ตอนที่11 ต่างคนต่างค้นหาคำตอบ

1594 Words
ตอนที่11 ต่างคนต่างค้นหาคำตอบ ญารินรีบเดินเข้าไปในตัวอาคารโดยไม่เหลียวหลังสักนิด ท่าทีดูเรียบนิ่ง ไม่แสดงอาการร้อนรน เห็นอย่างนั้นอคิณยิ่งจินตนาการถึงช่วงเวลาที่เธอหายไปกับณวัฒน์ ไฟท้ายของรถคันลึกลับสว่างวูบ ก่อนพุ่งออกไปด้วยความเร็ว ดูจากลักษณะการขับรถยิ่งทำให้อคิณค่อนข้างมั่นใจว่าคนในรถคันดังกล่าวนั้นคือผู้ชาย อคิณกำพวงมาลัยแน่นเร่งเครื่องตามไป ดูเหมือนรถคันหน้าจะรู้ตัวหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยเล็ก อคิณเกือบจะตามไปแล้วด้วยสัญชาตญาณล้วน ๆ แต่สายตาเหลือบไปเห็นตัวเลขบนหน้าปัดรถ 01:47 น. เขาหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึก พรุ่งนี้เช้าเขามีประชุมใหญ่ที่สำคัญ เขาทุบมือเบา ๆ ไปยังพวงมาลัยอย่างหัวเสีย “ให้ตายเถอะ…ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย” ท้ายที่สุด เขาต้องหมุนพวงมาลัยกลับรถไปตามถนนที่คุ้นเคย เพื่อกลับบ้านของตัวเอง แต่เรื่องของญารินกับชายคนนั้นกับเวลาครึ่งชั่วโมงยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด “เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง สรุปเธอหายไปทำอะไรกันแน่ “แล้วคนในรถนั้นเป็นใคร ทำไมต้องจอดรถทำตัวน่าสงสัย” ทุกคำถามยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เลือดสูบฉีดแรงขึ้นในอก “เธอต้องมีอะไรปิดบังฉันอยู่ ญาริน…” แต่ในแววตามีความหงุดหงิดและความอยากรู้ ทั้ง ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แม้กระทั่งจอดรถเข้าบ้านแล้ว เธอก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา ภาพหญิงสาวผู้สงบเย็นชาแต่ซ่อนความลับไว้จนแทบมองไม่ทะลุ ยิ่งเธอปิดบัง เขาก็ยิ่งอยากเปิดโปง คืนนี้…เขานอนหลับตาได้ไม่นาน ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงนาฬิกาปลุก พร้อมชื่อแรกที่ผุดขึ้นในหัว “ญาริน” ทางด้านญาริน ‘มีเรื่องอะไรถึงโทรหาฉันแต่เช้า ปกติคุณหนูลียาไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้นี่คะ’ ญารินแกล้งประชดปลายสายน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ‘เมื่อคืนมีรถขับตามฉันมา ตอนออกจากคอนโดเธอ แต่ฉันคิดว่าเขาอาจจะตามเราตั้งแต่ออกจากคอนโดนั่นแล้ว’ น้ำเสียงลียาดูจริงจัง ญารินได้ฟังถึงกลับคิ้วขมวดเข้าหากันทันที ‘แกคิดว่าใคร คนของณวัฒน์เหรอ’ ‘ฉันคิดว่าไม่ใช่ ถ้าคนของณวัฒน์พวกมันต้องขึ้นไปช่วยเจ้านายมันแล้ว แต่นี่กลับมาสะกดรอยตามเรา’ ‘แล้วจะเป็นใคร ทำไมเขาถึงมาสะกดรอยตามพวกเรา แกรู้ไหมว่าเขาขับรถยี่ห้ออะไร’ ญารินเริ่มทำตัวเป็นนักสืบ โดยเริ่มจากยี่ห้อรถที่เธอพอจะแยกกลุ่มบุคคลออกได้ง่าย ‘น่าจะเป็นรถซูเปอร์คาร์’ ลียาเองก็ย้อนดูกล้องหลังที่บันทึกเหตุการณ์ตั้งแต่ออกจากผับจนถึงตอนที่เธอหักเลี้ยวหลบหนี จึงมั่นใจว่าไม่ใช่คนของณวัฒน์อย่างแน่นอน ‘สีอะไร’ ‘สีดำ’ ‘เธอจำทะเบียนรถได้ไหม’ ‘มันมองไม่เห็น ฉันพยายามย้อนดูกล้องหลายรอบแล้ว รถคันนั้นค่อนข้างขับเว้นระยะห่างพอสมควร’ ‘ฉันคิดว่าไม่น่าใช่คนของณวัฒน์ แต่ฉันขอเวลาขอเช็กกล้องวงจรปิดหน้าคอนโดฉันก่อน แล้วจะส่งให้แกดูอีกทีว่าใช่คันเดียวกันไหม ช่วงนี้แกก็ระวังตัวด้วย อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว’ ‘ฉันระวังตัวเองตลอด ฉันมีบอดี้การ์ดคอยดูแลตลอด บอกตัวเธอเองเถอะค่ะคุณญาริน อย่าลืมนะคะว่าคุณเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่ได้มีพลังวิเศษ’ ‘ฉันรู้แล้วน่า จะระวังตัว แค่นี้นะฉันต้องรีบไปอาบน้ำเดี๋ยวจะไปทำงานสาย’ ‘จ้า แม่เลขาสาวผู้ขยัน’ หลังจากนั้นทั้งสองก็วางสายกันไป ออฟฟิศตอนเช้า บรรยากาศในบริษัทยังคงเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่ก้าวไปตามทางเดิน ญารินมาทำงานเช้ากว่าปกติในวันนั้น เช้ากว่าจนแม้แต่เลขาหน้าห้องของประธานยังมาไม่ถึง แสงแดดยามเช้าสาดลอดผ่านกระจกเข้ามาในโถงสำนักงาน แต่ภายในชั้นยังคงมีเพียงเธอเพียงคนเดียว “เงียบ ๆ แบบนี้ก็ดี จะได้มีสมาธิ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะแตะคีย์การ์ดเปิดประตูห้องทำงาน แกร๊ก! ทันทีที่ประตูเปิดออก เสียงฝีเท้าเธอหยุดชะงักในเสี้ยววินาที หัวใจเต้นโครมอย่างไม่ทันตั้งตัว ใครบางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำของเธอ หลังหันให้ แต่รูปร่างสูงโปร่งและไหล่กว้างนั้น เธอจำได้ดีโดยไม่ต้องเห็นหน้า “คุณอคิณ มาทำอะไรแต่เช้าคะ” ญารินยืนนิ่งอยู่กับที่ ปลายนิ้วที่จับกระเป๋าสั่นไหวเล็กน้อย ชายหนุ่มค่อย ๆ หมุนเก้าอี้กลับมาช้า ๆ จนสายตาทั้งสองสบกันตรง ๆ แววตาคมเข้มใต้กรอบหน้าเรียบนิ่งนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันจนหญิงสาวเผลอกลืนน้ำลายลงคอ “ผมควรถามคำนี้กับคุณมากกว่า...ว่าคุณญารินมาทำอะไรแต่เช้าขนาดนี้” เสียงทุ้มต่ำเยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่เธอฟังแล้วรู้สึกเหมือนถูกจับผิด หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกยิ้มบางตามมารยาท “ฉันยังเผื่อเวลาเดินทางไม่ถูกค่ะ ฉันกลัวรถติดเลยรีบมาแต่เช้า” ญารินสูดลมหายใจเข้าแผ่วเบา พยายามไม่ให้เสียงหัวใจดังกลบห้องเงียบ “แล้วทำไมต้องดูตกใจขนาดนั้นตอนเห็นผม” อคิณพิงแผ่นหลังกับพนักเก้าอี้ของเธอ มองเธอด้วยสายตานิ่งลึก “ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่ เพราะห้องนี้ไม่ใช่ห้องทำงานของคุณ” “อย่างนั้นเหรอครับ” เขาไม่เพียงแค่ตอบกลับ แต่ขยับสายตาไล่จากใบหน้าของเธอลงไปถึงปลายนิ้วที่กำแน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อคืน...คุณนอนดึกเหรอครับ หรือว่านอนไม่หลับเพราะยังปรับเวลายังไม่ได้” คำพูดนั้นเหมือนกระสุนที่พุ่งตรงเข้ากลางใจ ดวงตาของญารินเบิกขึ้นเพียงนิด แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉยทันที “นิดหน่อยค่ะ แต่ฉันโอเค ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ” “อย่าเครียดมากนะครับ ออกไปเที่ยวผ่อนคลายบ้าง ผมมีผับแนะนำแถวxxx ที่นี่มีการ์ดดูแลความปลอดภัยตลอด เผื่อคุณสนใจ” เขายกมุมปากขึ้นน้อย ๆ แต่ในแววตาไม่มีรอยยิ้มเลย ความเงียบแผ่วลงในห้องทำงาน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองที่ดังพอจะได้ยิน ญารินยืนนิ่งอยู่หน้าประตู สบตากับชายหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเธออย่างถือสิทธิ์ บรรยากาศอึดอัดจนแทบจะกลืนอากาศไม่ลง “ขอบคุณที่แนะนำค่ะ ฉันขอเก้าอี้ของฉันคืนได้ไหมคะ” น้ำเสียงเธอนิ่ง เรียบ แต่มีความเยือกเย็นสู้กลับ “หึ หึ เชิญครับ” อคิณหัวเราะในลำคอเบา ๆ เขาลุกขึ้นช้า ๆ ก่อนเดินเฉียดตัวเธอไป โดยจงใจให้ช่วงไหล่ทั้งสองเกือบแตะกัน “งั้นทำงานให้เต็มที่ล่ะกัน คุณเลขาญาริน” เสียงทุ้มกระซิบใกล้หู ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้อง ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ และความรู้สึกบางอย่างที่หญิงสาวไม่สามารถอธิบายได้ “บ้าชะมัด!” เธอสบถด่าออกมาอย่างหัวเสีย เธอลืมตาตื่นขึ้นมายังไม่ถึงสองชั่วโมงก็มีเรื่องเข้ามากวนใจเธอแล้วถึงสองเรื่อง ไม่อยากคิดเลยว่าวันนี้จะเจอเรื่องอะไรบ้าง ญารินพยายามสูดลมหายใจเข้า-ออกช้า ๆ หลังเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ความรู้สึกวูบวาบในอกกลับไม่หายไปเลย เธอพยายามนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ อ่านเนื้อหาโครงการอย่างตั้งใจ แต่ดูเหมือนเธอไม่มีสมาธิเอาเสียเลย “ให้ตายสิ…ทำไมต้องมาเจอคนแบบนั้นแต่เช้า” เสียงพึมพำเบา ๆ หลุดออกจากริมฝีปาก หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างหงุดหงิด สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจเดินไปยังห้องชงกาแฟเล็ก ๆ ที่อยู่ปลายทางเดิน ห้องนั้นเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศกับแสงไฟนวลอุ่น ญารินวางแก้วกระดาษลงใต้หัวชง กดปุ่ม เสียงเครื่องทำงานดังครืดเบา ๆ เธอหยิบขนมปังสองแผ่นออกมาทาเนยอย่างใจลอย ก่อนเสียบลงเครื่องปิ้ง กลิ่นหอมของกาแฟเริ่มฟุ้งไปทั่วห้อง หญิงสาวยืนพิงเคาน์เตอร์ สูดลมหายใจลึก เหม่อมองไอร้อนที่ลอยขึ้นจากหัวชง กลิ่นหอมของกาแฟกลับทำให้เธอรู้สึกสงบลงได้ชั่วครู่ จนกระทั่ง.. แกร๊ก! เสียงประตูเปิดดังขึ้นในจังหวะที่เครื่องปิ้งขนมปังเด้ง “แกร๊ง” พร้อมกันพอดี ญารินสะดุ้งเฮือก หันขวับไปทางประตู หัวใจเหมือนหยุดเต้นไปชั่ววินาที “คุณ...!” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย อคิณยืนอยู่ตรงนั้น ในชุดสูทเรียบหรูแต่ไม่มีเนกไท สอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง แววตาคมนิ่งจ้องมาที่เธอโดยไม่หลบ “ดูเหมือนว่าคุณเลขาจะขวัญอ่อนจังเลยนะ” เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แต่ในโทนเสียงนั้นมีความนิ่งเกินปกติจนรู้สึกได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD