ตอนที่17 บางอย่างไม่ปกติ
ญารินยื่นแก้วกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จให้ชายหนุ่ม ส่วนของคณิณนั้นเธอจะชงอีกแก้วทีหลัง ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการที่สุดคือให้เขาออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ไม่อยากให้ใครเห็นความรู้สึกเธอในตอนนี้ ไม่อยากให้เขาจับได้ว่าเธอกำลังอ่อนแอ แต่เหมือนอคิณจะรู้ทันความคิดเธอ เขายังคงยืนจิบกาแฟอย่างชิล ๆ ราวกับค่อย ๆ ลิ้มรสความอร่อยอย่างตั้งใจ ไม่รีบร้อนอะไรทั้งนั้น
“ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าแดง ตาแดงแบบนี้”
“เปล่าค่ะ แค่อากาศร้อน ฉันยังไม่ชินเท่านั้นเอง” ญารินก้มหน้างุด ตอบสั้น ๆ พยายามปิดบัง
“แต่ที่นี่แอร์ 22 องศา ไม่ร้อนขนาดนั้นนะ ถึงเธอจะเพิ่งมาจากเมืองหนาว ก็ไม่น่าจะหน้าแดงแบบนี้” อคิณเลิกคิ้ว มองด้วยสายตาเรียบ ญารินพยายามรักษาสีหน้าให้ปกติแบบนี้นานต่อไป
“ฉันโอเคค่ะ…ถ้าคุณอคิณไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” ร่างบางถือแก้วกาแฟในมือ เดินผ่านหน้าชายหนุ่มไป เงยหน้าหลบสายตา แต่เขารับรู้ได้ทันที บางอย่างไม่ปกติ
ญารินปิดประตูห้องทำงานเบา ๆ ก่อนเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะทำงานของคณิณอย่างแผ่วเบา เสียงกระทบนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน คณิณสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างกับเลขาสาว จึงเอ่ยถามขึ้น
“คุณรินโอเคไหมครับ” เสียงของเขาเรียบ แต่ทุ้มต่ำพอจะทำให้หัวใจเธอสั่นวูบ รับรู้ได้ถึงความห่วงใย
“โอเคค่ะ” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามรวบรวมสมาธิให้กลับมาเป็นปกติ
“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้นะครับ”
“ค่ะ ฉันโอเคจริง ๆ ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ” คำตอบสั้น ๆ ถูกปล่อยออกมาอย่างระมัดระวัง เธอไม่กล้ามองสบตาเขานานเกินไป เพราะรู้ดีว่าแววตานั้นสามารถมองทะลุเข้าไปถึงใจเธอได้ง่ายเกินไป
เย็นวันพฤหัส
แสงแดดสุดท้ายของวันทอดผ่านกระจกใสเข้ามาในห้องทำงาน บนโต๊ะทำงานที่เรียงเอกสารอย่างเป็นระเบียบ ญารินกำลังเก็บของใส่กระเป๋า เตรียมกลับบ้านหลังจากวันทำงานที่ยาวนาน
เสียงรองเท้าหนังดังแผ่วเบา ก่อนที่คณิณจะหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะของเธอ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัวของเขาลอยแตะจมูก ญารินเงยหน้าขึ้นอย่างสุภาพ
“จะกลับแล้วเหรอครับ เตรียมข้อมูลทุกอย่างพร้อมหรือยัง พรุ่งนี้เดี๋ยวผมให้ภาสกรไปส่งคุณที่สนามบินนะครับ” น้ำเสียงอบอุ่นแต่แฝงความจริงจัง
“ค่ะ งานวันนี้เรียบร้อยหมดแล้วค่ะ พรุ่งนี้ฉันไปสนามบินเองจะสะดวกกว่าค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“เอาตามนั้นก็ได้ครับ” คณิณพยักหน้าเบา ๆ ก่อนหยิบซองหนังสีดำจากกระเป๋าเสื้อสูท แล้วยื่นให้เธอ
“นี่บัตรเครดิตของผมครับ ใช้จ่ายระหว่างเดินทางได้เลย” ญารินนิ่งไปชั่วครู่ สายตาเธอเลื่อนไปมองบัตรในมือเขา ซึ่งหน้าบัตรเป็นชื่อของคณิณชัดเจนก่อนส่ายหน้าเบา ๆ เชิงปฏิเสธ
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่สามารถรับได้ค่ะ”
“ภาสกรก็ใช้เหมือนกันครับ เลขาผมทุกคนจะมีไว้ เพราะเวลาออกไปกับลูกค้าหรือดูงาน ผมอยากให้ทุกอย่างสะดวกที่สุด” เขาวางบัตรไว้บนโต๊ะของเธอด้วยท่าทีที่ไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธ
“หวังว่าคุณรินจะใช้บัตรนี้ระหว่างที่ไปทำงานที่ภูเก็ตนะครับ” คำพูดนั้นเรียบง่ายแต่หนักแน่นพอจะทำให้ปลายนิ้วของเธอสั่น เธอก้มหน้าหลบสายตาเขา พยายามไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา
“ค่ะ... ขอบคุณค่ะ”
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” คณิณยิ้มบาง
“ค่ะ”
“สามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องผ่านคุณภาสกร”
เสียงหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น แม้ภายนอกยังคงเรียบสงบ เธอรู้ดีว่าการแสดงออกของคณิณเริ่มชัดเจนขึ้น นั่นหมายความว่าเธอกำลังก้าวเข้าสู่ขอบเขตของเขาอีกก้าวหนึ่ง
เมื่อคณิณเดินจากไป เธอมองบัตรในมือเงียบ ๆ แสงสะท้อนจากแถบเงินบนบัตรสะท้อนเข้าดวงตา
“ถ้าอยากล้างแค้น...เธอต้องใจร้ายกับบางคนและบางเรื่อง” เธอกระซิบกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเก็บบัตรใบนั้นใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง
คอนโด
ญารินเพิ่งผลักประตูคอนโดเปิดเข้ามา เสียงกริ่งลิฟต์ดังแผ่วเบาในโถงเล็ก ๆ มือหนึ่งยังถือกระเป๋าเอกสาร ส่วนอีกมือรีบล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเมื่อมีสายเรียกเข้า
“คุณอคิณ” ชื่อโชว์บนหน้าจอ
‘ค่ะ’ เธอกดรับทันทีด้วยน้ำเสียงสุภาพ
‘เราต้องเดินทางไปภูเก็ตคืนนี้’ เขาแจ้งเพียงประโยคสั้น ๆ
‘ทำไมต้องเดินทางคืนนี้คะ’ เสียงเล็กถามกลับด้วยความสงสัยถึงการเปลี่ยนแผนการเดินทางกะทันหัน
‘ลูกค้าแจ้งว่าจะเลื่อนเวลานำเสนอเร็วขึ้น’
‘ผมอยู่ด้านล่างคอนโดคุณแล้ว เราต้องถึงสนามบินก่อนหนึ่งทุ่ม’ ฝั่งปลายสายเสียงทุ้มเรียบแต่หนักแน่น
ญารินกลืนน้ำลาย กำลังพยายามประเมินสถานการณ์ในใจ
เธอไม่ได้เตรียมใจสำหรับการออกเดินทางทันทีแบบนี้ แต่ก็ดีที่เมื่อคืนเธอจัดกระเป๋าและเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“ค่ะ...ขอเวลาฉัน 30 นาที” เสียงเธอเรียบเย็น แต่ในใจยังเต้นแรง
“ผมให้เวลาคุณแค่ 20 นาที”
สายตาเธอหยุดอยู่ที่กระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ก่อนจะรวบรวมสมาธิแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ญารินเดินลงมาพร้อม ชุดฮู้ดดี้กับกางเกงวอร์มสีเทาสบาย ๆ และกระเป๋าเดินทางใบเล็ก
เกือบหนึ่งทุ่ม แสงเย็นจากฟ้าเริ่มมืดลง เงามืดทอดยาวบนพื้นคอนกรีตของลานจอดรถ ญารินก้าวลงมาจากลิฟต์ กระเป๋าเรียงตัวอยู่กับเท้าเล็ก ๆ
สายตาเธอชะงักเมื่อเห็น รถซูเปอร์คาร์จอดรออยู่ เสียงเครื่องยนต์ดับสนิท ชายหนุ่มยืนพิงประตูฝั่งคนขับ สวมชุดฮู้ดดี้กับกางเกงวอร์มสีเทาสบาย ๆ คล้ายกับชุดที่เธอสวมอยู่ ราวกับนัดกันมาก่อน และโทนสีจะเหมือนกันเป๊ะ ๆ
แสงไฟจากเสาด้านหน้าตึกสะท้อนสันกรามคม ญารินเผลอมองเขานานเกินไปเพียงเสี้ยววินาที มือเล็กกำสายกระเป๋าแน่นแสงไฟจากเสาด้านหน้าตึกสะท้อนสันกรามคม และทรงผมที่ไม่ได้เซต ปล่อยตามธรรมชาติ ดูแปลกตาจากลุคปกติทุกวัน ญารินเผลอมองเขานานเกินไปเพียงเสี้ยววินาที มือเล็กกำสายกระเป๋าแน่น
เท้าเล็กลากกระเป๋าไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ดึงสติตัวเองให้กลับมาปกติเธอเดินตรงไปยังรถซูเปอร์คาร์ที่จอดอยู่ ร่างบางเดินไปหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม
“ขึ้นรถสิ รออะไร” ฝ่ามือหนายื่นไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือเธอ วางไว้ด้านหน้ากระโปรงรถ จากนั้นเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ เปิดประตูขึ้นนั่ง ตำแหน่งคนขับ
ปั้ง!
เสียงปิดประตูรถดังปั้ง ก่อนที่เครื่องยนต์จะคำรามขึ้นอีกครั้ง แสงไฟจากหน้าปัดสะท้อนใบหน้าของทั้งคู่ในเงามืด ญารินนั่งนิ่ง มือวางบนตักอย่างเรียบร้อย สายตาจับจ้องเส้นทางเบื้องหน้าโดยไม่แม้จะหันไปมองคนข้าง ๆ
ภายในรถเงียบจนได้ยินเพียงเสียงล้อบดกับพื้นถนน และเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังเบา ๆ ในจังหวะสม่ำเสมอ แอร์ในรถเย็นฉ่ำ ดีที่เธอสวมเสื้อแขนยาว
แสงไฟริมถนนไล้ผ่านกระจกหน้ารถเป็นเส้น ๆ สลับวูบวาบบนใบหน้าทั้งคู่ บางครั้งสาดสะท้อนกระทบแหวนโลหะสีเงินที่นิ้วชี้ของเขา ทำให้ญารินเผลอเหลือบมองอีกครั้ง เห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างที่นิ่งเรียบและเงียบขรึม อคิณดูต่างออกไปจากทุกวัน ไม่เหมือนผู้บริหารเย็นชาในห้องประชุม แต่เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งในชุดสบาย ๆ
“หน้าผมมีอะไรแปลกไปงั้นเหรอ” เสียงเรียบของเขาทำลายบรรยากาศเงียบในรถ
“เอ่อ..เปล่าค่ะ” ตอบกลับเสียงติด ๆ ขัด ๆ
“ทานมื้อเย็นหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“หิวหรือเปล่า”
“ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ ถึงภูเก็ตค่อยหาอะไรทานก็ได้ค่ะ”
“ถ้างั้นก็อดทนหน่อยแล้วกัน”
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งแสงไฟสว่างของอาคารผู้โดยสารปรากฏขึ้นที่ปลายทาง ชายหนุ่มชะลอความเร็วลง ก่อนจะเลี้ยวเข้าลานจอดสนามบิน
อคิณยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อเหลือเวลาอีกไม่ถึง 20 นาทีก็จะถึงเวลาที่แสดงบนบอร์ดดิ้งพาส แต่ดีที่เขาให้ธีรภัทรเช็กอินออนไลน์เรียบร้อย เพียงแค่ตรวจกระเป๋าก็เดินเข้าเกตได้เลย
Final call!
เสียงประกาศดังแว่วพร้อมข้อความสถานะเที่ยวบินบนบอร์ดที่ติดอยู่ข้างผนังทางเดิน
“รีบหน่อย เดี๋ยวเกตปิดก่อน” เขาคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือเธอไปลากเอง ก่อนเร่งฝีเท้าเดินนำไปยังเกต A6 ที่อยู่ไม่ไกล ญารินต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามทันที
มื่อยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ทั้งคู่ก็สามารถผ่านเข้าไปได้ทันก่อนปิดเกต อคิณและญารินเดินไปยังโซนด้านหน้า ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบิน
เครื่องทะยานขึ้นอย่างราบรื่น และเมื่อสัญญาณคาดเข็มขัดดับลง เขาหันมาทางเธอ
“ถ้าหิวก็สั่งอาหารมาทานก่อนได้เลย” อคิณหันไปบอกหญิงสาวเมื่อเครื่องเทคอ็อฟและสัญญาณคาดเข็มขัดดับลง
“ไม่เป็นไรค่ะ บินแค่ชั่วโมงเดียว ฉันยังไม่หิวเท่าไหร่”
เขาเพียงพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วหันสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่ญารินนั่งนิ่ง มองเส้นแสงของเมืองด้านล่างที่ค่อย ๆ จางหายไปในความมืด ความเงียบในห้องโดยสาร ญารินเริ่มสับสนกับท่าทีของอคิณ “เขาก็มีมุมอ่อนโยนเหมือนพี่ชายเขาอยู่นะ พี่น้องสองคนนี้รับมือยากจริง ๆ”