ตอนที่12 ทดสอบ
“ค่ะ ฉันตกใจง่าย” เธอตอบสั้น พยายามไม่สบตา
“คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ”
อคิณเดินเข้ามาช้า ๆ จนระยะห่างระหว่างคนทั้งสองเหลือเพียงไม่กี่ก้าว เสียงรองเท้าหนังของเขาดังก้องไปทั่วห้องกาแฟเงียบ ๆ
“เปล่า...แค่บังเอิญอยากดื่มกาแฟเหมือนกัน” เขาตอบเรียบ ก่อนจะเดินไปหยุดข้างเธอจนหัวไหล่ทั้งสองจะชนกัน กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเขาทำให้ญารินเผลอกลั้นหายใจ
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ” มือบางยื่นไปหยิบแก้วกาแฟของตัวเอง และหยิบขนมปังใส่จาน ตั้งท่าจะเดินหนีออกจากห้องไป
“ไม่คิดจะชงกาแฟให้ผมหน่อยเหรอครับคุณเลขา”
“คุณอคิณจะรับกาแฟอะไรดีคะ” เธอถามกลับ ขณะยกแก้วกาแฟขึ้นหลบสายตาคมคู่นั้น
“เหมือนของคุณ ผมชอบเหมือนคุณ” เขาตอบทันที เสียงต่ำและชัดเจน
เสียงทุ้มต่ำของอคิณยังคงลอยวนอยู่ในหัว ญารินไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงกาแฟ หรือหมายถึงเธอกันแน่ เธอกลืนน้ำลายเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดหัวชงใหม่อีกครั้ง เสียงเครื่องทำงานดังครืด ครืด คล้ายจะตัดความเงียบอึดอัดที่คลุ้งอยู่ในห้อง อคิณไม่ขยับไปไหน เขายืนอยู่ข้างเธอราวกับตั้งใจ
แผ่นหลังสูงใหญ่ของเขาแทบจะบดบังแสงไฟเหนือหัวไว้ครึ่งหนึ่ง
ระหว่างรอเครื่องทำงานเสร็จ ญารินไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ เธอจึงยกแก้วกาแฟของตัวขึ้นดื่ม
"ปกติคุณดื่มกาแฟเข้ม ๆ ตอนเช้าแบบนี้ทุกวัน หรือดื่มเฉพาะวันที่นอนดึก"
"อึก" เสียงกลืนกาแฟลงคออึกใหญ่ หัวใจเธอเริ่มเต้นเร็วมากขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์คาเฟอีนหรือเพราะฤทธิ์เดชของชายหนุ่มข้าง ๆ เธอตอนนี้
"ปกติก็ดื่มทุกวันค่ะ" เธอตอบเรียบ ๆ
"กาแฟของคุณค่ะ" เธอยกแก้วกาแฟให้เขาตรงหน้าอย่างระมัดระวังก่อนจะถอยหลังหนึ่งก้าวเหมือนตั้งใจจะจบการสนทนา ทว่าขณะกำลังจะหันหลังเดินกลับออกไปเสียงเรียบนิ่งก็ดังขึ้น
"ทำอะไรก็ระวังตัวด้วย คนทุกวันนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ"
กึก!
เท้าเล็กบนรองเท้าส้นสูงหยุดชะงัก แล้วเอ่ยตอบกลับเสียงเรียบนิ่ง
"ขอบคุณค่ะที่เตือน แต่ฉันค่อนข้างเป็นคนระวังตัวและมักจะรับรู้ได้เสมอถ้ามีคนกำลังคิดไม่ดีกับฉัน ขอตัวก่อนนะคะ" เธอเดินออกไปอย่างสงบนิ่ง ทิ้งเพียงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมผู้หญิง เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบ รสเข้มขมแตะปลายลิ้น ทว่าเขากลับไม่รับรู้รสชาติของมันขณะกลืนลงคอเพราะมัวแต่คิดเรื่องของเลขาสาวที่พึ่งเดินจากไป
ชายหนุ่มวางแก้วลงบนโต๊ะ เสียงกระทบดังเบา ๆ สายตาคมทอดมองบานประตูที่เธอเพิ่งเดินออกไป ริมฝีปากได้รูปขยับช้า ๆ
“เธอเก่งเกินไป...จนฉันไม่แน่ใจว่าเธอปิดบังอะไรไว้กันแน่”
ญารินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบโทรศัพท์มือถือมาพิมพ์ข้อความบางอย่างด้วยท่าทางเรียบเฉย แต่หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะจากคำพูดของอคิณเมื่อกี้ อีเมลฉบับใหม่ กำหนดผู้รับไว้ที่นิติบุคคลคอนโดที่เธอเป็นเจ้าของห้องอยู่ นิ้วเรียวเลื่อนนิ่ง ๆ ข้อความถูกพิมพ์ออกมาอย่างได้จังหวะ สั้น กระชับ และชัดเจน ไม่มีถ้อยคำฟุ่มเฟือย ไม่มีการอธิบายความรู้สึก แต่มีความด่วนและความระวังแฝงอยู่
เรื่อง : ขอสำเนาภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) – วันที่ xx/xx/xxxx เวลา 01:00–02:30 น.
ถึง : ฝ่ายนิติบุคคล คอนโด
เรียน ฝ่ายนิติฯ ที่เคารพ
ดิฉัน ญาริน (หมายเลขห้อง xx/xx) ขอความอนุเคราะห์ขอบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าคอนโด วันที่ xx/xx/xxxx ระหว่างเวลา 01:00 – 02:30 น.
เนื่องจากมีเหตุการณ์ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับบุคคลที่มีพฤติกรรมติดตามดิฉันมาบริเวณหน้าคอนโดในเวลาดังกล่าว ดิฉันต้องการตรวจสอบตัวบุคคลและหมายเลขทะเบียนรถเพื่อนำมาใช้ประกอบการระมัดระวังและยืนยันความปลอดภัยของตนเอง หากนิติฯ สามารถช่วยสำรองไฟล์ภาพหรือจัดส่งสำเนาให้ภายในวันทำการถัดไป จะเป็นพระคุณยิ่ง
หากต้องการเอกสารรับรอง หรือข้อมูลเพิ่มเติม (เช่น สำเนาบัตรประชาชน/สำเนาสัญญาถือครองกรรมสิทธิ์) กรุณาแจ้งมาที่อีเมลฉบับนี้หรือหมายเลขโทรศัพท์ xx-xxxx-xxxx ดิฉันพร้อมส่งเอกสารให้โดยด่วน
ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและความร่วมมือ
ขอแสดงความนับถือ
ญาริน
[ห้อง401] [โทร: 086-861-02xx] [อีเมล:Yarin@g*******m]
เธอตรวจทานข้อความอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนกดส่งในเวลาถัดมา จากนั้นวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ แล้วเปิดแล็ปท็อปขึ้นทำงาน แต่ดูเหมือนสมาธิยังไม่มีเต็มร้อย
“ถ้าภาพนั้นชัด พรุ่งนี้ฉันจะรู้ว่า...ต้องระวังใคร” เธอพึมพำในใจ ก่อนโฟกัสกลับที่หน้าจอ วางความกังวลเรื่องนั้นลงไปก่อน หันมาโฟกัสที่งาน เธอนั่งทำงานคนเดียวเงียบ ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง
ติ๊ด!
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของเช้าวันใหม่ ผู้บริหารหนุ่มปรากฏตัวในชุดสูทเรียบหรู สีหน้าอ่อนโยนแต่ท่วงท่าทรงอำนาจ "อ้าวคุณริน มาทำงานแต่เช้าจังเลยนะครับ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักอย่างสุภาพ เรียบแต่มีน้ำหนัก
"ค่ะ...ยังคำนวณเวลาเผื่อรถติดไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ วันนี้เลยมาเช้ากว่าปกติค่ะ” ญารินตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพเช่นเคย น้ำเสียงราบเรียบเหมือนตอนที่พูดกับอคิณเมื่อเช้า
“งั้นเหรอครับ ถ้างั้นพรุ่งนี้ตื่นสายกว่านี้หน่อยก็ได้ครับ” เขาว่าพลางยิ้มบาง
“การพักผ่อนเยอะ ๆ จะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ผมเองถ้าไม่ติดงานก็มักจะเข้านอนไว พยายามไม่เกินสี่ทุ่ม...ต่างกับอคิณ หมอนั่นนอนดึกทุกวัน เมื่อคืนก็เพิ่งกลับเข้าบ้านน่าจะราว ๆ ตีสองกว่า ๆ”
ประโยคนั้นทำให้มือของญารินชะงักกะทันหัน มือหยุดนิ่งกลางอากาศ ดวงตาคู่สวยไหววูบก่อนจะรีบก้มลงมองตัวอักษรบนจออีกครั้ง แต่อ่านไม่เข้าหัวเลยสักบรรทัด
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูดัง ทั้งญารินและคณิณหันไปตามเสียงเกือบพร้อมกัน
อคิณปรากฏตัวในชุดสูทสีเข้มเรียบหรู ใบหน้าคมเฉียบตามสไตล์ผู้บริหารหนุ่มที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองโทรมทั้งที่ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง แววตาเยือกเย็นที่ทอดผ่านเข้ามาทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปในทันที
“พอดีฉันมีเรื่องจะแจ้งนาย” เสียงทุ้มเรียบเอ่ยขึ้น ขณะก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าทั้งคู่
“วันนี้มีประชุมโครงการใหม่ ฉันอยากให้คุณญารินเข้าประชุมแทนคุณภาสกร ไหน ๆ นายก็วางตัวเธอให้ช่วยดูแลโครงการนี้แทนคุณภาสกรอยู่แล้วนี่” คณิณเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ
"แต่คุณรินพึ่งมาทำงานกับเราพึ่งจะวันที่สองเองนะ เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกัน" เขาวางแฟ้มเอกสารในมือลงบนโต๊ะ หันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนหันกลับไปยังน้องชาย
"ทำไมต้องรอ ก็ให้เธอเข้าไปเรียนรู้งานวันนี้เลยสิ"
“โครงการนี้สำคัญมากนะอคิณ เนื้อหาเยอะและละเอียดอ่อนมากด้วย โดยเฉพาะข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่ง” น้ำเสียงคณิณเรียบแต่แฝงด้วยความหนักแน่น
“เพราะมันสำคัญไง ฉันถึงให้นายพาเธอเข้าร่วมประชุมด้วย” อคิณตอบด้วยรอยยิ้มบางที่ไม่อาจเดาความหมายได้
“แต่โครงการนี้มีเนื้อหาเกือบหนึ่งร้อยหน้า คุณรินเธอน่าจะอ่านไม่ทันในวันเดียวแน่ รอให้เธออ่านรายละเอียดทั้งหมดให้เข้าใจก่อน”
ญารินที่ฟังเงียบอยู่นานเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นนิ่งและมั่นคง
“ถ้าคุณอคิณต้องการทดสอบความสามารถของฉัน ฉันก็ยินดีค่ะ” เธอกล่าวเสียงเรียบ แต่แววตาฉายความมุ่งมั่นไม่แพ้ใคร
“ถึงจะอ่านไปแค่รอบเดียว แต่ฉันมั่นใจว่าฉันจับประเด็นสำคัญได้ครบทุกส่วน และพร้อมจะทำตามคำแนะนำค่ะ” ห้องเงียบลงครู่หนึ่ง คณิณมองหญิงสาวตรงหน้า สีหน้าเธอไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย ท่ามกลางแรงกดดันจากชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่คนละฝั่งของอำนาจ
อคิณเพียงยิ้มมุมปาก มองเธออย่างพอใจบางอย่างที่ไม่อาจอ่านได้จากสีหน้า สุดท้ายคณิณถอนหายใจ
“งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน...ให้คุณญารินเข้าไปทำหน้าที่เลขาหลักของฉัน แต่คุณภาสกรจะต้องเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อช่วยดูแลเรื่องเอกสารและรายละเอียดที่ซับซ้อน”
“เอาอย่างนั้นก็ได้” อคิณตอบรับทันที ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง
“ถือว่าเป็นโอกาสดีของคุณ...สำหรับโชว์ฝีมือ”
"ขอบคุณค่ะ คุณมั่นใจได้เลยค่ะว่าฉันทำงานคุ้มเงินเดือนที่คุณจ่ายมาแน่นอน" ญารินสบตาเขานิ่ง
"ครับ ผมก็หวังเช่นนั้น" รอยยิ้มมุมปากของอคิณค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มีทั้งความท้าทายและความพึงใจแฝงอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน
อคิณเดินกลับออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พอใจกับความสำเร็จเรื่องเล็กน้อยของเขา ทำราวกับว่าเขาชนะโครงการระดับร้อยล้านพันล้าน
"คุณรินอ่านเนื้อหาจบหมดแล้วจริง ๆ เหรอครับ"
"ค่ะ ฉันอ่านจบทั้งหมดแล้ว และจดสรุปเนื้อหาสำคัญไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ฉันอยากจะเสนอความคิดเห็นสักหน่อยค่ะ"
"เสนอความคิดเห็น ยังไงครับ"