ตอนที่ 3.เจอกันอีกครั้ง

1880 Words
เรื่อง:(ปฐมบท)พี่สาวคนสวยกับแฟนType หมาเด็ก ตอนที่.3 เจอกันอีกครั้ง โดย.Srikarin2489 “พ่ออยู่คนเดียวมาหลายปี กินคนเดียวนอนคนเดียวมีแต่ความเงียบเหงา วันนี้ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้า” คุณกิตติหน้าตาสดใสเป็นพิเศษ มองดูลูกหลานที่มาอยู่กันพร้อมหน้า กฤตลูกชายคนเดียวพาภรรยาและลูกชายสองคนกลับมาอยู่ด้วย ทำให้บรรยากาศของบ้านลดความเงียบเหงาลงมาก “คุณพ่อมีคุณรินอยู่ด้วย ต่อให้พวกเราไม่มาอยู่ด้วยก็ไม่เหงา” กฤตส่งยิ้มให้แม่เลี้ยงวัยสาวอย่างเป็นมิตร ซึ่งรสรินยิ้มตอบทำให้นภัสสรขัดหูขัดตาไม่ชอบใจแต่ทำอะไรได้ ได้แต่นั่งหน้าเชิดวางท่าตัวเองให้ดูเหนือกว่าภรรยาใหม่ของบิดาสามี แต่อีกฝ่ายไม่ถือสาและไม่ใส่ใจ ชุดโต๊ะอาหารเป็นไม้สไตล์บาโรก โต๊ะไม้แกะสลักลวดลายบาโรก พร้อม ท็อปกระจกและเก้าอี้หุ้มผ้าหรูหราแบบคลาสสิกยุโรป มีเก้าอี้ถึงสิบสองที่นั่ง กฤษณะ ตัวเล็กต้องมีเบาะเสริมเพื่อให้สูงพอรับประทานอาหารได้ ได้รับอนุญาตให้นั่งใกล้กับ คุณปู่และตรงข้ามกับรสรินภรรยาใหม่ของคุณปู่ ที่ส่งยิ้มให้แววตาเอ็นดูจริงใจทำให้ กฤษณะยิ้มตอบ ส่วนนภดลพี่ชายที่เป็นลูกรักของแม่ได้นั่งตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่ “ทำไมไม่ชวนคุณน้อยกับนัน มาทานอาหารที่นี่ด้วยกันล่ะริน” “แม่กับนันเขาสะดวกใจ ที่จะทานที่ตึกเล็กมากกว่าค่ะ” “ถ้าแม่กับน้องเธอต้องการอะไรเพิ่ม เธอจัดการได้เลยนะไม่ต้องขออนุญาต ฉัน น่าจะซื้อรถให้นันเขาสักคัน จะได้มีรถขับไปเรียน เอาแต่เรียกแท็กซี่มันไม่สะดวก” “รินคุยกับน้องแล้วค่ะ รินจะให้น้องไปเรียนขับรถก่อน ให้นันขับคล่องมีใบขับขี่ก่อนค่อยซื้อ” คุณกิตติพยักหน้ารับรู้ ขณะพูดกับคุณกิตติ รสรินเหลือบไปเห็นภัสสรเบะปาก แววตาเหยียดหยันดูถูก รสรินเลือกที่จะไม่ใส่ใจดูออกแต่แรกแล้วว่าลูกสะใภ้ของสามี ไม่ยอมรับและดูถูกเธอ จัดตัวเองเป็นคนชนชั้นสูง ดูถูกคนอื่นที่ตัวเองมองว่าชนชั้นต่ำกว่า แม่บ้านขยับเข้ามาตักข้าวใส่จานแต่ละคนเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว “ทานเยอะ ๆ นะนะ ปู่ว่านะผอมเกินไป” คุณกิตติช่วยตักอาหารใส่จานข้าว ของหลานชายคนเล็ก “จะได้แข็งแรงตัวโตเหมือนพี่ดลเขา” คุณกิตติมองไปทางหลานชายคนโต ที่ถูกแม่คอยเอาอกเอาใจตักอาหารให้ นภดลอายุมากกว่าน้องชายเจ็ดปีหน้าตาดี หน้าตาเหมือนแม่มากกว่าพ่อ ยิ่งทำให้เป็นลูกรักของนภัสสร ส่วนกฤษณะหน้าตาเหมือนพ่อ จึงเป็นลูกรักของพ่อด้วย กฤษณะมีคุณปู่กับพ่อคอยดูแลเอาใจใส่ตักอาหารให้ ทำให้นภัสสรปรายตาขุ่นเคืองไปมอง ที่เห็นสามีดูแลแต่ลูกชายคนเล็กไม่สนใจลูกชายคนโตเลย แต่ว่าอะไรไม่ได้เพราะอยู่ต่อหน้าบิดาสามี รสรินรับประทานอาหารเงียบ ๆ บางครั้งคอยดูแลตักอาหารใส่จานข้าวของคุณกิตติด้วย คอยดูแลเอาใจใส่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป สัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่เป็นมิตรจากนภัสสร แม้จะอายุยังน้อยและมาจากครอบครัวชนชั้นธรรมดา แต่รสรินนอก เหนือจากการมีรูปร่างหน้าตาที่ดีแล้ว มีบุคลิกที่ดีด้วยทำให้คนพบเจอยำเกรงได้ไมยาก หน้าออกโทนหวานแต่ตาคมดุ นภัสสรพยายามจะวางท่าข่มแต่ข่มไม่ลง “ดลจะจบชั้นประถมปีนี้แล้ว คิดไว้หรือยังว่าจะไปเรียนต่อม.1ที่ไหน” คำถามของคุณปู่ทำให้นภดลหันไปมองหน้าแม่ ราวจะบอกให้แม่เป็นคนตอบ “ลูกดลเขาอยากไปเรียนต่างประเทศค่ะคุณพ่อ” “มันไม่เด็กไปเหรอ ที่จะไปตั้งแต่จบประถม” “ภัสจะให้ลูกไปอยู่โรงเรียนประจำ ที่อเมริกาโรงเรียนเก่าของคุณกฤต ภัส ติดต่อทางโรงเรียนไว้แล้ว ลูกดลจบประถมแล้วไปเรียนที่โน่นได้เลย” “อยากไปเรียนเองใช่มั้ยดล” นภดลมองสบตาคุณปู่ ซึ่งนั่งเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะมองมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตายังมีความอ่อนโยนให้หลาน “ครับคุณปู่” คุณกิตติพยักหน้ารับรู้ แม้จะไม่เห็นด้วยนักเห็นว่าหลานยังเด็กเกินไป แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของหลานกับลูกสะใภ้ ตัวเองถึงจะเป็นปู่แต่เป็นคนนอกว่าอะไรไม่ได้ “แล้วนะล่ะ ถ้าจบประถมแล้วจะให้ไปเข้าโรงเรียนประจำอีกคนหรือเปล่า” คุณกิตติมองดูร่างผอมบางของหลานชายคนเล็ก เห็นหลานผอมซีดเซียวได้แต่เป็นห่วง “แล้วแต่คุณกฤตจะจัดการ ลูกรักของเขาให้เขาตัดสินใจเอง” น้ำเสียงไม่แยแสไม่ใส่ใจต่อลูกชายคนเล็ก ทำให้กฤตถอนใจเบาแววตาเคร่งขรึมที่เห็นนภัสสรแสดงออกเปิดเผยถึงความไม่สนใจลูกชายคนเล็ก โดยไม่สนใจว่าลูกจะรู้สึกยังไงความลำเอียงรักแต่ลูกชายคนโตของนภัสสร ทำให้กฤตชดเชยด้วยการทุ่มเทความรักและเอาใจใส่ต่อลูกชายคนเล็ก ยิ่งทำให้นภัสสรไม่พอใจต่อลูกชายคนเล็กขึ้นไปอีก คุณกิตติเองรู้เรื่องนี้เช่นกัน จึงได้แต่สงสารเวทนาหลานชาย รสนันท์อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เปิดประตูออกมาจากห้องนอน มองหาแม่ไม่เห็นแต่ได้ยินเสียงกุกกักเคลื่อนไหวมาจากทางห้องครัว เป็นอันแน่ใจได้เลยว่าแม่ต้องอยู่ในนั้นแน่นอน ในตอนกลางวันแม่มักจะขลุกทำนั่นทำนี่อยู่ในห้องครัวเป็นส่วนใหญ่ แม้ลูกสาวจะไม่ให้กลับไปทำข้าวแกงขาย อยากให้อยู่สบายแต่รจนาเป็นคนอยู่นิ่งเฉยไม่เป็นหานั่นหานี่มาทำได้ทุกวัน “โอ้โห...ทำอะไรคะแม่” รสนันท์เดินเข้าไปในครัว เห็นบนโต๊ะเต็มไปด้วยข้าวของมองปราดเดียวก็รู้ว่าแม่คงคิดทำขนมอบแห้ง พอมาอยู่ที่นี่ไม่ต้องทำอาหารขายแม่ชอบทำขนมของแห้งเก็บใส่ขวดโหลแก้ววางเรียงราย ไว้ให้ลูกหยิบกินตามสบาย ห้องครัวมีพื้นที่กว้างใช้สอยได้สะดวกถูกใจแม่มาก เครื่องครัวทุกอย่างล้วนทันสมัยสะดวกสบาย ที่รสรินสั่งซื้อมาติดตั้งให้แม่ ขวดโหลแก้วสะอาดตาวางอยู่บนโต๊ะมุมหนึ่งของห้องครัวไม่เคยขาดขนม เรียกว่าในบ้านไม่เคยขาดของกิน คนทำกินไม่เก่งแต่ทำเก่ง มีความสุขที่เห็นลูกชอบกิน “แม่จะอบคอนเฟลกธัญญพีช” ปากตอบลูกสาวมือหยิบจับทำงานไม่หยุด “พี่รินเขารู้นิสัยแม่ ห้องครัวถึงได้ทำกว้างมีอุปกรณ์ครบ มีเตาอบขนมด้วย แม่เลยเหมือนได้ของเล่นถูกใจ” รจนากำลังเตรียมคอนเฟลกธัญพืชเพื่อจะอบ เผยอ ริมฝีปากยิ้มขำกับคำแซวของลูกสาวคนเล็ก “แม่เป็นแม่ยายของมหาเศรษฐีแล้วนะ ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ ทำไมถึง ชอบทำนั่นทำนี่ให้ตัวเองลำบาก” รสนันท์เข้าไปยืนชิดโต๊ะตัวยาว เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำขนมของแม่ หยิบขนมไข่ที่แม่ทำเสร็จใหม่ เนื้อไม่แห้งส่งกลิ่นหอมฟุ้งชวนกินกำลังอุ่น ๆ แกะออกจากพิมพ์แล้วส่งเข้าปาก รจนามองหน้าลูกสาวคนเล็กแล้วยิ้ม เห็นลูกเคี้ยวขนมด้วยท่า ทางฟินมีความสุข รสนันท์กินเก่งมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยอ้วนกลับมีรูปร่างผอมบางตั้งแต่เด็กจนโต สูงกว่าแม่กับพี่สาวมีความสูงถึง168 ซม. ส่วนแม่กับพี่สาวสูง164 ซม.เท่ากัน รสรินออกโทนสวยหวานหน้าตาคล้ายแม่ ส่วนน้องสาวดูสวยคมสองพี่น้องมี ส่วนคล้ายกันอย่างหนึ่งคือตาคมถ้านิ่งไม่ยิ้มจะดูดุ “แม่ลำบากมานาน ควรจะอยู่สบาย ๆ ดีกว่า ต่อให้แม่ไม่ทำอะไรเลยพี่ริน เขาก็ไม่ว่า เขาอยากให้แม่สบาย” “แม่อายุแค่สี่สิบห้า จะให้อยู่เฉย ๆ เอาแต่นั่งกินนอนกิน อนาคตได้กลาย เป็นง่อยเป็นผู้ป่วยติดเตียงแน่ แม่ไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ ถ้าไม่ให้ทำอะไรเลยอนาคตไม่แค่ป่วยติดเตียงนะ เป็นโรคซึมเศร้าด้วย” “เป็นโรคทันสมัยซะด้วย” รสนันท์ทำเสียงแซวแม่ “ถ้านันกับพี่รินเป็นคนอ้วนง่ายนะ ป่านนี้แม่มีลูกสาวหุ่นล่ำบึกแล้ว แม่ทำ อะไรอร่อยไปหมดทั้งอาหารหวานคาว ไม่เสียแรงที่เป็นแม่ค้าเก่า” ปากคุยมือหยิบ ขนมไข่จากถาดมาทานต่อ “เพื่อนนันชอบมาบ้านเรามาก เขาติดใจฝีมือแม่ทั้งอาหารทั้งขนม ตั้งแต่เราย้ายมาอยู่ที่นี่ เพื่อน ๆ นันยังไม่มีใครเคยมาหา นันนัดเพื่อนไว้แล้ว เดือนหน้าแก๊งเพื่อนของนันจะมาที่นี่ แม่เตรียมสะสมเสบียงไว้ให้แก๊งเพื่อนของนันได้เลย แม่ไม่ต้องถามว่าจะให้ทำอะไรบ้าง ขอแค่เป็นฝีมือแม่ทั้งคาวทั้งหวาน เพื่อนนันจัดการได้หมด” รจนายิ้มขำเมื่อนึกถึงกลุ่มเพื่อนสนิทของลูกสาวคนเล็ก แต่ละคนพูดเก่งกินเก่งกันทั้งนั้นแต่กลับไม่มีใครอ้วนเลย รสนันท์เพื่อนเยอะกว่าพี่สาว เป็นคนตรงเปิดเผย อยู่กับคนคนคุ้นเคยใกล้ชิดจะออกไปทางสนุกสนานตลกโปกฮา แต่ถ้าเป็นคนไม่คุ้นจะมองว่าเป็นคนนิ่งเหมือนดุ “นันออกไปรดน้ำต้นไม้ดีกว่า ขืนอยู่ต่อกินจนเบรกแตกหยุดไม่ได้แน่” ก่อนเดินออกไปข้างนอก ยังคว้าขนมไข่ติดมือไปด้วยอีกสองชิ้น ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มขำ “อย่าลืมรดแปลงผักสมุนให้แม่ด้วยนะ แม่โรยกะเพราไว้เริ่มงอกแล้ว” รจนาร้องบอกตามหลังลูกสาวที่กำลังเดินออกไปจากห้องครัว “ค่ะแม่” ละอองน้ำเย็นชุ่มฉ่ำฟุ้งกระจายออกจากหัวฉีดในมือของรสนันท์ มือขาวบางขยับหัวฉีดส่ายไปมาขณะรดน้ำต้นไม้ มืออีกข้างยังถือขนมไข่ที่ถือมาด้วยกินชิ้นสุดท้าย กัดไปคำหนึ่งพอเคี้ยวหมดส่งเข้าปากอีกจนหมด อารมณ์ดีจนฮัมเพลงเป็นทำนองเบา ขณะรดน้ำต้นไม้ โยกศีรษะไปมาเป็นจังหวะตามที่ตัวเองฮัม รสนันท์กำลังเพลินกับการรดน้ำต้นไม้ ที่เธอกับแม่ไปหาซื้อมาปลูกเพิ่มเติมมีทั้งไม้ดอก ไม้ประดับรวมทั้งพืชผักสมุนไพร ที่แม่ปลูกไว้สำหรับประกอบอาหารรอบๆ บ้านหลังเล็กจึงเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มของต้นไม้นานาชนิด เวลามานั่งเล่นตรงระเบียงหน้าบ้านทำให้เพลินตาผ่อนคลาย เสียงสวบสาบดังมาจากทางต้นดอกแก้ว แคระที่อยู่ด้านข้าง ทำให้รสนันท์หันขวับไปดู “ว้าย...” รสนันท์อุทานด้วยความตกใจ เมื่อร่างเด็กตัวเล็กผอมบางโผล่ออกมาจากข้างพุ่มต้นดอกแก้วแคระ สายน้ำจากหัวฉีดที่เธอกดฉีดอยู่ปะทะกับใบหน้าจนอีกฝ่ายรีบหลับตาปี๋ ทั้งที่ยังสวมแว่นอยู่ “คุณนะ...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD