ตอนที่1 แววตาอบอุ่น
ตอนที่1 แววตาอบอุ่น
เสียงล้อกระเป๋าเดินทางกลิ้งไปบนพื้นหินอ่อนเงาวับในสนามบินลอสแองเจลิส ท่ามกลางเสียงประกาศเที่ยวบินมากมาย ญารินหยุดยืนหน้าจอเช็กอินอัตโนมัติ แล้วพิมพ์เลขจองลงไป
Emirates EK216, First Class Seat 8A เส้นทาง: LAX – DXB – BKK
เธอถอนหายใจช้าๆ สายตาสะท้อนแสงจอพลางนึกในใจ สิบห้าปีเต็มที่ไม่ได้กลับเมืองไทย เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังกลับ “บ้าน” หรือกำลังกลับไปหา “อดีต” ที่เจ็บปวด
เธอเช็กอินผ่านเคาน์เตอร์พิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส เสียงต้อนรับอบอุ่นของเจ้าหน้าที่ทำให้เธอฝืนยิ้มออกมาได้เล็กน้อย กระเป๋าเดินทางถูกโหลดเข้าเครื่อง และในที่สุดเธอก็มานั่งรอที่ Emirates Lounge อย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งได้เวลาออกเดินทาง
เสียงประกาศของสนามบินลอสแองเจลิสดังก้องทั่วโถงอาคารผู้โดยสารขาออก
“Emirates เที่ยวบินที่ EK216 ไปยังดูไบ ขอเชิญผู้โดยสารชั้น First Class ขึ้นเครื่องที่เกต 157 ได้ในขณะนี้ค่ะ...”
ญารินสูดหายใจลึก เธอมองบอร์ดดิ้งพาสในมือ First Class, Seat 8A สิบห้าปีที่เธอไม่ได้กลับเมืองไทย นานพอจะที่เธอสามารถลืมหลาย ๆ อย่าง แต่ความจริงนั้นเธอไม่เคยลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองไทยเลย วันนี้ถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
เมื่อได้เวลาออกเดินทาง ญารินเดินเข้าสู่เครื่องบิน Emirates เที่ยวบิน EK216 – LAX to Dubai พร้อมบอร์ดดิ้งพาสที่ระบุ Seat 8A ที่นั่งริมหน้าต่างแบบเดี่ยวในชั้น First Class พนักงานต้อนรับ ต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มและพาเธอไปยังที่นั่ง เธอจัดแจงนั่งลงเรียบร้อย ไม่นานเครื่องก็เทคออฟและไฟสัญญาณรัดเข็มขัดดับลงตามลำดับ มือเล็กกดปุ่มเพื่อปรับเก้าอี้เอนในท่าสบาย
แกร๊ก!
กึก!
เสียงกลไกเบาะดังผิดปกติขณะเธอพยายามเอนเบาะลง ไม่นานนัก พนักงานต้อนรับก็เดินเข้ามาพร้อมสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“ขอโทษนะคะคุณผู้โดยสาร มีอะไรให้ช่วยไหมคะ"
"เบาะปรับเอนไม่ได้ค่ะ"
"ฉันขออนุญาตตรวจเช็กสักครู่นะคะ" ลูกเรือรีบเข้ามาตรวจสอบ ลองกดปุ่ม ปรับเบาะ และดึงราง แต่กลับพบว่าไม่สามารถแก้ไขได้
"เบาะของคุณมีปัญหาเรื่องระบบเอนเพราะมีของเข้าไปติด ขออนุญาตเปลี่ยนที่นั่งให้ค่ะ อันนี้ใช่ของคุณไหมคะ" ลูกเรือตรวจเช็กไม่ถึง 5 นาทีก็หันกลับมาบอกพร้อมกับยื่นยาดมอันเล็กไปตรงหน้าหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม
"ใช่ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เราเข้าใจดีว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้ที่นั่ง 8K ยังว่าง เป็นที่นั่งแบบคู่ฝั่งตรงข้ามนะคะ” ญารินพยักหน้า ยอมรับโดยไม่อิดออด เธอย้ายไปนั่งฝั่งขวาของเครื่องซึ่งขนาดของเบาะไม่ต่างกัน เพียงแค่เป็นแบบเดี่ยวและแบบคู่เท่านั้นเอง และพบว่า ที่นั่งข้างๆ มีคนนั่งอยู่
ชายหนุ่มคนนั้นหันมามองเธอเล็กน้อย สวมแมสสีดำ ใบหน้าเกือบครึ่งถูกบดบังไว้โดยเงามุมเครื่องบิน ญารินไม่ได้สนใจ เธอจัดของใช้ส่วนตัวทุกอย่างเข้าที่แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เวลาผ่านไปนานเกือบสองชั่วโมงเธอก็เผลอหลับไป
หนังสือปกแข็งหล่นลงมาปิดหน้าในท่าทางไม่ค่อยเรียบร้อย ชายหนุ่มข้างกายมองผ่านที่กั้นเห็นหญิงสาวที่นอนหลับสนิทในท่าทางที่น่าเอ็นดู เขาค่อยๆ เอื้อมมือหยิบหนังสือออกจากหน้าเธออย่างแผ่วเบา
"คนไทยเหรอ" อคิณมองหนังสือที่ญารินอ่านเป็นภาษาไทย เอาไปวางไว้ที่โต๊ะด้านหน้า ดึงผ้าห่มมาคลุมไหล่ให้ ก่อนจะเอื้อมไปปิดไฟอ่านหนังสือด้านบนอย่างเบามือไม่ให้รบกวนคนที่กำลังหลับอยู่
เที่ยวบินจากลอสแอนเจลิสถึงดูไบใช้เวลาประมาณสิบห้าชั่วโมง อคิณ ไม่แม้แต่จะข่มตาหลับทั้งที่คืนก่อนหน้านั้นเขารีบเคลียร์งานจนแทบไม่ได้นอนพัก แต่เขาเลือกที่จะอ่านหนังสือ
สายตาคมเหลือบไปมองหญิงสาวเป็นครั้งคราว ราวกับว่ากำลังหลงใหลใบหน้าเรียวสวย และดวงตากลมโตที่ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยแพขนตางอน
ญารินตื่นขึ้น งุนงงเมื่อพบว่าบนตัวเธอมีผ้าห่มคลุมอยู่ แสงไฟถูกปิด และหนังสือถูกวางไว้อย่างเรียบร้อยบนถาด เธอหันไปถามพนักงานต้อนรับที่เดินผ่านมา
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นคนห่มผ้าให้ฉันใช่ไหม” แอร์สาวยิ้มแล้วส่ายหน้า
“แฟนคุณเป็นคนจัดการให้น่ะค่ะ” เธอเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มคนนั้นซึ่งยังนั่งนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ ญารินหันไปรีบแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษเบา ๆ
“Um… thank you. That was kind of you.” "เอ่อ...ขอบคุณนะ ใจดีมากเลย”
เขายิ้มมาเพียงชั่วครู่ภายใต้แมสสีดำและพยักหน้าให้ มีเพียงแววตาที่อบอุ่นที่เธอสัมผัสได้
“ไม่เป็นไรครับ” เสียงภาษาไทยที่เปล่งออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำทำให้ญารินอึ้งไปเล็กน้อย
“คุณเป็นคนไทยเหรอคะ” เขาพยักหน้าช้าๆ เธอยิ้มเก้อ ๆ ก้มหน้าหลบสายตา และตลอดเวลาที่เหลือจนเครื่องลง เธอก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขาเองก็เงียบเช่นกัน แต่บรรยากาศระหว่างพวกเขาไม่ได้อึดอัดเลย แค่รู้สึกแปลก ๆ
หลายชั่วโมงผ่านไป เครื่องบินเริ่มลดระดับเพื่อลงจอด เมื่อเครื่องลงจอดที่ดูไบ อินเตอร์เนชันแนล แอร์พอร์ต ญารินได้รับแจ้งให้แวะรอเปลี่ยนเครื่องราว 2 ชั่วโมงก่อนเดินทางต่อไปกรุงเทพฯ เธอเดินเข้ามาใน Emirates Lounge ที่กว้างขวางหรูหรา กลิ่นกาแฟหอมลอยฟุ้งในอากาศ พนักงานเชิญเธอเข้าไปนั่งได้ตามอัธยาศัย เธอตรงดิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาและแปรงฟัน บนเครื่องเธอไม่ทันได้จัดการธุระส่วนตัวเลยเพราะเผลอหลับยาว หลังจากเดินออกจากห้องน้ำก็เดินไปตักอาหารจากไลน์บุฟเฟต์เล็กน้อยเพราะรู้สึกหิว มือเล็กถือจานอาหารเดินไปยังโต๊ะว่างตรงมุมด้านใน
เพล้ง!
เสียงช้อนส้อมหล่น และอาหารในจานบางส่วนสาดใส่เสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มตรงหน้า
“Oh! Sorry" โอ๊ย! ฉันขอโทษค่ะ!” ญารินรีบร้องออกมาอย่างตกใจ
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มสวมแมสสีดำ เสียงทุ้มตอบกลับอย่างสุภาพ ดวงตากลมโตจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างลืมตัว "เขาอีกแล้ว เป็นเขาอีกแล้ว" เสียงเล็กพึมพำในใจ
"คุณเป็นอะไรไหมครับ"
"เปล่าค่ะ แล้วคุณล่ะคะ"
"เปล่าครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ"
"เอ่อ..ค่ะ" เสียงเล็กพึมพำตามหลัง ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้าง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเกินกว่ามาตรฐานชายไทย จนเจ้าหน้าที่ประจำเลานจ์เดินเข้ามาเพื่อทำความสะอาด
"ขอโทษนะคะ" ญารินเดินไปเข้าห้องน้ำอีกครั้งเพื่อล้างมือ และเดินกลับมาทานอาหารที่เลานจ์เหมือนเดิม ระหว่างนั้นดวงตากลมโตก็พยายามมองหาชายหนุ่มคนนั้น แต่ก็ไร้เงาของเขา เธอแอบคิดว่าเขาน่าจะต่อเครื่องไปที่อื่นแล้ว เขาคงไม่ได้จะเดินทางกลับเมืองไทยเหมือนเธอ
แกร๊ก!
ส้อมและมีดถูกรวบไว้ข้างจาน จากนั้นหยิบน้ำส้มและกาแฟขึ้นมาดื่ม เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวเพราะไทม์โซนเวลาเปลี่ยน ร่างกายเธอยังไม่สามารถปรับตัวได้ ถึงแม้ว่าจะนอนหลับตลอดทางสิบกว่าชั่วโมงแล้วก็ตาม เมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูปรากฏว่ายังเหลือเวลาอยู่อีกประมาณชั่วโมงเศษ ๆ จึงหยิบกระเป๋าแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดทำงาน
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารของสายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK372 ดูไบ – กรุงเทพฯ ดังก้องทั่วโถงเลานจ์
ญารินเก็บแล็ปท็อปลงกระเป๋าถือ ก่อนลุกขึ้นเดินออกจากเลานจ์อย่างใจจดใจจ่อ เธอเดินผ่านโถงทางเดินหรูหราของสนามบินดูไบที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เสียงสนทนาภาษาอาหรับ อังกฤษ และภาษาต่างๆ ดังเข้ามาในหู หัวใจของเธอเต้นแรงโดยไม่รู้เหตุผล อาจจะเป็นเพราะเธอใกล้จะได้เหยียบแผ่นดินประเทศไทยในอีกไม่กี่ชั่วโมง
ขณะเดินไปตามป้าย “Gate A15” ญารินเผลอเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มในเสื้อแจ็กเกตเข้ม บนใบหน้ายังสวมแมสสีดำปิดอยู่ กำลังลากกระเป๋าถือออกจากเลานจ์อีกฝั่ง
"นั่นเขานี่" ญารินรีบเบือนหน้าหนี ทำเป็นสนใจมือถือ แต่กลับสาวเท้าเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว เดินตามหลังชายหนุ่มไป
เมื่อถึงหน้าเกต ผู้โดยสารชั้น First Class ได้รับเชิญขึ้นเครื่องก่อน เธอยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้เจ้าหน้าที่ตรวจ ก่อนจะก้าวเข้าสู่สะพานเทียบเครื่อง บอร์ดดิ้งพาสของเธอระบุชัดเจน "Seat 8K" ที่นั่งคู่ฝั่งขวาของเครื่อง ญารินสูดหายใจลึก เดินเข้าไปในเคบินชั้นธุรกิจอันโอ่อ่า แสงไฟนวลส่องสะท้อนผ้าคลุมเบาะสีครีมและทองอย่างหรูหรา เมื่อเดินถึงที่นั่ง 8K เธอหยุดกึก ชายหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่ที่นั่ง 8J ข้างๆ ที่นั่งเธอพอดี เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอเล็กน้อย และหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ในมือ
“เอ่อ..สวัสดีค่ะ บังเอิญอีกแล้วนะคะ” เธอหันไปทักทายเบา ๆ อย่างมีมารยาท เขาหันมามองตรงๆ ครั้งแรก แววตาในเงาแมสดูอบอุ่นจนเธอใจเต้นแรง
“ครับ” คำตอบสั้น ๆ แววตาคมเข้มคู่นั้นดูเย็นชา แต่น่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
ญารินยิ้มแห้ง ๆ นั่งลงเบาะข้างๆ พลางรัดเข็มขัดนิรภัย เสียงพนักงานประกาศต้อนรับดังขึ้น เครื่องบินค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากหลุมจอด เธอหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง กำลังคิดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เมืองไทย