ตอนที่9 เหยื่อรายที่สอง
บรื๊น ~
เสียงเครื่องยนต์คำรามลั่นในรั้วบ้าน รถแล่นออกด้วยความเร็วเกินจำเป็นจนยางบดกับพื้นถนนเสียงดังเอี๊ยด เขาแทบไม่สนใจใครทั้งนั้น จนกระทั่ง...
เอี๊ยด!
เสียงเบรกกระชั้นชิดดังขึ้น เมื่อรถซูเปอร์คาร์คันหรูเกือบชนกับรถ SUV สีดำของคณิณที่แล่นสวนเข้ามา กระจกทั้งสองฝั่งลดลงเกือบพร้อมกัน
“แกจะรีบไปตายห่าที่ไหน” คณิณโพล่งขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ฉันมีธุระต้องรีบไป” น้ำเสียงของอคิณเย็นเฉียบ แต่สายตาไม่แม้แต่จะมองพี่ชายตรง ๆ
“ธุระอะไรถึงทำให้แกเหมือนหมาบ้าแบบนี้”
“ไม่ใช่เรื่องของพี่” เขาตอบสั้น ก่อนเหยียบคันเร่งทันทีที่ช่องว่างเปิด คณิณมองตามท้ายรถน้องชายที่พุ่งออกไปผ่านกระจกมองหลังด้วยสีหน้าเครียดขรึม เขาไม่รู้ว่าอคิณจะไปไหน แต่ความเร็วและท่าทีของอคิณนั้นดูรีบร้อนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ส่วนอคิณ...มือจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดขึ้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธเรื่องอะไรนักหนาที่เธอไปที่นั่น ทั้งที่เขาควรดีใจด้วยซ้ำที่มีลูกค้าเพิ่มมาหนึ่งคน
เสียงเพลงจากลำโพงสั่นสะเทือนราวกับจะกระแทกเข้าหัวใจคนฟัง
แสงไฟหลากสีสาดวูบวาบทั่วทั้งโซนวีไอพีของผับ ชายหนุ่มเจ้าของผับปรากฏตัวประตูด้านหน้าผับ การ์ดทุกคนตกใจเพราะปกติอคิณจะเข้ามาทางประตูด้านหลัง ขายาวก้าวฉับ ๆ ผ่านฝ่าฝูงชนนักท่องเที่ยวขึ้นไปยังชั้นสองของผับซึ่งเป็นห้องทำงานของชายหนุ่ม แต่ระหว่างเดินขึ้นบันไดไม่ลืมที่จะหันมามองทางเคาน์เตอร์บาร์
"นายจะให้จัดการยังไงต่อครับ" ธามไท มือขวาคนสนิทเดินตามหลังมาติด ๆ เอ่ยถามขึ้น
"ไม่ต้องทำอะไร"
คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปเปิดขึ้นและกดเข้าโฟลเดอร์บันทึกกล้องวงจรปิดของผับ บนหน้าจอกล้องวงจรปิดตรงหน้า ภาพหญิงสาวในชุดเดรสเรียบหรูสีขาวที่ช่วยให้ผิวขาวเนียนชัดเจนสะท้อนอยู่กลางจอ ญารินเธอนั่งอยู่ที่มุมบาร์กับเพื่อน แก้วค็อกเทลสีอ่อนในมือดูขัดกับบรรยากาศรอบตัวอย่างสิ้นเชิง
เธอเพียงนั่งดื่มเงียบ ๆ แต่กลับดึงสายตาทุกคู่ให้เหลียวมองเธออยู่ตลอดเวลา
อคิณนั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงาน ดวงตาคมจับจ้องจอไม่กะพริบ
ปลายนิ้วที่วางบนโต๊ะเริ่มกระทบเบา ๆ ไม่นานนักมีผู้ชายร่างสูงในเสื้อเชิ้ตดำก้าวเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์บาร์ อคิณเห็นทุกการเคลื่อนไหวผ่านจอ เห็นมืออีกฝ่ายที่ยื่นแก้วให้ เห็นรอยยิ้มบางบนริมฝีปากของญาริน และเห็นว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธ กรามเขากระตุกชัดเจน
“ไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร” เสียงต่ำลอดออกจากไรฟัน เขากำหมัดไว้แน่นจนเห็นเส้นเอ็นปูดขึ้นที่หลังมือ ลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่มุมห้องหันมามองเจ้านายด้วยสายตาไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของเขากันแน่
“ไอ้เวรเอ๊ย" อคิณสบถขึ้นอีกครั้ง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนี้
เธอเป็นใคร แค่เลขาของพี่ชาย เขาไม่มีสิทธิ์จะห้าม ไม่มีเหตุผลจะโกรธ แต่ในตอนนี้ เขากลับทำได้แค่นั่งมองจากหลังกล้อง มองผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาควรไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับกำลังหัวเสียอย่างบ้าคลั่งทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย
"นายจะให้จัดการเลยไหมครับ"
"ไม่ต้อง"
ฝ่ามือหนาคว้าแฟ้มเอกสารที่วางเรียงอยู่มุมโต๊ะมาเปิดอ่านและตวัดปลายปากกาเซนต์ ขณะที่แล็ปท็อปยังเปิดหน้าจอภาพเคลื่อนไหวค้างไว้ เหมือนทุกอย่างจะสงบลงเพราะชายหนุ่มคนนั้นเดินกลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง เหลือเพียงหญิงสาวที่นั่งดื่มกับเพื่อนเงียบ ๆ สองคนตามเดิม อคิณนั่งทำงานอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน
"ทำไมยัยนั่นยังไม่กลับอีกวะ เพื่อนก็กลับไปแล้วยังจะนั่งดื่มคนเดียวต่ออีก พรุ่งนี้ก็ต้องทำงาน จะนั่งอยู่นี่จนถึงเช้าเลยหรือไง"
"ผับเราปิดตีสองครับนาย" ลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้น แต่โดนสายตาคาดโทษของคนเป็นนายหันไปมองตาขวาง
"ขอโทษครับนาย"
ด้านล่าง
"นั่งคนเดียวเหงาแย่เลยนะครับ ผมขอนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะครับ" เพียงเวลาไม่กี่นาทีที่ลียาลุกออกจากโต๊ะ ณวัฒน์ก็ลุกจากโต๊ะของตัวเองเดินเข้าไปหาหญิงสาวทันทีที่มีโอกาส
"เชิญค่ะ" ญารินตอบรับเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มบางที่แต้มอยู่บนเรียวปาก
ชายหนุ่มตรงหน้ามีแววพอใจในแววตา เขานั่งลงข้างเธอ ก่อนสั่งเครื่องดื่มเพิ่มอีกแก้ว
ทั้งสองนั่งดื่มและสนทนากันนานพอสมควร แววตาของเขามักมองเธอคล้ายแทะโลมไร้มารยาท ส่วนญารินแม้จะยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้า แต่ใจกลับเริ่มเต้นแรงอย่างประหลาด เธอสังเกตเห็นการ์ดของผับเปลี่ยนตำแหน่งยืนเข้าใกล้เธอขึ้นทีละน้อย มันผิดปกติ…เกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ หญิงสาวจึงค่อย ๆ วางแก้วลงบนโต๊ะ เพราะบทสนทนาระหว่างเธอและณวัฒน์เริ่มไม่เป็นส่วนตัว
"ดึกมากแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องทำงานด้วยค่ะ"
"งั้นผมไปส่งนะครับ ดึกขนาดนี้กลับคนเดียวอันตราย" เขายื่นข้อเสนอแต่สายตาไม่ซ่อนความต้องการเลยสักนิด
"ขอบคุณค่ะ" เธอยิ้มบางอีกครั้ง ก่อนทั้งสองจะเดินออกจากผับไปพร้อมกัน
ภายในห้องทำงานชั้นสองของผับ ภาพจากกล้องวงจรปิดฉายชัดบนจอใหญ่ ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกอดอกมองภาพนั้นนิ่งงัน
"นายครับ เธอออกไปกับผู้ชายคนนั้นแล้วครับ นายจะให้ทำยังไงต่อครับ จะให้ตามไปไหมครับ" เสียงลูกน้องถามขึ้นเบา ๆ
"ไม่ต้อง" อคิณตอบเรียบเย็น ทว่ามือกลับกำกุญแจรถแน่นจนเส้นเลือดหลังมือปูดขึ้น
"นายจะไปไหนครับ" ไม่ถึงอึดใจต่อมา เขาลุกพรวดจากเก้าอี้
"ฉันจะกลับบ้าน" เขาตอบห้วน ทั้งที่เท้าก้าวฉับออกจากห้องไปแล้ว
ลูกน้องมองตามด้วยสายตาที่รู้ทัน ปากอย่างใจอย่างแท้จริง
รถสปอร์ตคันหรูแล่นออกจากลานจอดด้วยความเร็วไม่มากนัก
แต่เส้นทางที่เขาขับกลับไม่ใช่ทางกลับบ้าน ทว่าเป็นเส้นทางเดียวกับรถคันที่หญิงสาวนั่งอยู่
แสงไฟท้ายสีแดงที่อยู่ข้างหน้า อคิณขับตามไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น กำพวงมาลัยแน่น ดวงตาจ้องมองไปข้างหน้าไม่กะพริบ
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรถคันหน้าหักพวงมาลัยยูเทิร์นรถไปฝั่งตรงข้ามกับคอนโดหญิงสาวที่เขามาส่งเธอเมื่อตอนเย็น อคิณหักพวงมาลัยตามไปห่าง ๆ ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตจนเกินไป กระทั่งรถคันนั้นเลี้ยวเข้าไปในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ที่พักของเธอ เขาชะลอรถห่างออกเล็กน้อย มองภาพหญิงสาวกับชายแปลกหน้าเดินเคียงกันเข้าไปด้านใน
"เธอมาทำอะไรที่นี่" คอนโดหรูที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง อคิณทำได้เพียงนั่งมองทั้งสองเดินควงคู่กันเข้าไปด้านใน
"ฉันพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน ห้องเลยยังไม่ค่อยมีของอะไร คุณโอเคใช่ไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม ขณะเปิดไฟในห้องนั่งเล่นให้สว่างขึ้น ณวัฒน์กวาดตามองรอบห้อง ก่อนหันมาส่งยิ้ม
“โอเคสิครับ แค่มีคุณอยู่ด้วย ผมก็ว่าที่นี่น่าอยู่ขึ้นมาทันที”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ” ญารินแกล้งหัวเราะเบา ๆ กลบความขยะแขยงภายในใจ แต่ภายในกลับคำนวณจังหวะทุกอย่างอย่างแม่นยำ
“ไว้พรุ่งนี้ผมจะให้คนเข้ามาตกแต่งให้ คุณอยากได้แบบไหนก็บอกผมได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ คุณใจดีจริง ๆ”
“ผมยินดี...ถ้าคุณจะเป็นผู้หญิงของผม” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมแรงรั้งรอบเอว ลมหายใจอุ่นรดข้างแก้มจนผิวสั่นสะท้าน ญารินชะงักเพียงครู่ ก่อนยกมือแตะอกเขาเบา ๆ
“ยะ...หยุดก่อนค่ะ ตัวฉันเหม็นมากค่ะ ขออาบน้ำก่อนนะคะ” เธอพูดพลางถอยหนึ่งก้าว เหมือนจะกลัวแต่ก็ไม่หนีเต็มตัว ณวัฒน์ยิ้มพอใจ
“รีบหน่อยนะครับ ผมจะรอสนุกกับคุณอยู่ตรงนี้”
แกร๊ก!
เสียงประตูห้องนอนปิดลงพร้อมเสียง ของกลอนที่ถูกหมุนล็อกแน่นทันทีที่บานประตูปิดสนิท รอยยิ้มจางหายไปจากริมฝีปากของเธอในพริบตา หญิงสาวเดินตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดกระเป๋าสะพาย หยิบขวดแก้วใสขนาดเล็กที่มีของเหลวใสอยู่ในนั้นขึ้นมา เธอมองมันนิ่ง ดวงตาที่เคยอบอุ่นกลับเย็นชาราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน นิ้วเรียวเปิดฝา แล้วแตะของเหลวนั้นเพียงหยดเดียว ก่อนป้ายลงบนลำคอ ใต้กรอบหู และปลายอก กลิ่นหอมอ่อนละมุนคล้ายกลิ่นดอกไม้ป่าเจือแอลกอฮอล์จาง ๆ แผ่ซ่านในอากาศ มันคือกลิ่นที่จะทำให้ใครก็ตามที่เข้าใกล้แล้วสูดดมหรือใช้ลิ้นสัมผัสจะสูญเสียการควบคุมภายในเวลาไม่กี่นาที
‘ลียา...ฉันเริ่มแล้ว’ เธอพึมพำในลำคอ ขณะพิมพ์ข้อความส่งรายงานสั้น ๆ ไปยังโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนคว้าเสื้อคลุมบาง ๆ มาสวม กระจกสะท้อนภาพหญิงสาวที่แสนเย้ายวนอย่างตั้งใจ แต่ในแววตานั้นไม่มีความต้องการอยู่เลย มีเพียงความแน่วแน่และเยือกเย็น