ตอนที่4 เหยื่อติดกับดัก
ญารินใช้เวลาในห้องน้ำพอประมาณ ไม่นานเกินไปแต่ก็ไม่เร็วจนผิดสังเกต ก่อนจะกลับมาที่เคาน์เตอร์บาร์เช่นเดิม ทันทีที่ร่างบางหย่อนสะโพกลงนั่ง สายตาคมของชายหนุ่มร่างสูงจากโต๊ะวีไอพีก็จับจ้องมาอย่างไม่ปิดบัง
หัวใจของหญิงสาวเต้นเป็นจังหวะที่เธอเองกำหนดไว้ และใช่! เป็นไปตามที่เธอคาดไว้ไม่ผิด เหยื่อคนนั้นลุกจากโต๊ะอย่างไม่รีรอ สาวเท้าเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
"เหยื่อแกกำลังจะมาติดกับแล้วยัยริน" ลียาพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน
"หึ"
"งั้นฉันไปนั่งรอที่รถนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย" พูดจบลียาก็ลุกเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ปล่อยให้ญารินนั่งอยู่คนเดียว
ญารินยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเล็กน้อย ใบหน้าสวยฉายแววเหมือนไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อยที่เขามาหยุดยืนตรงหน้า
“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนสวยนั่งดื่มอยู่คนเดียวแบบนี้” เสียงทุ้มทักขึ้น เปิดบทสนทนาอย่างคนที่คุ้นเคยกับการเป็นจุดสนใจ
ญารินวางแก้วลงบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะหันมาส่งรอยยิ้มบางที่ทั้งเย้ายวนและสุภาพในเวลาเดียวกัน
“พอดีว่าเพื่อนพึ่งกลับไปค่ะ เลยต้องนั่งคนเดียว” ประโยคตอบกลับทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มที่มุมปากเผยเสน่ห์เจ้าเล่ห์ออกมา
“แล้วถ้าผมจะขอนั่งเป็นเพื่อน จะได้ไหมครับ”
ญารินหัวเราะน้อย ๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธทันที แต่ปล่อยให้ความเงียบกับสายตาของเธอเป็นคำตอบที่ชัดเจนกว่าคำพูด
“สั่งเครื่องดื่มตามสบายเลยนะครับ วันนี้ผมขออนุญาตเป็นเจ้ามือ”
“ขอบคุณมากค่ะ ใจดีจังนะคะ” ญารินคลี่ยิ้มบาง รักษามารยาทอย่างไม่เปิดช่องให้ตีความเกินเลย แต่ก็ไม่เย็นชาเกินไป
“ครับ เพราะผมอยากรู้จักคุณมากขึ้น”
“อย่างนั้นเหรอคะ อาจจะต้องนั่งดื่มและคุยทำความรู้จักกันนานหน่อยนะคะ เพราะฉันไม่ค่อยรู้จักใครง่าย ๆ” น้ำเสียงของเธอนุ่มนวล แต่ถ้อยคำที่แฝงชั้นเชิงทำให้บทสนทนานี้ดูเหมือนเธอเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า เธอจิบเหล้าเพียงเบา ๆ แต่ยกแก้วชนกับเขาเป็นระยะ สร้างบรรยากาศให้ดูเหมือนเข้ากันได้โดยง่าย
ห้องวีไอพีด้านบน
“หึ…กูว่าไอ้นั่นปาดหน้ามึงไปแล้วล่ะไอ้วิน ดูสิ…นั่งชนแก้วกันถูกคอขนาดนั้น” กรที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ไม่วายหัวเราะในลำคอ
“แค่ชนแก้ว…มึงคิดว่ามันจะได้ใจเธอง่าย ๆ เหรอวะ” วินพ่นลมหายใจแรง พลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอึกใหญ่ ดวงตาไม่ละไปจากภาพตรงหน้า
“ก็ไม่แน่หรอกว่ะ กูเห็นรอยยิ้มของเธอแล้ว…ไอ้ผู้ชายคนนี้มันไม่ธรรมดาแน่” กรตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
อคิณที่นั่งกระดกเหล้าอยู่เงียบ ๆ เอนหลังพิงพนักโซฟาตวัดขาไขว่ห้างในท่าสบาย สายตาคมทอดมองลงไปยังโต๊ะด้านล่าง ใบหน้าเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา คล้ายเพียงกำลังตรวจความเรียบร้อยทั่วไป จนยากจะเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
"แต่กูว่าเธอไม่ได้มีท่าทีจะเล่นด้วยจริง ๆ แค่รักษามารยาทมากกว่า” กรยักไหล่
“มันก็ไม่แน่หรอก ไอ้นั่นอาจจะสเปคเธอก็ได้ โปรไฟล์ก็ไม่ธรรมดา” วินหัวเราะเบา ๆ ก่อนหันไปมองอคิณที่นั่งนิ่งเกินไป
“ว่าแต่มึงเถอะคิณ ไม่คิดจะออกความเห็นอะไรบ้างรึไง ปกติเรื่องดูผู้หญิงมึงมองขาดไม่ใช่หรือไง” อคิณเพียงยกแก้วขึ้นจิบโดยไม่รีบร้อน แววตาเรียบนิ่งยังคงทอดมองไปเบื้องล่าง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“กูไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ” เสียงเรียบตอบกลับ ดวงตาคมเข้มเย็นชาไม่แสดงอะไรให้เห็น
“หึ แต่ก็มองเธอตลอดนะ” วินสวนกลับทันควันกับท่าทีวางท่าจนน่าหมั่นไส้ของเพื่อน
อคิณเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ตอบโต้ เขาเอนหลังพิงโซฟา สายตายังคงนิ่ง ทว่าความนิ่งนั้นกลับทำให้ยิ่งน่าสงสัย ว่าแท้จริงแล้วเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
เสียงดนตรีกระหึ่มแผ่วลงเมื่อค่ำคืนล่วงเข้าสู่ช่วงดึก ญารินยังคงนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ ริมฝีปากแตะขอบแก้วเพียงเล็กน้อย รสขมของแอลกอฮอล์ไม่เคยทำให้เธอเสียจังหวะ ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม ขณะที่สายตาทุกคู่รอบข้างต่างมองเธอไม่วางตา ไม่ใช่แค่ความสวย แต่เป็นเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดให้หนุ่ม ๆ สนใจในตัวเธอ
ชายหนุ่มร่างสูงที่เข้ามาทำความรู้จักเมื่อครู่ ยังคงนั่งข้างเธอไม่ห่าง แต่ดูเหมือนเขาจะค่อย ๆ ขยับใกล้เธอทีละน้อย แต่ไม่มากพอจนทำให้ดูหยาบคาย กลับกันมันเต็มไปด้วยความเจนจัดในการเข้าหาผู้หญิง แต่ทุกเล่ห์เหลี่ยมญารินรู้ทันทั้งหมดเพียงแต่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น
“คุณริน ดื่มช้าไปหรือเปล่าครับ” เขาเอียงหน้าลงมาใกล้จนเสียงทุ้มต่ำแทบจะกระซิบข้างหู
“กลัวเมาแล้วกลับบ้านไม่ไหวเหรอครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นครับ คืนนี้ผมจะดูแลคุณเอง”
"หึ หึ" ญารินหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายหน้า ญารินยกแก้วขึ้นชนกับเขาอีกครั้ง เพียงรอยยิ้มหวาน ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบรับข้อเสนอ จนอีกฝ่ายเผยรอยยิ้มมุมปากพอใจ
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง บทสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีอะไรมากนัก มีเพียงฝ่ายเตชินที่พยายามชักชวนหญิงสาวตลอดเวลา เธอเลือกตอบเลี่ยงอย่างมีชั้นเชิง ยิ่งทำให้เตชินรู้สึกท้าทายอยากครอบครองเธอเพิ่มมากขึ้น
“ที่นี่เสียงดังไปหน่อยนะครับ คุณไม่คิดว่ามันจะดีกว่าไหมถ้าเรา…หาที่เงียบ ๆ คุยกันต่อ” เขาโน้มเข้ามากระซิบ
"ฉันว่าดีเจก็เปิดเพลงเพราะดีนะคะ ฉันอยากนั่งฟังเพลงต่อสักพัก แล้วค่อยไป…" ญารินแกล้งหยุดเพียงแค่นั้น คำพูดนั้นทำให้เขายกยิ้ม มองเธออย่างพึงพอใจ
"ครับ เชิญตามสบายเลยครับ คืนนี้ยังอีกยาวไกลสำหรับเราสองคน"
ญารินยังยกแก้วขึ้นชนกับเตชินเรื่อย ๆ จนชายหนุ่มเริ่มเมาอย่างเห็นได้ชัด
เสียงหัวเราะของกลุ่มวัยรุ่นโต๊ะใกล้เคียงดังแข่งกับจังหวะเพลง แต่สำหรับญาริน ทุกสิ่งรอบตัวไม่สามารถรบกวนสมาธิเธอได้แม้แต่น้อย เธอยังจับจ้องอยู่เพียงแก้วเครื่องดื่มในมือ และท่าทีของชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เท่านั้น ร่างสูงใหญ่โน้มเข้ามามากขึ้นทุกครั้งที่พูด เสี้ยวหน้าคมชัดนั้นอยู่ในระยะที่หากใครมองจากไกล ๆ ก็คงคิดว่าทั้งคู่สนิทสนมกันมานาน
“คุณริน ผมบอกตรง ๆ นะครับ คุณเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ ยิ่งคุยผมยิ่งอยากรู้จักให้มากขึ้น” เสียงทุ้มแฝงความต้องการ แต่ไม่กดดันอีกฝ่ายจนเกินไป
ญารินยกมุมปากขึ้นเพียงนิด แววตาฉายชัดว่ามีบางอย่างที่เธอรู้อยู่ฝ่ายเดียว
“อย่างนั้นเหรอคะ ฉันพิเศษกว่าคนอื่น..ยังไงเหรอคะ” เธอเว้นวรรค ก่อนเอียงหน้าหันไปสบตาเขาตรง ๆ
"ทุกอย่างครับ คุณเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหามาก"
"น่าค้นหา แปลว่าฉันลึกลับจนคุณอดไม่ได้ที่จะอยาก..รู้จักฉันอย่างนั้นเหรอคะ"
“หึ หึ ฟังดูอันตราย…แต่ผมว่าผมชอบนะครับ” เตชินหัวเราะเบา ๆ หยอกล้อกับความท้าทายที่หญิงสาวโยนมา
"ระวังนะคะ ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงอันตรายก็ได้" ญารินหัวเราะน้อย ๆ ในลำคอ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ท่าทีครึ่งจริงครึ่งเล่นของเธอกลับยิ่งทำให้ชายหนุ่มหลงใหล ราวกับกำลังติดกับดักที่เธอวางไว้โดยไม่ต้องใช้แรงใด ๆ
เวลาล่วงไปจนเกือบเที่ยงคืน แสงไฟในร้านเริ่มหรี่ลง บรรยากาศรอบกายเปลี่ยนเป็นโทนสลัวชวนให้เคลิบเคลิ้ม เตชินเมามากพอที่จะทำให้ท่าทีเปิดเผยขึ้น เขาเอื้อมมือมาแตะหลังมือของญารินที่วางบนเคาน์เตอร์เบา ๆ
“ผมอยากให้คืนนี้…ไม่จบแค่ที่นี่” เขาพูดช้า ๆ แววตาเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่คิดปิดบัง
“คืนนี้ยังอีกยาวค่ะ…ใครจะรู้ว่ามันจะพาเราไปถึงไหน” ญารินปรายตามองมือตัวเองที่ถูกทาบทับ ก่อนเลื่อนสายตากลับขึ้นสบตาเขา รอยยิ้มหวานบางแต้มบนเรียวปาก
คำตอบนั้นไม่ได้ผูกมัด แต่ก็ไม่ใช่การปฏิเสธ ราวกับเชื้อไฟที่เพิ่งถูกเติมเชื้อใหม่ เตชินหัวเราะเบา ๆ อย่างพอใจ เขายกแก้วสุดท้ายขึ้นชนกับเธออีกครั้ง ก่อนดื่มรวดเดียวจนหมด
ญารินเพียงจิบเบา ๆ ไม่เคยเสียการควบคุมสักวินาที ร่างบางขยับเล็กน้อยเหมือนกำลังจะลุก แต่ยังไม่รีบร้อน เธอปล่อยให้จังหวะดนตรีพาไป ให้เวลาค่อย ๆ สร้างแรงดึงดูดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด เมื่อเขาโน้มหน้ามากระซิบใกล้หูอีกครั้ง เสียงทุ้มแผ่วกลับกลายเป็นประโยคที่เหมือนคำเชิญชวนสุดท้าย
“ผมมีไวน์ดี ๆ ที่ห้อง…คุณสนใจจะไปลองด้วยกันไหม”
ญารินยกแก้ววางลงบนเคาน์เตอร์อย่างสง่างาม ดวงตาเรียบเย็นแฝงประกายบางอย่างวูบหนึ่ง ก่อนรอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ฟังดูน่าสนใจนะคะ”
เธอหันไปสบตาเขาอีกครั้ง แววตานิ่งสงบแต่กลับยิ่งทำให้เตชินรู้สึกวูบวาบราวกับถูกไฟลวก และนั่นเองคือวินาทีที่ญารินขยับตัวอย่างช้า ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ก่อนหันไปหยิบกระเป๋าถือ
เตชินรีบลุกตาม แววตาเปี่ยมด้วยความยินดีที่คิดว่าตัวเองชนะเกมนี้ได้สำเร็จ…โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายคุมเกม
"เชี่ย! แล้วไอ้วิน เธอกลับไปกับไอ้ห่านั่นแล้ว"