ตอนที่14 ลนลาน
หลังจากนั้นเธอตั้งท่าจะก้าวขึ้นรถตามคณิณไป แต่เสียงเจ้ากรรมนายเวรก็ยังไม่ลดละปล่อยเธอไป
“จะไปนั่งเบียดกันทำไม รถผมก็ว่าง” ญารินชะงักไปเล็กน้อยหลังได้ยินประโยคนั้น สีหน้าเรียบเฉยที่เธอพยายามรักษาไว้เริ่มสั่นไหวเล็กน้อยในวินาทีนั้นหญิงสาวพยักหน้ารับอย่างจำยอม ก่อนจะหันไปพูดกับอคิณ
“งั้นฉันนั่งไปกับคุณอคิณก็ได้ค่ะ”
“เชิญครับ” เขาเปิดประตูรถให้ เสียงรีโมตปลดล็อกดังแผ่วในอากาศร้อนของชั้นใต้ดิน ญารินก้าวขึ้นรถอย่างเงียบ ๆ แล้ววางกระเป๋าถือไว้บนตัก พยายามไม่สบตากับเขาแม้แต่น้อย อคิณอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ขณะสตาร์ตเครื่อง มือของเขาวางสบายบนพวงมาลัย แต่แววตากลับเหลือบมองหญิงสาวข้างตัวเป็นระยะ
บรรยากาศในรถเงียบสนิท มีเพียงเสียงแอร์ที่พ่นลมเย็นเบา ๆ และเสียงเครื่องยนต์เดินเบาในจังหวะสม่ำเสมอ
“แอร์รถผมไม่เย็นเหรอครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“เปล่าค่ะ” เธอตอบทันที ทั้งที่สายตายังมองตรงไปข้างหน้า
“งั้นคุณคงไม่ชอบนั่งรถผมสักเท่าไหร่ เห็นคุณทำหน้าตาเหมือนอยากลงจากรถทุกวินาที”
“อย่าคิดมากเลยค่ะ คุณอคิณโฟกัสข้างหน้าเถอะค่ะ ขับรถไม่มองถนนมันอันตราย” ใบหน้าเรียวสวยหันมาจ้องเสี้ยวหน้าคมพร้อมเอ่ยบอกออกไปน้ำเสียงจริงจัง
“งั้นก็ทำตัวตามสบายเถอะครับ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก…ถ้าไม่จำเป็น” ข้อความสุดท้ายเหมือนพูดคนเดียวในใจ ตอนนี้อคิณไม่สามารถมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แบบปกติได้อีกเลย
ญารินนิ่งไป วูบหนึ่งเธออยากสวนกลับ แต่เพียงพริบตาเดียวก็ระงับความคิดนั้นไว้ มีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“เรื่องนั้นมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ ฉันมั่นใจ คุณอคิณเป็นถึงรองประธานบริษัทคงไม่คิดจะทำร้ายพนักงานธรรมดาอย่างฉันหรอกมั้งคะ” คำพูดนั้นทำให้อคิณหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“หึ หึ แน่นอนครับ ถ้าไม่จำเป็น” ญารินหันขวับไปมองเขาอย่างตกใจ แต่อคิณเพียงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเหยียบคันเร่งรถเคลื่อนออกเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ช้า ๆ อย่างใจเย็น รอยยิ้มนั้นไม่ได้บอกชัดว่าเขากำลังล้อเล่นหรือพูดจริง และนั่นเองที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนดูเงียบสงบในช่วงเที่ยง อากาศภายในเย็นกำลังดี กลิ่นอาหารตะวันตกลอยอวลไปทั่วโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มที่จัดเตรียมไว้สำหรับสามคน
คณิณเดินนำเข้ามาก่อน พนักงานพาไปยังโต๊ะที่จองไว้พร้อมเมนูวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ ญารินนั่งลงฝั่งขวาตามคำเชิญ ส่วนภาสกรนั่งฝั่งซ้ายข้างคณิณ
ไม่กี่อึดใจ อคิณก็เดินเข้ามาสมทบในชุดสูทเรียบหรูแต่ดูสบายกว่าเมื่อเช้าเล็กน้อย พนักงานรีบขยับเก้าอี้อีกตัวมาวางถัดจากคณิณ แต่ชายหนุ่มกลับพูดขึ้นก่อนเสียงขาเก้าอี้จะหยุดสนิท
“ไม่ต้องครับ ผมนั่งฝั่งนี้ดีกว่า”
เขาพูดพลางดึงเก้าอี้จากโต๊ะด้านข้างมานั่งฝั่งเดียวกับญาริน ท่ามกลางสายตาทั้งโต๊ะที่มองมาอย่างประหลาดใจ
“นายตัวใหญ่ ฉันไม่ชอบนั่งเบียดกับนาย” เขาพูดขณะยิ้มมุมปาก สายตาเหลือบมองหญิงสาวข้างตัวที่นั่งนิ่งไปชั่วครู่
ญารินพยายามเก็บสีหน้าให้เป็นปกติ มือเรียววางลงบนตักอย่างสงบ ทั้งที่ใจกลับเต้นแรงจนแทบกลบเสียงรอบข้างไม่มิด เธอเริ่มรู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมของชายหนุ่ม
“อคิณ...นายเปลี่ยนมานั่งข้างภาสกรจะเหมาะกว่าไหม” คณิณถามย้ำ สีหน้าแปลกใจ
“ผมนั่งตรงนี้ได้ใช่ไหมครับ คุณญารินอึดอัดไหมครับ”
“เปล่าค่ะ เชิญตามสบายค่ะ”
พนักงานรับเมนูไปพร้อมคำสั่งอาหารที่คณิณเลือกไว้ก่อนหน้า ระหว่างรอ อคิณก็นั่งไขว่ห้าง เอนพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย พลางหันไปมองหญิงสาวที่พยายามจดจ่อกับโทรศัพท์มือถือ
“สั่งอะไรเพิ่มไหมครับคุณริน” เสียงทุ้มของเขาแทรกขึ้นในจังหวะเงียบ
“ไม่ค่ะ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว” เธอตอบโดยไม่เงยหน้า
“กินน้อยจัง เดี๋ยวไม่มีแรงทำงานนะครับ”
“คุณอคิณห่วงลูกน้องขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” คำพูดของเธอฟังดูสุภาพ แต่มีความเย้ยบางอย่างแฝงอยู่
“ตั้งแต่ได้ลูกน้องที่น่าสนใจแบบคุณมั้งครับ” เขายิ้มเล็กน้อย
“เอ่อ...อาหารที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องสเต๊กกับพาสต้านะครับ ผมสั่งมาให้ทุกคนลองแล้ว ส่วนของหวานคุณรินชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เสียงภาสกรที่นั่งข้าง ๆ รีบเปลี่ยนเรื่องทันที ส่วนคณิณนั้นได้แต่นั่งหัวเราะเบา ๆ
“ไม่แล้วค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบทานของหวานตอนเที่ยง เกรงว่าจะง่วงค่ะ” ญารินหันไปยิ้มบาง ๆ ให้ แต่เธอรู้ดีว่าสายตาของอคิณยังจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
อาหารทยอยมาเสิร์ฟ กลิ่นเนื้อย่างหอมกรุ่นลอยมาแตะปลายจมูก แต่ญารินกลับรู้สึกอึดอัดกับสายตาคมที่จ้องเธอไม่วาง คณิณรับรู้ถึงความผิดปกตินั้น จึงเอ่ยเตือนคนเป็นน้องชายที่กำลังเล่นสนุกจนเกินไป
"อคิณ นายกำลังทำให้คุณรินอึดอัด"
"อย่างนั้นเหรอครับ ขอโทษนะครับ อาหารมาแล้วเอ็นจอยครับ"
บรรยากาศบนโต๊ะเริ่มผ่อนคลายลงหลังอาหารจานหลักถูกเสิร์ฟครบทุกจาน เสียงมีดและส้อมกระทบจานดังแผ่วเบา สลับกับเสียงพูดคุยของโต๊ะอื่นที่ลอยมาเป็นระยะ
อคิณที่เคยกวนเธอไม่หยุดตั้งแต่ต้นกลับเงียบลงอย่างน่าประหลาด เขานั่งนิ่ง ก้มลงตัดสเต๊กในจานอย่างใจเย็น ไม่แม้แต่จะปรายตามองหญิงสาวข้างตัวอีกเลย ญารินจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมานิดหนึ่ง เหมือนได้พื้นที่หายใจของตัวเองกลับคืน
เธอหันไปสนใจกับอาหารตรงหน้าแทน กลิ่นหอมของเนื้อย่างอบอวล รสชาตินุ่มลิ้นพอดีคำ ซอสเปรี้ยวหวานกลมกล่อมจนเธอเผลอทานเพลินกว่าที่คิด
คณิณเงยหน้ามามองหญิงสาวที่กำลังทานอาหารอย่างตั้งใจแล้วหัวเราะเบา ๆ
“อาหารอร่อยใช่ไหมครับ เนื้อร้านนี้นุ่มใช้ได้ทีเดียวนะครับ”
“อร่อยจริงค่ะ” ญารินตอบพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ เธอวางส้อมลงหลังจากทานจนหมดจานโดยไม่รู้ตัว
อคิณเหลือบมองภาพนั้นเงียบ ๆ ริมฝีปากเขายกขึ้นเพียงนิดเดียวอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบช้า ๆ ไม่มีคำพูดแหย่ ไม่มีแววเย้าแหย่เหมือนเมื่อก่อนหน้า
เมื่อมื้ออาหารจบลง คณิณเรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาเป็นคนจ่ายตามที่พูดไว้
"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ค่ะ"
“ถือว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ คุณช่วยผมไว้เยอะเลย” เธอจึงได้แต่ยิ้มรับอย่างเกรงใจ ก่อนจะเก็บของเตรียมตัวกลับออฟฟิศ
ระหว่างเดินออกจากร้าน อคิณก้าวช้ากว่าเธอครึ่งก้าวเสมอ เหมือนตั้งใจจะให้เธอเดินนำ แต่ในขณะเดียวกันก็อยู่ใกล้พอจะควบคุมระยะห่างนั้นไว้ได้
ญารินพยายามไม่สนใจ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา
เสียงรองเท้าหนังของทั้งคู่ดังสะท้อนในทางเดินหน้าร้าน จังหวะนั้นเองที่ประตูอีกฝั่งเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทเข้มเดินออกมาพร้อมหญิงสาวหน้าตาสะสวย
"ไอ้คิณ" เสียงมังกรตะโกนเรียกไม่ดังมากแต่ก็ดังพอให้อคิณได้ยินและหันกลับไปตามเสียงเรียก
“ไอ้มังกร”
เท้าเล็กหยุดชะงักหันไปตามตามสัญชาตญาณ ดวงตาคมเข้มของมังกรจับจ้องอยู่ที่เธอแทนที่จะเป็นอคิณ รอยยิ้มบางจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของมังกร
"คนนี้ใคร" มังกรแกล้งเอ่ยถาม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นคือญาริน คนที่พวกเขาเจอที่ผับเมื่อคืนก่อน
"คุณญาริน เธอเป็นเลขาของพี่ชายฉัน แกมีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีฉันขอตัวก่อน ฉันมีประชุมตอนบ่าย" อคิณรีบตอบแล้วรีบตัดบท ยังไม่ทันที่มังกรจะได้ถามต่อ อคิณก็หันหลังกลับคว้านแขนเล็กเดินนำหญิงสาวไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ด้านหน้าร้านไม่ไกล ปล่อยให้มังกรยืนงงกับคำตอบอยู่อย่างนั้น
"เลขาของพี่ชายอย่างนั้นเหรอ แล้วสรุปว่าไอ้อคิณมันรู้จักกับญารินมาก่อน มิน่าล่ะคืนนั้นไอ้อคิณมันถึงนั่งแดกเหล้าเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จาอะไร"
ครืด ~ครืด ~ครืด ~
เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า นิ้วเรียวยาวกดรับสายตรงปุ่มที่พวงมาลัยด้วยความชิน สายโทรศัพท์เชื่อมต่อกับบลูทูธในรถ โดยลืมไปว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว
'ไอ้คิณ สรุปว่ามึงกับญารินเคยรู้จักกันมาก่อนหน้านั้นใช่ไหม คืนนั้นที่ผับทำไมมึงถึงไม่บอกพวกกูว่ามึงรู้จักเธอมาก่อน' อคิณรีบกดวางสายทันที แต่ก็ช้าเกินไปเพราะญารินได้ยินทุกคำชัดเจนหมดแล้ว