ตอนที่5 เหยื่อรายแรก
เพล้ง!
เสียงแก้วกระแทกกับโต๊ะกระจกใส ดังขึ้นทันทีที่อคิณเห็นร่างบางของหญิงสาวเดินออกจากผับ ไปพร้อมผู้ชายคนนั้น ความดังของมันเรียกสายตาของวินและกรให้หันมามอง
“มึงเป็นเชี่ยอะไรของมึงวะไอ้คิณ!” วินหันมาถามเสียงดัง หงุดหงิดอยู่แล้วที่ถูกปาดหน้าไปต่อหน้าต่อตา
สายตาคมเข้มของอคิณหันขวับไปมอง แววตานั้นดุดัน ขุ่นมัว และแฝงไปด้วยแรงอารมณ์บางอย่าง สร้างแรงกดดันให้ทุกคนในห้องเงียบกริบ กรที่นั่งมองอยู่ข้าง ๆ ยังต้องเบือนสายตาหลบ ความเงียบที่ปกคลุมภายใน มีเพียงวินที่ยังกระดกเหล้าไปด้วยบ่นไปด้วยอย่างหัวเสีย
ไม่มีใครแน่ใจว่าอคิณกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร แต่สิ่งที่แน่ใจคือความเงียบนี้อันตรายกับคนรอบข้าง หากอคิณระเบิดอารมณ์ขึ้นมาเมื่อไหร่ คงต้องมีใครสักคนเจ็บตัว
"แม่งเอ๊ย! เธอชอบคนอย่างไอ้ห่านั่นได้ยังไงวะ มีดีแค่บ้านมันรวยแค่นั้นแหละ ไม่ทำการทำงานห่าอะไรนอกจากแบมือขอเงินพ่อ" วินยังกระดกเหล้าพร้อมกับระบายไม่หยุด ทั้งที่กรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สะกิดเตือนหลายครั้ง
“เงียบปากซะที กูรำคาญ” เสียงทุ้มต่ำของอคิณเปล่งออกมาเพียงสั้น ๆ แต่หนักแน่นและเฉียบคมพอจะทำให้ทั้งโต๊ะเงียบสนิท
อคิณกำแก้วในมือแน่นจนเส้นเลือดปูด ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกทีเดียวจนหมดแก้ว กรเองก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ พลางยกแก้วขึ้นดื่มกลบเกลื่อนบรรยากาศ เพราะต่างก็รู้ดีสายตาแบบนั้นของอคิณมันยากเกินจะคาดเดาว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร
บนรถซูเปอร์คาร์คันหรู เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำขับกล่อมไปตลอดเส้นทาง ญารินเอนศีรษะพิงเบาะ แกล้งหลับสนิทตั้งแต่วินาทีที่ขึ้นรถ ดวงตาปิดลงแต่สติกลับตื่นเต็มที่ ร่างบางตั้งใจวางแผนการเล่นละครฉากนี้อย่างแนบเนียน
เตชินเหยียบคันเร่งแรงขึ้น เหมือนอยากเร่งให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว มือหนึ่งจับพวงมาลัยมั่นคง อีกข้างกลับเลื่อนไปวางบนต้นขาขาวเนียนของหญิงสาว ลูบไล้ช้า ๆ อย่างถือสิทธิ์ ราวกับเสือที่มั่นใจว่าเหยื่อชิ้นโปรดนั้นเป็นของเขาแน่นอนคืนนี้
ทว่า ญารินยังคงนั่งนิ่ง ไร้การขัดขืนแม้แต่น้อย ความเงียบของเธอกลายเป็นเชื้อไฟให้เตชินย่ามใจมากขึ้นทุกที ไม่นาน รถหยุดนิ่งที่ลานจอดส่วนตัวของคอนโดหรูใจกลางเมือง
“รินครับ ถึงแล้วครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู
“ถึงแล้วเหรอคะ” ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ เปิดขึ้นทีละน้อย ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางเหมือนเพิ่งสะลึมสะลือจากการหลับใหล น้ำเสียงแผ่วเบาทำให้ชายหนุ่มหัวเราะอย่างพอใจ
ญารินหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กติดมือ ก่อนก้าวลงจากรถพร้อมแกล้งเซเล็กน้อย ปลายส้นสูงบิดกับพื้นราวกับไม่มั่นคงพอ เตชินรีบก้าวเข้ามาประคองทันที มือหนาโอบที่เอวพาเธอแนบชิดไปกับร่างสูงโดยไม่เปิดโอกาสให้ใครมองเห็นเธอในมุมอื่น
ตั้งแต่เดินผ่านล็อบบี้ เขาไม่ปล่อยมือจากเธอแม้เพียงวินาทีเดียว กล้องหลายตัวที่ติดอยู่ทุกมุมตรงทางเข้าบันทึกทุกการเคลื่อนไหวได้ชัดเจน แต่เป็นภาพที่เจ้าหน้าที่คุ้นตา ภาพชายหนุ่มลูกชายคนเดียวของเนวิน เจ้าของบริษัทเนวิน กรุ๊ป พาผู้หญิงสวยขึ้นลิฟต์ส่วนตัวเป็นภาพที่ทุกคนคุ้นตา
ภายในลิฟต์ ความเงียบแผ่ปกคลุม ญารินยังคงรักษาบทบาทหญิงสาวเมาได้ที่ แผ่นหลังบางโน้มพิงอกแกร่งของเตชิน ปล่อยให้เขาประคองราวกับหมดแรง ขณะที่ดวงตาของเธอปิดลงซ่อนแววเจ้าเล่ห์ที่กำลังคิดคำนวณก้าวต่อไป
เมื่อประตูลิฟต์เลื่อนเปิดออก เตชินไม่รอช้า พาเธอก้าวหายเข้าไปในโถงทางเดินและผลักประตูบานใหญ่ของห้องพักเข้าไปในที่สุด
ติ๊ง!
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ระบบล็อกอัตโนมัติยังไม่ทันเงียบ เตชินก็ผลักร่างบางให้ล้มไปบนเตียงกว้างโดยไม่เสียเวลา ความต้องการที่เก็บกดมาตลอดทางพุ่งทะลักออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง เขาขึ้นคร่อมทันที ดวงตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความปรารถนาที่เดือดพล่าน
“เตชิน…เดี๋ยวก่อน” ญารินยกมือดันแผงอกแกร่งไว้ พยายามปรับลมหายใจให้สั่นระรัวตามบทที่เธอต้องการให้เขาเชื่อ
“ขอรินไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ปวดฉี่จริง ๆ”
เตชินเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจหนัก ๆ อย่างเสียอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ยอมผละออกไป
“เร็ว ๆ นะครับ ริน…ผมรอไม่ไหวแล้ว” เสียงทุ้มพร่าเจือความหิวกระหาย
หญิงสาวค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้น มือบางเอื้อมไปคว้ากระเป๋าสะพายเล็กที่วางอยู่บนเก้าอี้อย่างแนบเนียน นิ้วเรียวสอดเข้าไปคว้าขวดเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ด้านในอย่างมิดชิด ก่อนก้าวหายเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ให้เตชินทันสังเกต
ภายในห้องน้ำ ญารินยืนพิงประตู ปลายนิ้วกอบกุมขวดเล็กแน่นจนเส้นเลือดขึ้น เธอหลับตาสูดลมหายใจลึก รวบรวมสติและความกล้าที่ต้องใช้ในคืนนี้ ทุกวินาทีคือเดิมพัน เธอต้องทำให้แนบเนียนที่สุด เพื่อไม่ให้เตชินหรือใครก็ตามจับพิรุธได้
ไม่กี่อึดใจต่อมา เธอก็เดินกลับออกมา ใบหน้าซับสีแดงระเรื่อเหมือนเพิ่งล้างหน้าออกมาใหม่ ท่าทางง่วงงุนเจืออายที่เธอจงใจสร้างขึ้นดูไม่ต่างจากหญิงสาวเมามายที่ยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้คนตรงหน้า
“มาแล้วค่ะ” เสียงอ่อนหวานเจือหอบหายใจเล็กน้อย
เตชินหันกลับมาทันที รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยไม่พยายามปกปิด เขาก้าวเข้ามาคว้าข้อมือบาง กระชากร่างเธอเข้าหาตัวอย่างหิวโหย ก่อนก้มหน้าลงไซ้ซอกคอหอมกรุ่นทันที ริมฝีปากร้อนจัดกดหนักลงบนผิวกายบอบบางราวกับต้องการครอบครองทุกอณู
ริมฝีปากที่รุกรานหยุดชะงักลงในชั่วพริบตา เตชินทรุดตัวฟุบใส่บาง ร่างหนาหนักทับลงจนหญิงสาวแทบหายใจไม่ออก ญารินเบี่ยงหน้าออกทันทีด้วยท่าทีรังเกียจ มือบางยันอกเขาเต็มแรงจนอีกฝ่ายล้มฟุบลงไปกับฟูกนุ่มไร้สติ เสียงหายใจหนักเป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกว่ายาออกฤทธิ์แล้ว
ญารินสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อกดเก็บความสะอิดสะเอียนที่เอ่อขึ้นมาถึงคอหอย จากนั้นจึงรีบดำเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างเยือกเย็น
เธอจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเตชินออกทีละเม็ด แล้วทิ้งลงไปบนพื้น จากนั้นรูดเข็มขัดและกางเกงลงจนร่างกำยำเปลือยเปล่า ใบหน้าเรียวสวยเหยเกสะอิดสะเอียนกับภาพตรงหน้า มือบางรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายรูปรัว ๆ เก็บภาพทุกมุม มองเห็นใบหน้าเจ้าของห้องชัดเจน และเธอไม่ลืมที่จะถ่ายรูปมุมกว้างเพื่อให้เห็นห้องนอนของเขาชัดเจน แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นของเล่นผู้ใหญ่ที่ผู้ชายมักใช้สนองความต้องการวางอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่ม เป็นภาพที่น่าอายถ้าถูกเผยแพร่ออกไป
เมื่อมั่นใจว่าเก็บภาพทุกมุมครบถ้วน เธอหยิบหลอดเลือดสีแดงสดหลอดเล็กออกจากกระเป๋าเก็บอุณหภูมิเพื่อไม่ให้เลือดแข็งตัว หยดลงไปที่ผ้าปูที่นอน กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วห้อง ทำราวกับว่าเลือดบริสุทธิ์ ดวงตากวาดมองไปรอบห้องอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เหลือสิ่งใดผิดสังเกต ก่อนรีบผลักประตูออกมา
ติ๊ง!
เสียงของลิฟต์ดังขึ้นพอดี ญารินก้าวเข้าไปด้วยท่าทีลุกลน สวมบทหญิงสาวที่เพิ่งหนีออกจากสถานการณ์น่าหวาดกลัวได้อย่างแนบเนียน นิ้วเรียวป้อนรหัสที่เธอแอบจำได้ตั้งแต่ครั้งแรกเพียงชำเลืองมอง ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดลง กักเก็บความลับของค่ำคืนนี้เอาไว้เบื้องหลัง
เมื่อก้าวลงมาด้านล่าง แสงไฟริมถนนสะท้อนผ่านเลนส์ตา ญารินสาวเท้าออกไปอย่างเร่งรีบ ซอยถัดไปมีรถคันหนึ่งจอดรออยู่แล้ว ลียานั่งประจำตำแหน่งคนขับ ดวงตากลมโตที่จ้องมองกระจกหลังตลอดเวลาสะท้อนทั้งความเป็นห่วงและความเชื่อใจในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นร่างบางของเพื่อนสาวกำลังมุ่งตรงมาทางเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
"ทุกอย่างโอเคใช่ไหม" ทันทีที่ญารินเปิดประตูก้าวขึ้นมาบนรถ น้ำเสียงห่วงใยก็เอ่ยถามทันที
"เรียบร้อย ไปกันเถอะ"
"อืม" ลียาไม่พูดอะไรต่อ เธอเหยียบคันเร่งทันที รถเคลื่อนตัวออกจากซอยด้วยความเร็ว
"มันไม่สงสัยอะไรใช่ไหม" ลียาถามเสียงเบา สายตายังจ้องถนนตรงหน้า
"ไม่ มันคิดว่าฉันเมา" ญารินเอ่ยช้า ๆ พลางเอนตัวพิงเบาะ มองภาพเมืองยามค่ำคืนที่ค่อย ๆ ถอยห่างไปด้านหลัง ขณะที่ในมือกำลังใช้ทิชชูเปียกเช็ดทำความสะอาดไปตามเนื้อตัว
"คนแบบนั้น...ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงจะมีสมองพอจะหลอกเขาได้"
"เธอแน่ใจนะว่าภาพพวกนั้นใช้ได้แน่"
"มากพอที่จะทำลายให้มันไม่เหลือชิ้นดี ถ้าเราต้องใช้"
"แกนอนเถอะถึงคอนโดแล้วฉันจะปลุก พรุ่งนี้แกต้องไปเริ่มงานวันแรกใช่ไหม"
"อืม" ญารินพูดจบก็หลับตาลงช้า ๆ เสียงลมหายใจหนักเบาสลับกันกับเสียงเครื่องยนต์ที่เร่งขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกว่ารถกำลังวิ่งอยู่บนทางด่วน