจากคนใกล้ชิดเธอเท่านั้น ไหนจะปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้โดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ มันหนักอึ้งเกินกว่าที่จะแบกรับไว้ด้วยซ้ำ