ตอนที่2 โลกแคบ
เมื่อสัญญาณไฟรัดเข็มขัดดับลงผู้โดยสารหลายคนในชั้น First Classต่างปลดล็อกเข็มขัดและปรับที่นั่งในท่าสบาย แต่ญารินยังนั่งนิ่งหันมองออกไปนอกหน้าต่างท่าทางเหม่อลอย สายตาคมเหลือบไปมองแต่ไม่พูดอะไร
ฝ่ามือหนายื่นไปปรับเบาะให้ตั้งตรงขึ้นเล็กน้อยจากก่อนหน้าที่ปรับเอนลงหวังจะนอนพัก อคิณหยิบไอแพดขึ้นมาทำงาน สายตาคมมองหน้าจอสลับกับเหลือบมองหญิงสาวเป็นระยะ เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงพนักงานต้อนรับก็เดินมาเสิร์ฟอาหารและของว่าง รวมทั้งเครื่องดื่ม
"คุณผู้หญิงคะ จะรับเครื่องดื่มหรือขนมไหมคะ" เสียงเรียกนั้นช่วยปลุกหญิงสาวหลุดจากภวังค์ ใบหน้าเรียวสวยหันกลับมาทางเสียงเรียกพร้อมใบหน้าฝืนยิ้มเจื่อน ๆ
"ขอน้ำส้มและเค้กสักหนึ่งชิ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ"
"ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ"
หนังสือเล่มเดิมถูกหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ทันทีที่เปิดตรงหน้าที่มีที่คั่นหนังสือขึ้นมาก็ต้องแปลกใจว่าคือหน้าสุดท้ายที่เธออ่านค้างไว้คราวก่อน อดชื่นชมชายหนุ่มในใจไม่ได้จริง ๆ ว่าเขาชั่งใส่ใจรายละเอียดแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย
เรื่องเล่าจากจินตนาการของนักเขียนถูกส่งผ่านตัวอักษร ญารินค่อย ๆ กวาดสายตาอ่านทีละคำอย่างตั้งใจ ผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่าจนสายตาเริ่มล้าเธอจึงปิดหนังสือลงแล้วปิดเปลือกตาลงเพื่อพักผ่อน
เสียงประกาศจากกัปตันดังขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเครื่องบินกำลังจะแลนดิ้งลงแตะผืนแผ่นดินไทย
“ท่านผู้โดยสารทุกท่านครับ ตอนนี้เครื่องบินกำลังจะลดระดับเพื่อเตรียมลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุณาปรับเบาะนั่งให้ตรงและรัดเข็มขัดนิรภัย ขอบคุณครับ”
หนังสือเล่มเล็กวางอยู่บนตัก มือเรียวกำหนังสือแน่นจนกระดาษยับย่น
อคิณเหลือบตามอง เห็นท่าทางที่ผิดแปลกของหญิงสาว
"มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ทำไมการกลับบ้านเกิดของเธอถึงดูมีท่าทีแปลก แทนที่จะดีใจ" ความคิดนั้นยิ่งทำให้เขาเผลอมองนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว แรงสั่นเมื่อล้อแตะรันเวย์ช่วยดึงสติเขากลับมา
"ทำไมฉันต้องสนใจผู้หญิงคนนี้ด้วยนะ" เมื่อเครื่องบินจอดสนิทและไฟสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกระเป๋าในมือสาวเท้าเดินออกจากเครื่องโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย ในขณะที่ญารินยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม จนผู้โดยคนอื่นทยอยเดินลงกันไปจนหมด
"คุณผู้หญิงคะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ"
"เปล่าค่ะ" ร่างอรชรรีบลุกขึ้นและคว้ากระเป๋าใบเล็กค่อย ๆ สาวเท้าเดินออกจากเครื่อง ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าขาเรียวสวยมีอาการสั่นเล็กน้อย และฝ่ามือของเธอก็มีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย เป็นอาการของคนประหม่า ตื่นเต้น หรือรู้สึกกลัว
"ยัยรินทางนี้" หญิงสาววัยไล่เลี่ยกันกำลังยืนโบกมือเรียกอยู่ไม่ไกล ร่างอรชรรีบสาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาทันที
"คิดถึงจัง แล้วนี่แกไม่นอนเหรอทำไมหน้าซีดจัง นั่งชั้น First Class หรือนั่งชั้นประหยัดกันแน่ ถึงได้มีสภาพเหมือนคนไม่ได้นอนพักผ่อนเลย" ลียาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อน
"ฉันแค่ยังไม่ชินกับไทม์โซน" ญารินปฏิเสธกลับไป
"โอเค เข้าใจได้ ไปกันเถอะฉันจะพาแกไปกินของอร่อย ๆ" ลียาเดินนำพร้อมกับช่วยลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบ โดยมีญารินเดินตามหลังไปติด ๆ
บนรถ
"เรื่องที่ฉันให้แกสืบ คืบหน้าถึงไหนแล้ว" ญารินเริ่มบทสนทนาด้วยสีหน้าจริงจังทันทีที่ขึ้นนั่งบนรถ
"ใจเย็นก่อนยัยริน พวกนั้นไม่หายไปไหนหรอก แกพึ่งมาถึงควรพักให้หายเหนื่อยก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง"
"ฉันไม่ได้เหนื่อยอะไร"
"ไม่เหนื่อยก็ต้องพักก่อน ไปเที่ยวให้สนุกก่อน แกไม่ได้กลับมาเมืองไทยตั้ง 15 ปีเลยนะ"
"หึ 15 ปี ฉันรู้สึกเหมือนแค่ 5 วัน เหตุการณ์วันนั้นฉันยังจำได้ดีอยู่เลย" น้ำเสียงดูเย็นชาลงจนลียาต้องละสายตาจากถนนหันมามอง
"มันผ่านไปแล้วริน เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ฉันว่าแกปล่อยวางเรื่องนี้บ้างก็ดีนะ ฉันอยากเห็นแกมีความสุข" ฝ่ามือเล็กของลียายื่นมากุมมือเล็กของญาริน ออกแรงบีบเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
"ใครบอกว่าแก้ไขไม่ได้ ฉันกำลังจะแก้ไขมันด้วยตัวของฉันเอง"
"ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถเปลี่ยนใจแกได้ แต่แกรู้ใช่ไหมว่าฉันห่วงแกและฉันยืนอยู่ข้างแกเสมอ"
"ฉันรู้ แต่เรื่องนี้ฉันจัดการเองแกไม่ต้องห่วง ฉันหิวแล้วพวกเราจะไปกินข้าวร้านไหนดี ฉันอยากกินผัดไทยและส้มตำอร่อย ๆ" ญารินรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
"รีบหิวขึ้นมาเชียวนะ เปลี่ยนเรื่องไวจริง ๆ" ลียาสวนกลับทันควัน น้ำเสียงไม่จริงจังนัก
"ฮ่า ฮ่า แกรู้ทันฉันทุกเรื่อง" ญารินหัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไป
"ก็ฉันเป็นเพื่อนแก"
"ใช่ แกคือเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี"
ร้านอาหารไทย
"คนพวกนั้นจะชอบไปเที่ยวที่ผับ AK ทุกวันศุกร์หรือเสาร์" ลียาเริ่มเปิดบทสนทนาเรื่องนี้ขึ้นอีกครั้งหลังจากทั้งสองทานอาหารไปได้สักพัก
"ถ้างั้นก็พรุ่งนี้สิ"
"ฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะไปหรือเปล่าพรุ่งนี้ แกจะไปดูลาดเลาก่อนก็ได้เผื่อเจอ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน"
"ได้ งั้นคืนพรุ่งนี้เราไปที่นั่นกัน"
คืนวันศุกร์ ณ ผับ AK
เสียงเพลงดังกระหึ่มทันทีที่ก้าวเข้ามาในผับ บรรยากาศคืนวันศุกร์สุดสัปดาห์หนาแน่นไปด้วยนักท่องราตรีที่พากันออกมาดื่มผ่อนคลายหลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์ บางโต๊ะกำลังนั่งดื่มสังสรรค์ หลายโต๊ะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ขณะที่บางกลุ่มก็ลุกขึ้นเต้นตามจังหวะดนตรีอย่างเร่าร้อน
ญารินในชุดเดรสรัดรูปสั้น เผยให้เห็นเรียวขายาวสวยสมบูรณ์แบบ เดินเข้ามาพร้อมลียาที่คืนนี้ก็แต่งตัวเซ็กซี่ไม่แพ้กัน ทั้งสองดึงดูดสายตาผู้คนตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเข้ามาในแสงไฟสลัวปนหลากสี
ขาเรียวยาวเดินผ่านผู้คนเข้าไปด้านใน พวกเธอเลือกนั่งตรงโซนเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผู้คนสัญจรผ่านไปมาบ่อย โดยเฉพาะทางเดินที่มุ่งไปสู่ห้องน้ำ ทันทีที่สะโพกแนบกับเก้าอี้บาร์สูง แพขนตายาวงอนกะพริบถี่เล็กน้อยก่อนที่ดวงตากลมโตจะกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างมีเป้าหมาย
"นั่งอยู่มุมโน้น" ลียาเจอก่อนจึงพยักหน้าไปทางเป้าหมาย ญารินหันไปมองก็เจอกับชายหนุ่มที่เธอไม่เจอมาสิบห้าปีเต็ม แต่เธอยังจำเขาได้ดี
"หึ ยังเหมือนเดิม" เสียงเล็กเอ่ยขึ้น พร้อมกับหยิบแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบเบา ๆ แต่สายตายังคงโฟกัสอยู่ที่เดิม
"แล้วแกจะทำยังไงต่อ"
"ไม่ทำอะไรนี่ แค่นั่งรอให้เหยื่อมาติดกับ"
บนห้องวีไอพีชั้นสอง
"พวกมึงดูผู้หญิงสองคนนั้นสิที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์บาร์ด้านล่าง ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่" ชวินมองผ่านผนังกระจกที่สามารถมองทะลุเห็นคนด้านนอกได้แต่คนด้านนอกไม่สามารถมองเห็นคนด้านในได้
"เออสวยจริง ผู้หญิงอะไรวะทั้งสวยทั้งเซ็กซี่" ณกรพูดเสริมขึ้นหลังจากหันมองตามที่ชวินบอก
"กูอยากลงไปทำความรู้จักว่ะ กูขอตัวสักครู่นะเว้ย" ไม่พูดเปล่า วินลุกขึ้นเต็มความสูงเปิดประตูออกจากห้อง รีบสาวเท้าลงบันไดเดินตรงดิ่งไปยังหญิงสาวที่นั่งจิบวิสกี้อยู่
"นั่นมัน.." อคิณที่เงยหน้าขึ้นมองเพราะอยากรู้ว่าทำไมเพื่อนตนถึงได้ดูสนใจขนาดนั้น แต่ก็ต้องตกใจเมื่อผู้หญิงคนที่กำลังพูดถึงอยู่นั้นคือคนเดียวกับที่เจอบนเครื่องบินเมื่อวันก่อน