ตอนที่18 เริ่มเกม
สนามบินนานาชาติภูเก็ต คลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เสียงล้อกระเป๋าเดินทางเสียดสีกับพื้นหินเงาวับดังสลับกับเสียงประกาศเที่ยวบิน ญารินเดินเคียงข้างอคิณอย่างเงียบงัน ท่ามกลางแสงไฟขาวนวลที่สะท้อนจากเพดานสูงโปร่ง
ตรงหน้า มีชายวัยห้าสิบต้น ๆ ยืนรออยู่กำลังมองมาที่พวกเขาสองคน เมื่อเดินไปถึงเขาก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนรับกระเป๋าเดินทางจากมืออคิณ
“เอาไปเก็บที่โรงแรมก่อน” เสียงเรียบออกคำสั่ง
"กุญแจรถครับ รถจอดอยู่ด้านนี้ครับ"
รถสปอร์ตสีดำมันวาวจอดอยู่ไม่ไกล อคิณเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับ ก้าวขึ้นรถโดยไม่เอ่ยบอกอะไรเธอสักคำ
“ขึ้นรถ” น้ำเสียงตะโกนเรียกเมื่อเธอยังยืนอยู่ที่เดิมไม่มีทีท่าจะขึ้นตามเขาไป ใบหน้าเรียวสวยชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมเปิดประตูขึ้นไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับ
ทันทีที่ประตูปิด กลิ่นน้ำหอมของเขาเข้ามาแทนกลิ่นอายฝนที่เพิ่งหยุดตก ถนนด้านนอกยังเปียกชื้นสะท้อนแสงไฟเป็นทางยาว เสียงเครื่องยนต์ต่ำ ๆ กลืนเข้ากับเสียงคลื่นจากทะเลที่อยู่ไม่ไกล ญารินนั่งนิ่ง มองภาพข้างทางที่ไหลผ่านกระจกด้วยความเงียบงัน
“อยากกินอะไร” เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นท่ามกลางเสียงฝนพรำเบา ๆ ที่เริ่มตกลงมาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันสั่งอาหารที่โรงแรมทานก็ได้”
“ผมไม่ได้ถามว่าจะกินที่ไหน ผมถามว่า อยากกินอะไร” หญิงสาวนิ่งไปครู่ ก่อนตอบเสียงเบา
“ผัดไทยค่ะ”
“คำว่าผัดไทยพูดยากขนาดนั้นเลยหรือไง” มุมปากของเขากระตุกขึ้นนิดหนึ่งอย่างไม่ชัดเจน
รถเลี้ยวเข้าโซนเลียบหาดไม้ขาว ร้านอาหารริมทะเลเปิดไฟสีนวลสะท้อนผิวน้ำที่ยังมีละอองฝนค้างอยู่ โต๊ะไม้สีเข้มตั้งอยู่ริมกระจก มองออกไปเห็นทะเลมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากเรือประมงที่กะพริบห่าง ๆ
“จะสั่งอะไรเพิ่มไหม” เขาถาม ยื่นเมนูให้เธอที่ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ไม่แล้วค่ะ ผัดไทยก็พอ”
“งั้นเอาผัดไทยสองจาน หนึ่งจานไม่ใส่ถั่ว แล้วก็เอากุ้งเผากับปูนึ่งมาอย่างละจานครับ”
ใบหน้าหญิงสาวหันขวับมาทันที แววตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ เขาจำได้...ว่าเธอแพ้ถั่ว
“หน้าผมมีอะไร ทำไมต้องจ้องขนาดนั้น”
“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดเบา ๆ เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ตอบอะไร
“ตั้งแต่กลับมาเมืองไทย ยังไม่ได้มาเที่ยวทะเลเลยใช่ไหม” เขาเปรยขึ้นขณะจิบไวน์
“ยังค่ะ”
“พรุ่งนี้ทำงานเสร็จก็อยู่ต่ออีกหน่อย วันอาทิตย์ตอนเย็นค่อยกลับ ไหน ๆ ก็มาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว”
“แต่เราจองตั๋วกลับพรุ่งนี้เย็นแล้วนะคะ”
“จองแล้วก็เลื่อนได้ ผมไม่ได้ให้คุณจ่าย หน้าที่ของคุณคือทำตามที่ผมบอก แค่นั้น” น้ำเสียงนิ่งแต่เฉียบ ใบหน้าคมฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวขัดใจ
“คุณอคิณ...” เธอเริ่มหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย
“ทำไมต้องพูดหงุดหงิดใส่ฉันด้วยคะ”
“ก็คุณชอบขัดคำสั่ง ยัยดื้อเอ๊ย…ยังไม่รู้ตัวอีก” ประโยคหลังเขาพูดเสียงเบาขณะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ
“อย่ามาปักปรักปรำว่าฉันแบบนั้นนะคะ คุณต่างหากที่เปลี่ยนแผนกะทันหันแล้วลากฉันมาดึก ๆ ฉันยังไม่ได้บ่นเลยสักคำ”
“ผมจำได้ว่าผมบอกแล้ว ลูกค้าขอเลื่อนเวลานำเสนอ”
“ลูกค้าขอเลื่อนให้เร็วขึ้นแค่สิบนาทีเองค่ะ มันไม่สมเหตุสมผลที่เราต้องเลื่อนการเดินทางกะทันหันมาคืนนี้” เธอเสียงสูงขึ้น
“ใครบอกคุณ”
“คุณธีรภัทรค่ะ ฉันไลน์ถามคุณธีรภัทรแล้ว”
ชายหนุ่มวางแก้วไวน์ลงเบา ๆ แววตาคมเฉียบตวัดมามองเธอตรง ๆ
“แล้วสิบนาทีเขาไม่เรียกว่าเลื่อนให้เร็วขึ้นหรือไง มาก่อนก็จะได้มีเวลาเตรียมตัว...หรือคุณเป็นคนติดบ้านจนไม่สามารถนอนค้างที่อื่นได้” อคิณพูดเรียบ แต่แฝงแววล้อเลียนในน้ำเสียง
“หึ...คงจะจริงสินะ” เขาเสริมต่อพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
“ขนาดคุณกำลังทำเรื่องสำคัญอยู่ ยังรีบทำรีบกลับเลย” คำพูดนั้นไม่ดัง แต่กลับสะกิดบางอย่างในใจญารินอย่างจัง เธอชะงัก มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มต้องการสื่ออะไร คิ้วเรียวผูกเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
“คุณกำลังเปลี่ยนเรื่องนะคะ” เธอเอ่ยเสียงขุ่นเมื่อตั้งสติได้
“ผมเปล่า” เขาตอบเรียบ ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“อาหารมาแล้ว รีบกินเถอะ แล้วก็...เลิกทำหน้าแบบนั้นใส่ผมได้แล้ว”
“หน้าแบบไหนคะ หน้าฉันมันเป็นยังไง” น้ำเสียงของเธอเริ่มแข็งขึ้น ความขุ่นใจแล่นวูบเมื่อรู้สึกเหมือนถูกบูลลี่ทางอารมณ์
“หึ หึ” อคิณหัวเราะในลำคอ เสียงทุ้มต่ำจนแทบกลืนไปกับไวน์แดงรสเลิศ
“ก็หน้าเหมือนเด็กเวลางอนไง”
ญารินปรายตามองเขา ตากลมโตฉายแววไม่พอใจ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเยือก
“ขอบคุณที่ชมว่าฉันหน้าเด็กนะคะ...รีบกินเถอะค่ะ จะได้รีบกลับไปนอน คุณนอนดึกมากก็ไม่ดีนะคะ ระวังหน้าแก่” เสียงเล็กยอกย้อนกลับ เน้นประโยคหลัง คนฟังรับรู้ได้ถึงแรงประชด
"นี่คุณกำลังว่าผมอยู่เหรอญาริน" เสียงเขาต่ำลงเล็กน้อย เหมือนถาม แต่กลับไม่ต้องการคำตอบ
มือเล็กยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แกล้งมองวิวด้านนอกที่มืดสนิท เขาไม่สามารถอ่านความคิดของชายหนุ่มตรงหน้าได้จริง ๆ หลักจิตวิทยาที่เธอเรียนมาไม่อาจใช้ได้กับชายคนนี้ เพราะทุกครั้งที่พยายามอ่านความคิดเขา เธอกลับเป็นฝ่ายถูกเขาอ่านความคิดเธอแทนเสมอ
โรงแรม
อคิณเดินเข้าไปติดต่อรีเซฟชั่น ไม่นานพนักงานก็ยื่นคีย์การ์ดมาให้ หลังจากพูดคุยสอบถามกันสักพัก
ติ๊ง!
เสียงประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อขึ้นมาถึงชั้น 25 ของโรงแรม ทั้งสองเดินออกจากลิฟต์ ระหว่างนั้นญารินชะลอความเร็วลงหันไปถามเจ้านายหนุ่มที่เดินอยู่ข้าง ๆ
"ขอคีย์การ์ดหน่อยค่ะ ห้องของฉันเบอร์อะไรคะ"
"251" เสียงเรียบตอบกลับแค่นั้น ขณะที่ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องหมายเลข 251 พอดี
ติ๊ด!
อคิณยื่นคีย์การ์ดไปแตะด้านหน้าประตู แล้วผลักประตูให้เปิดออก ญารินก้าวเข้าไปสองสามก้าว ก่อนจะหยุด เมื่อเห็นประตูห้องนอนสองบานอยู่คนละฝั่งของโซนกลาง ห้องนั่งเล่นกว้างขวางตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เงาของแสงไฟนวลสะท้อนบนกระจกใสที่เปิดออกสู่ระเบียงเห็นทะเลมืดสนิทด้านนอก เธอหันขวับกลับมามองชายหนุ่มที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่ข้างหลัง
“เราสองคนพักห้องเดียวกันเหรอคะ” น้ำเสียงเรียบแต่แฝงความแข็ง
“สองห้องนอน แยกกันชัดเจน” อคิณปรายตามองอย่างไม่เร่งรีบ เขาตอบเรียบ ก่อนจะวางคีย์การ์ดไว้บนเคาน์เตอร์บาร์
“ธีรภัทรเป็นคนจอง ปกติฉันมาทำงานกับธีรภัทรก็พักแบบนี้ตลอด”
“แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ พักห้องเดียวกันแบบนี้มันไม่ค่อยสะดวกซักเท่าไหร่” เธอว่ากลับเสียงนิ่ง ๆ ดวงตายังคงจับจ้องเขาอย่างระแวดระวัง เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มบางเฉียบแตะมุมปาก
“สะดวกสำหรับงาน...” เขาเว้นวรรค “แต่ถ้าคุณคิดเรื่องอื่นอยู่ ผมคงตอบแทนไม่ได้”
ญารินเม้มปากแน่น ความร้อนแล่นวูบขึ้นบนใบหน้า ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเพราะถูกจ้องด้วยสายตาแบบนั้นกันแน่
“ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นค่ะ แค่ไม่สะดวกที่จะพักห้องเดียวกันกับคุณ"
“ห้องนี้มีสองห้องนอน ห้องน้ำก็แยกกันชัดเจน คุณอย่าคิดมากเลย ผมไม่หน้ามืดไปทำอะไรคุณหรอก หรือคุณกำลังกลัวอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มต่ำลากช้า ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะโดยไม่ตั้งใจ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามตัดอารมณ์ “ถึงยังไงก็มีห้องนอนแยกกัน ฉันอยู่ได้ค่ะ” เธอพูดตัดบทเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขา เพราะสุดท้ายเธอก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี
“ดี” เขาตอบสั้น ๆ แล้วเดินผ่านหน้าเธอเข้าไปในอีกห้อง ดึงประตูปิดอย่างไม่รีบร้อน ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมบนตัวเขาที่ลอยตามมาปะทะจมูก
ญารินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เสียงประตูห้องอีกฝั่งปิดลงช้า ๆ เธอถอนหายใจ พยายามกดอารมณ์ให้สงบ แต่ในใจกลับไม่สงบเลยสักนิด เธอรู้ว่าเขาพยายามที่จะยั่วโมโหเธอ เธอได้แต่เตือนสติตัวเองให้ใจเย็น อย่าโต้ตอบ อย่าเดินตามเกมของเขา เธอต้องเดินตามเกมที่เธอวางไว้เท่านั้น ทุกอย่างต้องไม่ผิดพลาด
เสียงเป่าผมแผ่วเบาค่อย ๆ หายไปพร้อมกับลมหายใจของหญิงสาวที่ผ่อนลง เธอหวีผมให้เข้าที่ พลางมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกก่อนจะถอนใจเบา ๆ ผิวแก้มยังอุ่นจากไอร้อนของไดร์ ชุดนอนผ้าบางสีอ่อนแนบเนื้อที่ชอบใส่ทุกคืน
ญารินเปิดประตูออกจากห้องนอนในความคิดที่ว่า...ดึกขนาดนี้ เขาคงหลับไปแล้ว
เธอไม่ได้สวมเสื้อคลุม เพราะตั้งใจแค่จะออกมาอุ่นนมในตู้เย็น แล้วกลับไปนอนให้ไวที่สุด ความเคยชินที่ถ้าไม่ได้ดื่มนมก่อนนอน เธอมักจะนอนไม่หลับ
แต่เพียงก้าวพ้นขอบประตูมาไม่ถึงสิบก้าว...สายตาของเธอก็สบเข้ากับใครบางคนที่เธอคิดว่าหลับไปแล้ว
"คุณอคิณ"
อคิณนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟา แสงจากโคมไฟตั้งพื้นทอดเงาอ่อน ๆ บนใบหน้าเรียบนิ่ง เขาสวมชุดนอนสีเทา แฟ้มเอกสารบางส่วนวางอยู่บนโต๊ะใบหน้าคมเงยขึ้น ดวงตาคมเข้มของเขา…เลื่อนมาหยุดที่เธอ
ความเงียบชั่วขณะนั้นเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง เท้าเล็กที่กำลังจะก้าวต่อไปชะงัก ความคิดในหัวแวบไปมาระหว่าง “เดินต่อ” หรือ “หันหลังกลับเข้าห้องให้ไวที่สุด”
หัวใจเต้นถี่ขึ้นโดยไร้เหตุผล ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำ ก่อนจะค่อย ๆ เงยขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง เพียงเสี้ยววินาที แต่อะไรบางอย่างในแววตาคู่นั้นทำให้เธอขยับตัวไม่ออก
อคิณวางปากกาลงช้า ๆ แววตาที่มองเธอไม่บ่งบอกอารมณ์ ราวกับสะกดเธอไว้
"ทำไมคุณยังไม่นอนอีก"
"ฉันอยากดื่มนม"