ตอนที่13 ตบหน้าด้วยความสามารถ
“ทีมวิศวกรโยธาและวิศวกรธรณีเทคนิคของเราได้ทำการสำรวจและขุดเจาะหน้าดินตามความลึกของอาคารครบถ้วนแล้วใช่ไหมคะ” ญารินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทว่ามีน้ำหนักของคนที่เข้าใจเนื้องาน
“แน่นอนครับ เราดำเนินการทุกขั้นตอนเรียบร้อยก่อนออกแบบโครงสร้างและประเมินการก่อสร้างเบื้องต้น” คณิณตอบกลับอย่างมั่นใจ
“จากข้อมูลเบื้องต้น พื้นที่ตรงนั้นเป็นดินทรายหนาและดินตลิ่งคงตัว เสาเข็มและฐานรากโดยทั่วไปจะมีความยาวประมาณสิบถึงยี่สิบเมตร ดังนั้นเราควรเจาะสำรวจลึกอย่างน้อยยี่สิบถึงสามสิบเมตร และครอบคลุมพื้นที่ไม่น้อยกว่าสิบจุด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำพอสำหรับการออกแบบค่ะ” เธออธิบายอย่างชัดเจน เอกสารในมือถูกเปิดประกอบคำพูดทีละหน้า
“ครับ ตรงส่วนนี้ทีมวิศวกรของเราดำเนินการครบถ้วน ไม่มีการละเลยแน่นอนครับ”
ญารินพยักหน้าเบา ๆ ก่อนเปิดอีกเอกสารขึ้นมา
“ราคาที่เราจะนำเสนอในรอบนี้ค่อนข้างสูงกว่าคู่แข่งพอสมควร รายละเอียดในส่วนนี้เราได้ใส่คำอธิบายไว้ในไฟล์นำเสนอแล้วหรือยังคะ เพราะราคาที่คู่แข่งเสนอมา มันไม่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่จริงของลูกค้าเลย”
อืม...ดูเหมือนเราจะตกหล่นข้อมูลตรงนี้ไปจริง ๆ งั้นผมจะให้อคิณเพิ่มเติมไว้ในสไลด์ด้วย เพราะเป็นปัจจัยสำคัญเรื่องงบประมาณก่อสร้าง” คณิณเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าช้า ๆ
“คุณรินเก่งมากนะครับ มีความรู้ด้านนี้ด้วย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จากนั้นเขาหันกลับมามองหญิงสาวตรงหน้า ยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ
“ยินดีค่ะ” ญารินตอบเรียบ มือยังคงเก็บแฟ้มงานอย่างเป็นระเบียบ
ห้องประชุมชั้นสิบเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดเมื่อการประชุมโครงการใหม่เริ่มต้นขึ้นตรงเวลาเป๊ะ หน้าจอขนาดใหญ่ฉายภาพสไลด์นำเสนอของอคิณ เสียงชายหนุ่มหนักแน่น ทุ้มนุ่มแต่ทรงอำนาจทุกครั้งที่อธิบายตัวเลขและกราฟข้อมูล
“ในส่วนของงบประมาณเบื้องต้น เราได้อิงราคาวัสดุและแรงงานตามค่ากลางมาตรฐาน พร้อมเผื่อความคลาดเคลื่อนร้อยละห้าเพื่อให้การประเมินใกล้เคียงความจริงมากที่สุด” เขาพูดพลางกวาดตามองผู้ร่วมประชุมแต่ละคนที่กำลังตั้งใจฟัง คณิณนั่งพิงพนักเก้าอี้ มองผ่านจอสไลด์ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“อคิณ ผมคิดว่าเราควรเพิ่มรายละเอียดเรื่องการสำรวจหน้าดินลงไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนของข้อมูลการเจาะสำรวจและค่าความลึกเฉลี่ยของฐานราก เมื่อเช้านี้คุณญารินได้เสนอข้อมูลตรงส่วนนี้เพิ่มเติมมา ฉันเห็นว่ามันมีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าเรื่องราคามากทีเดียว” เสียงในห้องเงียบลงชั่วขณะ ทุกสายตาหันไปมองเลขาสาวที่นั่งอยู่ข้างประธานบริษัท อคิณเองก็ชะงักเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดมุ่น ขณะเหลือบมองเธออย่างประหลาดใจ
“คุณรินเสนอเหรอครับ” น้ำเสียงของเขาเรียบ แต่แฝงความสนใจชัดเจน
“ใช่" คณิณยิ้มบาง ๆ เธอเสนอให้เพิ่มข้อมูลการเจาะสำรวจดินลึก 20–30 เมตร และเพิ่มจำนวนจุดสำรวจอย่างน้อยสิบจุด เพื่อให้ข้อมูลเพียงพอสำหรับการออกแบบ นั่นช่วยอธิบายได้ว่าทำไมต้นทุนของเราสูงกว่าคู่แข่ง และยังเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลด้วย” เสียงพึมพำเบา ๆ ดังขึ้นจากฝั่งทีมวิศวกร
หนึ่งในนั้นถึงกับเอ่ยขึ้นว่า
“จริงครับ พวกเรายังไม่ได้ลงรายละเอียดจุดนี้ไว้ในไฟล์เลย เราอาจมองว่ามันไม่สำคัญ แต่จริง ๆ ข้อมูลตรงส่วนนี้สำคัญมากครับ เพราะมันชี้ชัดว่าอาคารที่เราออกแบบนั้นเหมาะสมกับลักษณะดินของลูกค้าจริง ๆ มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้ามาก” ญารินยกมือเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาตพูด
“ฉันแค่คิดว่าถ้าลูกค้าสงสัยเรื่องราคาที่แตกต่างจากคู่แข่ง เราควรมีคำอธิบายทางเทคนิคที่ชัดเจนค่ะ เพราะดินทรายหนาแบบนั้น ถ้าไม่เจาะลึกเพียงพอ ฐานรากจะทรุดในระยะยาว ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของอาคารโดยตรง” น้ำเสียงของเธอไม่ดังนัก แต่มั่นคงและหนักแน่นพอให้ทุกคนในห้องประชุมเงียบฟัง อคิณมองหญิงสาวตรงหน้า สายตานิ่งแต่แฝงประกายบางอย่างที่แม้เจ้าตัวเองก็อธิบายไม่ได้ ความทึ่ง หรือสงสัย
“งั้นเพิ่มเข้าไปในไฟล์เลยครับ” เขาตอบเรียบในที่สุด
“คุณชรินธร...ช่วยตรวจสอบข้อมูลและสรุปเนื้อหาในส่วนนี้ให้ผมด้วยนะครับ” อคิณหันไปส่งหัวหน้าแผนกวิศวกรธรณีเทคนิค
“ได้ครับ” ชรินธรตอบสั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อคิณเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาคมยังจับจ้องภาพหญิงสาวที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ เธอกำลังจดบันทึกอย่างตั้งใจ สีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยความมั่นใจในทุกคำพูดที่หลุดออกจากปากเมื่อครู่
“ขออนุญาตนะคะ” ญารินเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังชรินธรยกกราฟข้อมูลขึ้นบนจอ
“ตรงส่วนค่าความแน่นของชั้นดิน ถ้าเรานำค่าที่ได้จากการทดสอบ SPT (Standard Penetration Test การทดสอบการเจาะมาตรฐาน) มาประกอบการคำนวณด้วย จะช่วยให้เห็นภาพมากกว่านี้ค่ะ” ในห้องประชุมเงียบลงชั่วครู่ ก่อนเสียงพึมพำของทีมวิศวกรดังขึ้นตามหลัง
“คุณญารินพูดถูกนะครับ” เสียงหัวหน้าฝ่ายโยธาว่าเบา ๆ พลางก้มดูเอกสาร
“เราไม่ได้ใส่ค่าทดสอบนั้นไว้ในแบบรายงานเบื้องต้นจริง ๆ”
อคิณเหลือบมองหญิงสาวที่ยังคงอธิบายอย่างใจเย็น น้ำเสียงมั่นคง ไม่ลังเลแม้แต่น้อย คณิณหันมามองน้องชาย ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ดูเหมือนเลขาผมจะรู้เรื่องเทคนิคมากกว่าที่คิดนะครับ” คณิณพูดขึ้นขณะที่สายตามองไปทางอคิณ
“ครับ” อคิณตอบเพียงสั้น ๆ ดวงตาไม่ได้ละไปจากญารินแม้แต่นิดเดียว ความสงสัยในแววตาคมเข้มเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อการประชุมสิ้นสุด ทีมงานทยอยเก็บเอกสารและออกจากห้อง เหลือเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังเบา ๆ
“คุณญาริน” เสียงเรียกจากอคิณดังขึ้นขณะเธอกำลังจะเก็บแฟ้มเอกสาร
“คะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้น
“คุณเรียนจบด้านอะไรนะครับ” เขาถามตรง น้ำเสียงเรียบแต่แฝงความอยากรู้
“บริหารธุรกิจค่ะ หลักฐานการจบการศึกษาฉันแนบมาพร้อมกับใบสมัครแล้วนี่คะ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“แล้วทำไมคุณถึงมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องวิศวกรรมพวกนี้ครับ”
“ฉันศึกษาข้อมูลไว้ก่อนจะสมัครงานที่นี่ค่ะ เพราะคิดว่ายิ่งเรารู้รอบด้านมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการทำงานมากเท่านั้น” ญารินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบมั่น ก่อนเอียงคอน้อย ๆ พลางถามกลับ
“คุณอคิณสงสัยฉันตรงไหนอีกไหมคะ ถ้าไม่มีแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ ต้องรีบไปสรุปเนื้อหาการประชุมส่งให้คุณคณิณ” พูดจบ เธอยกยิ้มมุมปากบาง ๆ แล้วหมุนตัวสะบัดผมเบา ๆ ก่อนเปิดประตูออกจากห้องประชุมไป ทิ้งให้อคิณมองตามแผ่นหลังนั้นด้วยความรู้สึกบางอย่าง ที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน ในหัวของเขามีคำถามผุดขึ้นเต็มไปหมด เธอเป็นใครกันแน่..ญาริน
หลังจากประชุมเสร็จ ก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี คณิณจัดแฟ้มเอกสารในมือก่อนหันมามองหญิงสาวข้างตัวด้วยสายตาชื่นชม
“ไปทานข้าวกันก่อนไหมครับ ผมให้ภาสกรจองโต๊ะไว้แล้ว ถือเป็นการขอบคุณสำหรับข้อมูลที่คุณช่วยเสนอแนะวันนี้”
“ได้ค่ะ คุณคณิณเลือกที่ไหนไว้หรือคะ” ญารินพยักหน้าน้อย ๆ
“ร้านประจำไม่ไกลจากบริษัท อาหารที่ร้านก็อร่อยมากด้วยครับ" น้ำเสียงของรองประธานหนุ่มเต็มไปด้วยมิตรไมตรี จนหญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายหลังช่วงประชุมที่ตึงเครียด
ทั้งสองเดินมาถึงหน้าลิฟต์พร้อมพูดคุยกันสบาย ๆ แต่ทันใดนั้น ประตูลิฟต์ยังไม่ทันเปิด เสียงเปิดประตูจากอีกฝั่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
อคิณก้าวออกมาจากห้องทำงานของเขา ห้องที่อยู่ใกล้ลิฟต์ที่สุด และอยู่ถัดจากห้องของคณิณเพียงไม่กี่ก้าว สายตาคมเหลือบมองทั้งคู่ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ออกไปทานข้าวกันเหรอครับ ไม่คิดจะชวนผมเลยเหรอ ต้องการความเป็นส่วนตัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถ้าผมจะขอไปร่วมโต๊ะด้วยคุณรินจะติดปัญหาอะไรไหมครับ” น้ำเสียงทุ้มของเขาเรียบแต่แฝงบางอย่างที่อ่านยาก
"ยินดีค่ะ แค่ไปทานมื้อเที่ยงกันปกติไม่ได้ต้องการความเป็นส่วนตัวอะไรหรอกค่ะ" ญารินหันไปยิ้มบาง เธอตอบรับทันทีโดยไม่ต้องคิด เขาก้าวเข้ามายืนเคียงข้างเธอ ในระยะที่ชวนอึดอัด แต่เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีประตูลิฟต์ก็เปิดออก
ติ๊ง!
ญารินเดินเข้าไปด้านในสุดของลิฟต์เพื่อเว้นพื้นที่สำหรับชายหนุ่มสามคน และเธอหลีกเลี่ยงที่จะยืนใกล้อคิณ แต่เหมือนเธอยิ่งแสดงออกว่าต้องการหลบเขา เขายิ่งทำในสิ่งตรงข้ามกับเธอมากขึ้นเท่านั้น ญารินไม่อยากมีปัญหากับเรื่องเล็กน้อยเธอจึงเลือกที่เงียบไม่ตอบโต้กลับ ไม่นานลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นชั้นจอดรถของผู้บริหาร ทั้งหมดเดินไปที่รถ ญารินตั้งท่าจะเดินไปขึ้นรถของคณิณ แต่เสียงเรียบนิ่งก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อน
"ตอนบ่ายนายมีประชุมกับลูกค้าไม่ใช่เหรอ งั้นเดี๋ยวฉันเอารถฉันไป ขากลับให้เลขาของนายกลับกับฉันก็ได้ นายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาวนรถมาส่งเธอ"
"ฉันกลับแท็กซี่ก็ได้ค่ะ"
"ผมกับแท็กซี่คนไหนปลอดภัยกว่ากัน" ญารินทำหน้าไม่พอใจ แต่ต้องรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ