3

1687 Words
ดรุณีพลิกร่างนอนตะแคงมาหาคนที่มีบุญคุณช่วยเหลือเธอเอาไว้ เธอขยับเข้าไปนอนใกล้ๆ เขา ตอนนี้ในชีวิตไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะจับพลัดจับผลูต้องมาอยู่กับพจน์และกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของเขาแบบนี้ มือน้อยๆ ของเด็กสาว ค่อยๆ สัมผัสกับใบหน้าหล่อเหลาของคุณอาหนุ่ม เธอมีความสุขที่ได้มองเขาแบบนี้ ไม่ได้เจอกันหลายปีแต่เธอยังจำคุณอาใจดีซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องของบิดาได้ดี โดยไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ๆ คนที่เธอแอบมองก็ลืมตาขึ้น ดรุณีตกใจเบิกตากว้าง แต่หลบไม่ทัน เขาก็คว้ามือของเธอเอาไว้ “ทำอะไร” เสียงดุๆ ของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย “ขอโทษค่ะ หนูดีไม่ได้ตั้งใจ” เธอดึงข้อมือน้อยออกจากอุ้งมือใหญ่ของเขา พลิกร่างน้อยไปอีกด้าน คิดว่าเขาคงโกรธที่เธอไปแตะต้องหรือสัมผัสเนื้อตัวของเขา “มีอะไรหรือเปล่า” ร่างแข็งแรงและแสนอบอุ่นแนบชิดมาจากทางเบื้องหลัง ก่อนที่มือหนาจะวางเบาๆ ที่แขนเล็กๆ ของเธอ “อุ๊ย!” เธออุทานก่อนจะหันมามองเขาด้วยน้ำตานองหน้า นั่นทำให้พจน์ตกใจไม่น้อย “ร้องไห้ทำไม” “มะ... ไม่มีอะไรค่ะ” เธอสะอึกสะอื้นก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาป่อยๆ “เป็นอะไร” เขาถามซ้ำอีก มองร่างที่สั่นสะท้านแล้วรู้สึกว้าวุ่นใจไม่น้อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า “อาพจน์นอนเถอะค่ะ หนูดีขอโทษที่รบกวน” “คุยกันให้รู้เรื่องก่อน” พจน์ไม่อยากให้มีอะไรค้างคาใจ ไม่เช่นนั้นคืนนี้เขาคงนอนไม่หลับเป็นแน่แท้ “หนูดีขอโทษค่ะ” “ขอโทษอาทำไม” “ขอโทษที่รบกวนอาพจน์ไงคะ หนูดีรู้ว่าอาพจน์จำใจต้องมาแต่งงานกับหนูดี อาพจน์หวงความโสดจะตายไป คุณพ่อก็เคยบอก หนูดีรู้ว่าอาพจน์รังเกียจหนูดี” ประโยคของเขาทำให้พจน์กะพริบตาปริบๆ รีบพลิกร่างน้อยมาหาในทันที ก่อนจะเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน “เด็กโง่เอ๊ย!” เขาบีบจมูกเล็กๆ ของเธออย่างเอ็นดู “อาพจน์” เธอคราง กะพริบตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ “คิดว่าอาจะยอมแต่งงานกับใครง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ” “ก็อาพจน์ทำไปเพราะอยากช่วยหนูดีไม่ใช่เหรอคะ อาพจน์บอกเองว่าคุณพ่อมีบุญคุณกับอาพจน์” “ก็ใช่ แต่คิดว่าอาจะยอมสละความโสดของตัวเองให้ใครสักคนเพื่อผู้หญิงที่อาไม่ได้รักเหรอครับ” “อาพจน์หมายความว่ายังไงคะ” ดรุณีกะพริบตาปริบๆ “อาขอโทษที่หายไปนานหลายปี” เขาเอ่ยขอโทษสาวน้อยจากใจ ดรัณบิดาของเธอฝากฝังครอบครัวเอาไว้กับเขา แต่เขากลับไม่ได้ดูแลให้ดี รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย “เพราะคุณแม่ของอาพจน์เสียใช่ไหมคะ” “ใช่ส่วนหนึ่งเพราะอารักคุณแม่มากๆ แต่อีกส่วนคือ” เขามองหน้าเธอนิ่ง นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาสารภาพกับเธอแบบนี้ “อีกส่วนหนึ่งคืออะไรเหรอคะ” ดรุณีเอ่ยถามด้วยหัวใจอันเต้นระทึก “อาแอบหลงรักเด็กสาวชื่อว่าดรุณีมานานหลายปีแล้ว แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ อาอายุเยอะแล้ว อาก็เลยไม่อยากพาตัวเองไปยุ่งวุ่นวาย อยากขออยู่ในสวนลำไยเงียบๆ ตามประสาของอา อาอยากให้หนูดีได้มีอนาคตที่สดใสแต่ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้ อาเลยรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย” “อาพจน์” ดรุณีครางออกมาอย่างคาดไม่ถึง “ไม่สงสัยเลยเหรอครับว่าทำไมอาถึงยอมตกลงจดทะเบียนสมรสกับหนูดีง่ายๆ เพราะอาคงทนไม่ได้ที่หนูดีจะต้องตกไปเป็นของคนอื่น อายอมเสียเงินหลายล้านเพราะคิดว่าเงินทองเป็นของนอกกาย แต่หนูดีสำคัญกับหัวใจของอามากกว่ากระดาษพวกนั้นที่ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ความสุขของหนูดีสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดในตอนนี้” “อาพจน์...” เธอครางชื่อเขา ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา “ที่อาไม่ได้มาหาเหมือนก่อนหลังจากพี่ดรัณเสียเพราะคิดว่าจินตนาคงจะดูแลหนูดีเป็นอย่างดี เพราะตอนนั้นเขาดูรักหนูดีเหมือนลูกในไส้ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนที่อาได้รับจดหมายของหนูดี ยอมรับว่าอาตกใจมากๆ รีบขับรถมาหาแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลัวว่าจะมาไม่ทัน อาผิดเองที่ไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลย ความจริงอาจจะมาเร็วกว่านี้ ไม่ต้องให้หนูดีต้องทุกข์ใจแบบนี้” “อาพจน์ ฮือๆๆ” ดรุณีร้องไห้ออกมาไม่ขาดสาย “ร้องไห้ทำไม เสียใจเหรอที่ได้ผัวแก่” “ไม่ใช่หรอกค่ะ” “แล้วร้องไห้ทำไม คิดว่าอารังเกียจ” “ก็อาพจน์นอนหลับไม่สนใจหนูดี” ดรุณีพูดอย่างอายๆ “อาแค่คิดว่าหนูดีเครียดมาหลายวัน และคงเหนื่อยกับการเดินทาง น่าจะอยากพักผ่อน อาไม่อยากเอาเปรียบ เพราะเรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะ” ประโยคของเขาทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม “อ้าว... ร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก” เขาเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ สำหรับเขาแล้วดรุณีคือเด็กสาวที่เขาอยากอ่อนโยนให้มากที่สุด ที่เขาไม่ได้ไปหาเธอเพราะอยากตัดใจ เนื่องจากยิ่งไปหาก็ยิ่งคิดถึง รู้ด้วยว่ามันไม่เหมาะไม่ควรที่เขาจะคิดเช่นนั้นกับเด็กสาว ด้วยอายุที่ห่างกันมากเหลือเกิน แต่ไม่คิดว่าโชคชะตาจะเหวี่ยงให้เขากับเธอมาอยู่ด้วยกันในสถานะนี้ “นอนเถอะ อาจะกอดเอาไว้เอง แล้วก็ไม่ต้องคิดมากนะครับ ทำใจให้สบาย ถึงบ้านของอาแล้วค่อยคุยกันว่าจะเอายังไง” เขาจุมพิตหน้าผากของเธอเบาๆ ในขณะที่เธอหลับไปในอ้อมแขนของเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุด การเดินทางจบสิ้นลงเมื่อรถยนต์เลี้ยวเข้าเขตสวนลำไยของพจน์ ภาพบรรยากาศเบื้องหน้าทำให้หัวใจที่เศร้าหมองของดรุณีสดใสขึ้นมาในทันที เธอจำได้ว่าบิดาพามาเที่ยวที่นี่หลายปีแล้ว พจน์หิ้วกระเป๋าใบเล็กๆ ของเด็กสาวลงมาด้วย คนที่ออกมายืนรอรับคือพรรณีน้องสาวของพจน์ เธอเคยเจอพรรณีเมื่อหลายปีก่อน อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเก่ง ใจดีและยังโสดเหมือนพี่ชาย แต่อายุห่างกันถึงสิบปี “มาแล้วเหรอจ๊ะสาวน้อย” “สวัสดีค่ะพี่พรรณี” พรรณีชอบให้เธอเรียกว่าพี่เพราะไม่อยาแก่ “มาจ้ะ วันนี้เตรียมอาหารเอาไว้ให้เยอะแยะเลย” พรรณีกับพจน์เป็นพี่น้องที่สนิทกันมากและรักกันมากด้วย พี่น้องคู่นี้ไม่เคยทะเลาะกันเลย เธอรับรู้เพราะบิดาเคยเล่าให้ฟัง ครอบครัวของพจน์อบอุ่นและห่วงใยกันเสมอ หากมีปัญหาอะไรก็จะช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ไม่เคยทอดทิ้งกันเลย “วันนี้ทำอะไรกินครับ” พจน์เอ่ยถามน้องสาว “เยอะแยะเลยค่ะ พี่พจน์กับหนูดีไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ พรรณีจัดห้องนอนให้หนูดีแล้วนะคะ” “หนูดีนอนห้องเดียวกับพี่” “คะ?” พรรณีอุทานอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่ดรุณีหน้า แดง “พี่พจน์อย่าบอกนะว่าเดินทางมาด้วยกัน พี่พจน์ทำมิดีมิร้ายหนูดีเข้าให้แล้ว” พรรณีรู้ดีว่าพี่ชายของตนแอบชอบดรุณีมานานแล้ว ที่ไม่โผล่หน้าไปเพราะละอายใจที่ไปหลงรักเด็กสาวเข้าให้แบบนั้น ด้วยว่าตัวเองอายุมากกว่าตั้งหลายปี “พี่จดทะเบียนสมรสกับหนูดีแล้วครับ” “ยังไงเหรอคะ” “เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังครับ” พจน์พยักหน้าให้น้องสาว พรรณีจึงยิ้มให้คนทั้งสอง พี่ชายจะมีความสุขเธอก็เห็นดีเห็นงามด้วย แต่ก็อยากรู้ว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ในระหว่างที่รับประทานอาหารพจน์ก็เล่าให้น้องสาวฟังคร่าวๆ นั่นทำให้พรรณีนึกโมโหขึ้นมา “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าเขาจะใจร้ายกับหนูดีขนาดนี้ ดีนะคะที่พี่พจน์ไปช่วยหนูดีเอาไว้ได้ทัน แต่ทำไมหนูดีไม่โทรศัพท์มาหาพี่คะ” “หนูดีไม่มีโทรศัพท์ค่ะ จำเบอร์ไม่ได้ด้วยเพราะโทรศัพท์โดนริบไปจนหมด” “แย่จริงๆ ดีแล้วที่รอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ แบบนี้บ้านเราก็กำลังจะมีงานมงคลแล้วน่ะสิคะ” “พี่ว่าจะให้เราช่วยจัดงานแต่งงานให้พี่กับหนูดีอยู่เหมือนกัน” พจน์เองก็อยากตบแต่งกับดรุณีให้เรียบร้อยเพื่อยกย่องเธอมาเป็นภรรยาออกนอกหน้า จะได้ไม่ต้องมีคนครหานินทาว่าเธอมาอยู่กับเขาเฉยๆ แม้จะจดทะเบียนสมรสกันแล้วก็ตาม “เดี๋ยวพรรณีจัดการทุกอย่างให้เองค่ะ เรื่องจัดงานขอให้บอกค่ะ” หลังจากพรรณีรับปากในวันนั้น รุ่งขึ้นก็วุ่นวายกับการเตรียมงาน ดรุณีนอนหลับสบายบนเตียงกว้างของพจน์ ในขณะที่เขาเองก็ยังไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเธอเลย เธอก็คอยแต่ลุ้นว่าเขาจะเข้าจู่โจมตอนไหน จนได้เข้าพิธีแต่งงานกันด้วยการตระเตรียมงานของพรรณีที่เก่งไปเสียทุกอย่าง ทั้งจัดสถานที่ เชิญแขกผู้ใหญ่มาร่วมงานและหาชุดมาให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว จนถึงฤกษ์ส่งตัวเข้าห้องหอ อันถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมดตลอดวัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD