EP.07-01 ความรู้สึกที่อธิบายยาก

2284 Words
EP.07-01 ความรู้สึกที่อธิบายยาก SINGHA Talk’s คนอย่างผมที่จัดการทุกเรื่องในชีวิตได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เด็ดขาดกับการตัดสินใจทุกอย่าง มั่นใจเสมอกับความคิดของตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวผมไม่เคยนึกย้อนกลับไปแล้วเสียใจการกระทำของตัวเองเลยสักครั้ง แต่เรื่องของโซ่ จู่ ๆ ผมหวนคิดถึงวันวานแล้วหัวใจกลับกระตุกวูบอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกพวกนี้มันรุนแรงขึ้นหลังจากวันที่โซ่พาผู้ชายคนอื่นเข้าบ้าน คืนนั้นเราได้พูดคุยกันหลายประโยค หลายคำพูดของเขามันทำให้ผมฉุกคิดในสิ่งที่ผมมองข้ามความรู้สึกของโซ่มาตลอด ความรู้สึกผิดเป็นสิ่งแรกที่เล่นงานผม... ทว่าในความรู้สึกผิดมันไม่ใช่ทั้งหมด ผมรู้สึกผิดแค่เรื่องที่ผมทำให้โซ่เสียใจ ความเสียใจมันเกิดขึ้นอยู่แล้วเมื่อความรู้สึกเราไม่ตรงกัน ผมให้สิ่งที่โซ่หวังไม่ได้ แต่เรื่องระหว่างทางที่ผ่านมามันมีความหมายมากในตอนที่โซ่อยู่ข้างผม ตอนนั้นมันดีมากเลย เขาช่วยเหลือผมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวผม รับรู้เท่าที่ผมบอก ผมพูดได้เต็มปากว่าโซ่คือคนเดียวที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดตลอดสิบปี ตอนนั้นไม่คิดหรอกว่าการสารภาพรักของโซ่ครั้งที่สามมันจะเป็นช่วงเวลานั้น ผมไม่สามารถสนใจอย่างอื่นได้นอกจากงานกับเรื่องเรียน การเป็นลูกชายคนโตที่ถูกสอนให้แบกดุลอำนาจตระกูลไว้บนบ่ามันไม่ง่ายเลย ตัวอยู่ต่างประเทศแต่ผมต้องดูแลงานที่ไทยตลอด เหมือนพ่อฝึกสมองให้ผมรับมือกับปัญหาอยู่เสมอ ลำพังแค่ตัวเองยังเอาไม่รอด ผมเลยไม่คิดถึงเรื่องความรักที่มันจริงจังขนาดนั้น คิดว่าแค่มีโซ่ไปแบบนี้เรื่อย ๆ ก็ดี วันหนึ่งผมพร้อมเมื่อไหร่ผมคงรักเขาเอง ไม่คิดว่าเรื่องของเรามันจะจบอยู่ที่ตรงนั้น วันสุดท้ายที่เราแยกกัน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโซ่ออกจากโรงแรมไปตอนไหน กลับไทยเมื่อไหร่ ปัญหาเรื่องงานมันรุมเร้าผมจนไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่นเลย มันเป็นช่วงเวลาที่พ่อผมเริ่มป่วย ภาระทุกอย่างตกอยู่ที่ผมกับไอ้เสือ สองพี่น้องทำงานกันอย่างหนัก น้องชายผมมันเพิ่งมัธยมฯ ปลายเองนะตอนนั้นน่ะ มันทำงานหลายอย่างได้ก็จริงแต่ไอ้เสือเป็นคนที่ใจร้อนกว่าผมมาก นอกจากผมต้องคุมงานแล้วผมต้องคุมน้องตัวเองอีก จะเอาสมองตรงไหนมาคิดเรื่องโซ่ แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ผมไม่รู้จะเอาจุดนี้มาเป็นข้อแก้ตัวเพื่ออะไร สุดท้ายแล้วผมก็ให้คำตอบที่โซ่ต้องการไม่ได้ ผมตอบตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพร้อมจะคบหากับเขาได้เมื่อไหร่ อีกกี่ปีผมถึงจะพร้อม อีกกี่ปีผมถึงจะเก่งเรื่องงานมากพอที่พ่อจะได้ไม่ต้องคอยตามทุกฝีก้าวให้อึดอัดแบบนี้ ในเมื่อไม่มีความแน่นอนให้เขา สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือปล่อยโซ่ไป การที่โซ่ได้รับอิสระมันคือสิ่งที่เขาควรได้รับมาตั้งนานแล้ว วันที่ผมตัดสินใจจะปล่อยเขา ไม่ยื้อ ไม่ตามหา มันเป็นการตัดสินใจที่ฉับพลันและผมมั่นใจว่ามันดีที่สุด ซึ่งผมปล่อยเวลาให้ดำเนินผ่านไปจนสองปีกว่าที่ผมไม่เคยรู้เลยว่าตอนนี้โซ่อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ ชีวิตเขาเป็นอย่างไรบ้าง มันมีช่วงเวลาให้นึกถึงเขานะแต่ก็ไม่คิดจะกลับไปเป็นแบบเดิม จนกระทั่งผมต้องสานต่อโครงการของพ่อ แผนการลงทุนกว้านซื้อที่ดินทำเลทองผืนหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อทำสนามกอล์ฟ ใครจะคิดว่าผมจะกลับมาเจอโซ่อีกครั้งในรูปแบบของการทำงานที่ผมเป็นนายทุนและเขาเป็นเจ้าของที่ดินที่พ่อผมอยากได้มาก ผมขอไม่เรียกว่าเรากลับมาสู่จุดเริ่มต้นนะ เพราะผมกับโซ่มันไม่มีอะไรให้เริ่มต้นใหม่ ความทรงจำทุกอย่างของเรายังอยู่ ผมจำเรื่องราวของเขาได้เหมือนที่เขาก็จำได้ว่าผมชอบอะไรและไม่ชอบอะไร การมีโซ่วนเวียนอยู่ในชีวิตตอนนี้มันก็ดีเหมือนเดิมเพียงแต่ห่างเหินกันกว่าแต่ก่อนมากหน่อย ซึ่งผมไม่ชอบความหงุดหงิดภายในใจตัวเองตอนนี้มาก โซ่คือปัญหาเดียวในใจที่ผมกำจัดไม่ได้ เขาทำให้ผมปวดหัวอยู่ทุกวันโดยเฉพาะเรื่องที่เขาพาผู้ชายคนอื่นเข้าบ้าน มันรู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก ยอมรับว่าผมมั่นใจมากว่าโซ่เลิกรักผมไม่ได้หรอก เขารักผมอยู่ แล้วความคิดผมก็ดับวูบเมื่อเขาพาผู้ชายคนอื่นเข้าไปทำเรื่องส่วนตัวในบ้านแบบไม่ไว้หน้าผมเลย มาคิดแล้วก็เครียด ตกลงโซ่รักผมอยู่ไหมหรือผมคิดไปเองกันแน่วะ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้กลับมีอีกคำถามแทรกขึ้นมาในหัว โซ่รักผมแล้วอย่างไร? ไม่รักผมแล้วอย่างไร? ผมยึดมั่นอยากคืนอิสระให้เขาไปพร้อมกับการมีเขาในชีวิตอยู่ มันเป็นอะไรที่สวนทางกันมาก ในเมื่อเขามีอิสระที่จะเลือกคบหาคนอื่นแต่ผมกลับไม่พอใจที่เห็นเขาลดความสำคัญของผมลง ผมเป็นบ้าอะไรวะ! ตึก ตึก ตึก “เครียดไรของพี่ มานั่งดื่มเหล้าคนเดียว?” น้องชายตัวดีในชุดนักศึกษาที่มีรอยดำเปื้อนไปทั่วตัว บนใบหน้ามีรอยแดงเป็นจ้ำ ริมฝีปากมีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่ “ลมอะไรพัดมึงมาบ้านนี้ได้ไอ้เสือ” “แวะมาเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวจะไปเที่ยวต่อ” “แล้วไปฟัดกับหมาที่ไหนมา?” “ตีกันแย่งหญิง” มันพูดแค่นั้นก็เดินขึ้นไปห้องพักของมันที่ชั้นสอง โดยปกติเราจะแยกกันอยู่คนละบ้าน ผมอยู่บ้านใหญ่ ส่วนมันอยู่บ้านแม่อีกที่หนึ่ง นานครั้งจะมาที่นี่สักที ผมกับไอ้เสือเป็นพี่น้องที่นิสัยต่างกันพอสมควร มันเป็นคนใจร้อนโผงผาง ผมเป็นคนเงียบ ชอบคิดและจัดการอะไรเงียบ ๆ ผมถึงได้บอกไงว่าผมต้องคอยดูแลมันไปพร้อมกับงานด้วย ความใจร้อนของมันบางทีก็ทำให้งานเสีย พ่อถึงไม่ให้มันดูแลบ่อนเพราะจะมีเรื่องไปทั่ว ไอ้เสือเลยได้ดูแลองค์กรทดลองวิทยาศาสตร์ลับ ๆ แห่งหนึ่งแทน อ่า แล้วน้องชายผมช่วงนี้อยู่ในวัยกำลังกลัดมัน มันตามจีบผู้หญิงคนหนึ่งต้อย ๆ มาหลายเดือน ผู้หญิงคนนั้นก็มีคนมาจีบอีกไม่รู้เท่าไหร่ ไอ้เสือมันเป็นแค่ตัวเลือกหนึ่งเท่านั้น ผมเห็นมันมีเรื่องกับคนอื่นไปทั่วเลย พี่ชายอย่างผมจะทำอะไรได้นอกจากคอยเก็บงานให้มันเงียบ ๆ ใครกล้าทำน้องผมเจ็บมันต้องเจ็บกว่าแน่ ผมยกเหล้าที่เหลือก้นแก้วเทเข้าปากจากนั้นก็เริ่มรินใหม่อีกครั้ง นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่ชอบตัวเองตอนนี้ ผมไม่เคยหาทางออกไหนไม่ได้จนต้องมานั่งดื่มเหล้าคนเดียวเพราะเครียด โดยปกติผมต้องดื่มฉลองให้กับความสำเร็จของงานสิ ผ่านไปครู่หนึ่งไอ้เสือก็เดินลงมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ มันเข้ามาดื่มเหล้าแก้วที่ผมเพิ่งรินไปอึกใหญ่เลย “ที่องค์กรเป็นยังไง?” “ดีพี่ ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ ว่าแต่พี่เถอะเครียดอะไร แล้วไหนล่ะพี่โซ่คนสวย เห็นว่าพี่พาเขามาบ้านหนิ?” มันก็รู้เรื่องผมเหมือนที่ผมรู้เรื่องมัน เพียงแต่ไม่เข้าไปจัดแจงชีวิตส่วนตัวกันมากเกินไป ไอ้เสือรู้เรื่องโซ่เพราะผมเคยบอกมันว่าเพื่อนสนิทผมมีคนเดียวคือโซ่ ไปเรียนต่างประเทศก็อยู่กับโซ่ มันรู้ด้วยว่าผมแยกจากกันและกลับมาเจอกันอีกครั้ง เคยพลั้งปากเล่าเรื่องไปซื้อที่ดินจนถึงขั้นพูดออกไปอย่างลืมตัวว่าโซ่ผมยาวสวยมาก หลังจากนั้นมันก็หยิบยกเรื่องนี้มาแซวผมอยู่บ่อยครั้ง “มาแล้วไปแล้ว เขาไม่อยากอยู่กับกู แต่ก็ช่างดิกูไม่ง้ออยู่แล้ว” “พี่สองคนโคตรแปลก ชอบกันแต่เว้นระยะห่างกันเกินไป” “ใครชอบ ไม่ใช่กู” “สิบปีไม่ได้บทเรียนอะไรเลยเหรอวะพี่ ชอบก็เข้าหาก่อนดิ คิดถึงก็ไปหา มานั่งรอเขาแบบนี้จะได้เมียไหมเนี่ย” “มึงไม่เข้าใจหรอกไอ้เสือ เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อน” “พี่นั่นแหละเอาเรื่องของตัวเองให้รอดไม่ต้องห่วงผม ใครเขาก็รู้ว่าพี่ชอบพี่โซ่ บอดี้การ์ดรู้กันทั่ว มีแต่พี่นั่นแหละไม่รู้ ชอบก็แสดงออกไปเลยดิอย่ามัวแต่นิ่งอยู่แบบนี้ วันไหนพี่โซ่มีแฟนใหม่พี่จะเจ็บใจจนนั่งไม่ติดที่ตัวเองไม่ทำอะไรเลย” “กูไม่ได้ชอบโซ่!” เหล้าที่เหลือก้นแก้วถูกไอ้เสือดื่มจนหยดสุดท้ายก่อนที่มันจะหันหลังเดินออกจากบ้านไป ผมหมดอารมณ์จะดื่มต่อแล้วเช่นกัน ได้แต่พาตัวเองไปนอนทิ้งตัวที่โซฟาราวกับคนหมดแรงก็ไม่ปาน ซึ่งผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันไม่มีแรงจะทำอะไรทั้งนั้น มีเอกสารเรื่องการลงทุนและเบิกงบโครงการใหม่กองอยู่ที่โต๊ะทำงานตั้งเยอะผมก็ไม่อยากอ่าน ไม่อยากเซ็น ใจอยากจะคิดแผนดัดหลังอาพิสุทธิ์ต่อมันก็คิดไม่ออก ทั้งที่ผมสามารถเอาเวลาที่ตัวเองนอนหมดแรงอยู่แบบนี้ไปจัดการเขาได้อีกหลายอย่าง ทว่าในหัวมันไม่คิดเรื่องไหนเลยนอกจากเรื่องโซ่ ผมมันบ้า ดึกดื่นแล้วยังไม่อยู่ห่างจากองศาที่สามารถมองประตูบ้านเห็นเลย ชะเง้อมองอยู่ได้เผื่อโซ่จะกลับมา คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วว่าโซ่ไม่มาหรอก เขาดื้อจะตาย บ้านเขาก็มีเขาจะมาหาผมทำไม ถ้าเขาอยากอยู่กับผมสักนิดเขาคงไม่รีบตื่นเช้าเพื่อขับรถออกไปจากที่นี่เองหรอก ตอนนี้มันสามวันแล้วไง สามวันแล้วที่ไม่เจอโซ่เลย ผมไม่ได้ให้คนตามดูเขาด้วยเพราะโซ่กำชับกับบอดี้การ์ดไว้ว่าห้ามตาม เขาต้องทำงานไม่สะดวกใจที่จะโดนจับตามอง แต่จะให้ผมโทรหาเขาก่อนอีกแล้วน่ะเหรอ? อืม...ไม่ทำหรอก ถ้าโซ่อยากคุยคงโทรมาเอง ช่างเถอะเนอะ ไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมผมต้องมานั่งห่วงเขาขนาดนี้ ไร้สาระว่ะไอ้สิงห์!!! หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ชีวิตของผมยังคงดำเนินต่อไปอย่างเช่นทุกวัน ระหว่างวันมักจะยุ่งกับการทำงานหลายแห่ง บริหารหลายธุรกิจทั้งสีดำและสีขาว พ่อผมเขาเป็นหุ้นส่วนอยู่หลายที่มาก ครอบคลุมทุกสาขาอาชีพแล้ว ทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า บริษัทผลิตหลายภาคส่วน โครงการรีสอร์ต โรงแรม บ้านจัดสรร ไหนจะพวกร้านอาหารยิบย่อยอีก อ้อ ยังไม่รวมบ่อนการพนัน อาบอบนวด และการค้าอาวุธเถื่อนนะ ภาระทุกอย่างมันแบกอยู่บนบ่าผมเกือบทั้งหมดในตอนนี้ ปัญหามีมาให้แก้ทุกวัน ได้แต่ภาวนาให้ไอ้เสือมันโตกว่านี้หน่อยจะได้แบ่งงานให้มันทำ น้องผมมันเก่งนะ มันฉลาด ทันคน แต่มันเอาแต่ใจไปหน่อย อ้อ มีอีกคนที่พอจะเข้าลู่เข้าทางปล่อยให้ดูแลงานได้คือหลานผม ไอ้เพลิง เพลิง เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผมเอง มีศักดิ์เป็นหลานและผมกับไอ้เสือเป็นน้า แต่มันเรียกผมสองคนว่าอาตามญาติอีกคนหนึ่งตั้งแต่เด็กเลยติดปาก ผมกับไอ้เสือเลยกลายเป็นคุณอาของมันจนถึงวันนี้ ซึ่งตอนนี้เพลิงเพิ่งขึ้นมัธยมฯ ต้น ศักยภาพในการทำงานตรงนี้ยังไม่มีเลย แต่ต้องปูทางให้มันเดินตั้งแต่เด็กนี่แหละ วันนี้ไม่ได้ทำ วันหน้ามันได้ทำแน่ ผมกับพ่อเคยทาบทามจะให้เพลิงดูแลส่วนของโรงแรม ถ้านับการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในเครือญาติ ไอ้เพลิงถือเป็นพวกเดียวกับผมนี่แหละ เมื่อไหร่พวกมันจะโต ผมจะได้เบาแรงลงเสียที อยากมีอิสระบ้าง อยากเหนื่อยน้อยลงแล้ว... “อ้าว สิงห์หลานอา วันนี้อาซื้อโจ๊กเจ้าอร่อยที่สิงห์ชอบกินตอนเด็กมาฝาก” เสียงทุ้มต่ำดังแว่วมาขณะที่ผมยืนรอลิฟต์กับคุณเฟยเลขาฯ ส่วนตัว ผมหันไปมองต้นเสียงทีหนึ่งก่อนดึงสายตากลับมาจดจ้องเลขชั้นที่ลิฟต์เคลื่อนตัวไปอย่างเดิม “ผมไม่ชอบแล้ว อาพิสุทธิ์เก็บไว้ทานเองเถอะครับ” “เอาน่า ชิมสักหน่อยก็ได้ เดี๋ยวอาใส่ชามให้” “ไม่ว่างหรอกครับ ผมมีประชุมกับหัวหน้าแผนก เป็นผู้บริหารงานก็จะยุ่งแบบนี้แหละ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD