ตอนที่6 เจอกันอย่างเป็นทางการ
เช้าวันจันทร์
อาคารกระจกสูงตระหง่านของ ONE Group สะท้อนแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ญารินยืนอยู่หน้าประตูชั้นผู้บริหาร สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเช่นทุกครั้งที่ต้องสวมหน้ากากในสนามใหม่
"เชิญครับ คุณญาริน"
หัวหน้าแผนกทรัพยากรบุคคลเป็นคนพาเธอมาส่งถึงหน้าห้องทำงานของประธานบริษัทด้วยตัวเอง
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง ก่อนประตูบานใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นห้องทำงานตกแต่งเป็นสัดส่วนแต่เรียบหรู เบื้องหลังโต๊ะทำงานคือชายหนุ่มร่างสูงในสูทสีดำ "คณิณ" ประธานหนุ่มที่ได้ชื่อว่าทั้งเฉียบคมและสุขุม เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง
"สวัสดีค่ะ ดิฉันญารินค่ะ"
น้ำเสียงของเธอนุ่มและดูมั่นใจในเวลาเดียวกัน ขณะยกมือไหว้อย่างสุภาพ คณิณเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้า แววตาอบอุ่นแบบคนมีวุฒิภาวะจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าเพียงครู่ก่อนพยักหน้ายิ้ม
"เชิญนั่งก่อนครับ คุณญาริน ผมได้อ่านประวัติคุณแล้ว น่าสนใจทีเดียว วันนั้นเรามีโอกาสได้คุยกันแค่ไม่กี่นาที แต่ผมก็มั่นใจว่าผมเลือกคนไม่ผิด" แต่ก่อนที่ญารินจะได้ขยับเก้าอี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหน้าประตู
"นี่เหรอเลขาคนใหม่ของนาย" น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความเย็นชา ทำให้เธอหันไปตามเสียงนั้นโดยอัตโนมัติ
ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นถึงข้อศอก ร่างสูงเดินผ่านหน้าเธอไปหย่อนสะโพกลงบนโซฟา "อคิณ" รองประธานบริษัท และน้องชายของคณิณ
แววตาคมเข้มของเขาจับจ้องมายังเธออย่างประเมิน ไม่มีคำยินดี ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม เพียงแค่ความนิ่งเรียบที่เย็นชาจนสัมผัสได้ ญารินชะงักเพียงเสี้ยววินาที ก่อนยกยิ้มบางอย่างคนที่รู้วิธีรับมืออย่างเหมาะสม
"สวัสดีค่ะ คุณอคิณ" เธออ่านประวัติของเขามาก่อนหน้านั้นแล้ว จึงไม่แปลกที่เธอจะรู้จักชื่อเขา
“บังเอิญจัง…โลกมันกลมกว่าที่คิดนะครับ” ชายหนุ่มวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะเสียงเบาแต่ชัดเจน ดวงตาคมยังคงจับจ้องเธอไม่วาง
"นายเคยเจอเธอมาก่อนเหรอ" คณิณเลิกคิ้วเล็กน้อย มองสลับระหว่างทั้งคู่
"ไม่ค่ะ" ญารินตอบเสียงเรียบนิ่ง น้ำเสียงสงบจนน่าประหลาดใจ เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าอคิณอีกครั้ง ราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนั้น คณิณพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันกลับมาพูดกับเธอต่อ
"คุณญาริน งานของคุณจะเกี่ยวข้องกับการดูแลเอกสาร ประชุม วางแผนตารางงานให้ผม และบางครั้งอาจต้องประสานงานกับอคิณโดยตรง เพราะฝ่ายบริหารบางส่วนต้องทำงานร่วมกัน ส่วนงานอื่น ๆ จะมีเลขาของผมอีกคนรับผิดชอบในส่วนนั้น เข้าใจนะครับ"
"ค่ะ ดิฉันเข้าใจดีค่ะ" เธอตอบรับด้วยท่าทีมั่นคง ดวงตาสงบนิ่ง ขณะที่เธอเริ่มพูดถึงรายละเอียดงาน
คณิณเริ่มอธิบายขั้นตอนการทำงานและโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว ญารินตั้งใจฟังทุกคำ สอบถามรายละเอียดอย่างมืออาชีพ จดโน้ตอย่างเป็นระบบ เธอรู้สึกได้ถึงสายตาอีกคู่ที่ยังจับจ้องเธอตลอดเวลา
เวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง อคิณยังคงนั่งอยู่ในห้อง ไม่พูด ไม่ลุกออกไป ทั้งที่งานของเขามีอยู่เต็มโต๊ะซึ่งอยู่ห้องถัดไป ญารินยังคงทำหน้าที่ของเธอต่อไปอย่างตั้งใจ ไม่แม้แต่จะหันหน้ามองอีกคนที่อยู่ในห้อง
ญารินนั่งฟังรายละเอียดงานจากคณิณจนจบ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองซึ่งตั้งอยู่ถัดจากโต๊ะของประธานเพียงไม่กี่ก้าว เธอวางกระเป๋าลงข้างเก้าอี้ หย่อนสะโพกนั่งลงอย่างเรียบสง่า เปิดแล็ปท็อปที่ถูกเตรียมไว้ให้แล้วเริ่มสำรวจอีเมลภายในองค์กรอย่างไม่รีบร้อน
"รายละเอียดงานทั้งหมดที่คุณต้องทำความเข้าใจ ผมส่งไฟล์ให้คุณแล้วนะครับ" น้ำเสียงของคณิณอบอุ่นและเป็นมิตรตามแบบฉบับคนที่รู้จักใช้คำพูดกับลูกน้อง
"วันนี้ไม่ต้องกดดันมาก ศึกษารายละเอียดไปก่อนก็พอครับ"
"ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ" ญารินเงยหน้าขึ้นตอบด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะก้มลงเปิดไฟล์เอกสารในจออีกครั้ง
เธอไม่เหลียวมองไปทางอีกฟากของห้องเลย ทั้งที่รู้ดีว่ามีใครบางคนยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น อคิณเอนตัวพิงพนักโซฟา แขนพาดพนักด้านข้างอย่างคนที่ไม่มีความคิดจะออกไปไหน ดวงตาคมจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวตรงหน้าโดยไม่ปิดบังสายตา เธอทำเหมือนไม่รู้ว่ากำลังถูกมอง สายตาทั้งคู่ยังจดจ้องอยู่กับเนื้อหาในหน้าจอ ไม่แม้แต่จะละสายตาออกจากตรงนั้น
คณิณเดินไปหยิบเอกสารอีกชุดที่ปลายโต๊ะ เสียงพลิกกระดาษแทรกขึ้นเบา ๆ ในห้องที่เงียบเกินไป อคิณมองตามการเคลื่อนไหวของพี่ชายครู่หนึ่ง ก่อนสายตาคมจะหันกลับมาที่เลขาคนใหม่อีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจนัก แต่ก็ไม่อาจละไปได้
“เลขาคนใหม่ของพี่ดูตั้งใจและขยันดีนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นราวกับพูดลอย ๆ แต่ชัดพอให้ทั้งห้องได้ยิน ญารินยังคงก้มหน้ามองหน้าจอ คณิณเหลือบมองน้องชายแล้วหัวเราะในลำคอ
“ฉันก็คิดอย่างนั้น”
“แต่เราก็ไม่สามารถตัดสินได้แค่วันสองวัน เพราะสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้” คำพูดนั้นเจือรอยเย็นชาเพียงน้อยนิด แต่พอให้บรรยากาศในห้องชะงักไปชั่วขณะ
“แกพูดเหมือนรู้จักเธอดีนะ ใช่เราไม่ควรตัดสินใครเพียงแค่วันสองวัน” คณิณหันไปมองน้องชายด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาตำหนิน้องชายเล็กน้อย
“พี่คิดได้แบบนั้นก็ดีครับ” อคิณตอบเรียบ ไม่หลบสายตา ญารินเงยหน้าขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดเสียงเรียบโดยไม่หันไปมองเขา
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มความสามารถที่ฉันมี คุณอคิณไม่ต้องเป็นกังวลหรอกนะคะ คุณลืมไปหรือเปล่าคะว่าฉันอยู่ในช่วงทดลองงานสามเดือน ถ้าฉันทำงานไม่เข้าตาคุณคณิณ ฉันก็แค่ไม่ผ่านทดลองงานแค่นั้นค่ะ” อคิณเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ส่วนคณิณหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ อคิณหยิบแก้วกาแฟที่เย็นเฉียบขึ้นจิบเล็กน้อย ราวกับกำลังกลืนคำพูดของเธอไปพร้อมรสขมของกาแฟ เวลาผ่านไปทีละนาที บรรยากาศในห้องเงียบกว่าที่ควรเป็น
"แกไม่มีงานทำหรือไง มานั่งจ้องเลขาฉันอยู่ได้"
"ไม่มี ฉันเคลียร์งานของฉันหมดแล้ว"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณอคิณครับ เอกสารด่วนที่ต้องเซนต์ครับ" ยังไม่ทันสิ้นเสียง ธีรภัทร เลขาคนสนิทของอคิณก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือถึงสี่ห้าแฟ้ม ซึ่งขัดกับคำพูดก่อนหน้านี้ของเจ้านายเขาอย่างสิ้นเชิง
"หึ ไหนบอกเคลียร์เสร็จหมดแล้ว ปกติแกไม่เคยทำงานบกพร่องขนาดนี้นี่ เมื่อคืนเคลียร์งานที่ผับดึกหรือไง เช้านี้ถึงได้ดูเบลอ ๆ" คณิณเลิกคิ้วถาม เสียงเรียบแต่แฝงแววประชด
"เอกสารน่าส่งถึงผมเมื่อเช้า" เขาพูดเรียบ ๆ มีเพียงรอยยกมุมปากบางเฉียบที่แทบดูไม่ออกว่าเป็นรอยยิ้มหรือรอยเยาะ
“ไม่ครับ เอกสารพวกนี้ตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว” ธีรภัทรตอบตรงไปตรงมาโดยไม่อ้อมค้อม
“คุณอคิณแจ้งว่าจะรีบมาเซ็นตอนเช้านี้ แต่ผมรออยู่ที่ห้องนานแล้วไม่เห็นมา จึงต้องนำมาส่งให้ถึงนี่ครับ” ธีรภัทรเลขาคนสนิทเอ่ยขึ้นอย่างไม่รักษาหน้าคนเป็นนายแม้แต่น้อย
ห้องทำงานเงียบชั่วขณะ ก่อนที่คณิณจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ
"เมื่อคืนคงเคลียร์งานที่ผับดึกจริง ๆ สินะ" เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ แต่ทุกคนในห้องรู้ดีว่าคำพูดนั้นไม่ใช่ความห่วงใยเลยสักนิด
"พี่มีประชุมไม่ใช่เหรอ รีบไปสิครับเดี๋ยวสายนะครับ" อคิณสวนกลับเสียงเรียบ ดวงตาคมตวัดขึ้นสบอย่างไม่หลบเลี่ยง
"เอาไป" เขาตวัดปลายปากกาเซ็นเอกสารรวดเดียวจนจบ ก่อนส่งคืนให้เลขาคนสนิทอย่างไม่เหลือความอ่อนโยนแม้แต่น้อย คณิณถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันไปพูดกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกล
"คุณญารินมีอะไรสงสัยจดไว้ก่อนนะครับ ผมไปประชุมไม่น่าเกินสอง ชั่วโมง"
"ไม่ต้องห่วงครับ" อคิณพูดแทรกขึ้นทันที
"ถ้าเธอสงสัยตรงไหนผมช่วยสอนเธอเอง" น้ำเสียงนิ่ง แต่แฝงความหมายบางอย่างที่ทำให้ญารินเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนเบือนกลับไปที่หน้าจอ
“นายครับ ยังมีเอกสารอีกหลายแฟ้มที่ต้องเซ็น วางอยู่บนโต๊ะครับ” ธีรภัทรยังคงเอ่ยรายงานต่อ
“ก็ไปหยิบมาสิ จะยืนบื้ออยู่ทำไม” อคิณเหลือบตาขึ้นมอง
"ฉันฝากดูแลเลขาของฉันด้วย หวังว่าแกจะไม่แกล้งอะไรเธอนะ ถ้าฉันรู้ฉันเอาแกตายแน่" คณิณแกล้งขู่ไม่จริงจังนัก ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงญารินและอคิณแค่สองคนเท่านั้น