ธาวินมองตามร่างบางที่เดินจากไปด้วยความเหนื่อยล้า จากนั้นใบหน้าคมก็ก้มงุดมองไปที่มือทั้งสองข้างของตนอย่างไม่รู้ตัว ในหัวพลันย้อนนึกถึงสิ่งที่เขากระทำเมื่อครู่ นี่เขาทำมากเกินไปจริงๆ เหรอ? เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสัมผัสตัวเธออย่างนั้น น่าแปลกที่ทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้วรารีมันเหมือนว่าความสามารถในการควบคุมตัวของเขาลดน้อยลง ใจของเขาเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผล เขารู้สึกว่าชอบมองใบหน้าของเธอเหลือเกิน สายตาคู่นั้นมันทำให้เขารู้สึกดี คำพูดและการกระทำของวรารีทำให้เขาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ตลอดเวลา หรือว่าตอนนี้เขาเริ่มตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
ธาวินเดินตามลงมาอย่างเงียบๆ พลางมองหาร่างบางที่แสนคุ้นเคย ทว่าเธอคนนั้นกลับไม่อยู่ซะแล้ว มีเพียงแก้วกาแฟร้อนที่วางอยู่บนโต๊ะ มือหนาเอื้อมไปหยิบแก้วกาแฟพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมของมันช้าๆ และนั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น รสชาติของกาแฟแก้วนี้ก็กำลังดีราวกับถูกชงด้วยความตั้งใจ ทั้งๆ ที่เขาทำร้ายเธอขนาดนี้ แต่เธอก็ยังทำดีกับเขาอย่างนั้นเหรอ? ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกินใจของชายหนุ่มช้าๆ
หลังจากที่ธาวินเดินตามหาหญิงสาวจนทั่วบ้าน ในที่สุดเขาก็เจอเธอที่สวนหลังบ้าน วรารีมานั่งมองต้นไม้อยู่ที่เดิมเงียบๆ สายตาของเธอคล้ายกับกำลังตัดใจกับอะไรบางอย่าง ชัดเจนเลยว่าวรารีกำลังนึกถึงเรื่องบางอย่าง หรือกำลังนึกถึงใครสักคนอยู่
ธาวินถอนหายใจแรงเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังเศร้ากับเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับตัวเขาเลย พอคิดแล้วก็พานรู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างไม่มีเหตุผล ความรู้สึกผิดที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยความโกรธเคือง แม้แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง ชายหนุ่มรู้สึกโกรธผู้หญิงที่ร้องไห้เพราะเขา แต่กลับมานั่งเศร้าเรื่องอื่นซะอย่างนั้น
“กาแฟหวานไปรึเปล่าคะ” วรารีทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอเห็นเขายืนหน้านิ่งไม่พูดไม่จามาสักพักนึงแล้ว ไม่ว่าเธอจะเอ่ยถามยังไง ทว่าชายหนุ่มตรงหน้าเธอกลับเอาแต่เงียบนิ่ง
“คุณเจสคะ!” วรารีพูดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้คนตรงหน้าเธอกลับมองหลับมาด้วยสายตาดุอย่างเห็นได้ชัด
“ผมอายุ 29 คุณแค่ 25 อย่ามาขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่สิครับ” ธาวินยังคงอยู่ในท่าทางนิ่งๆ ทว่าแววตาของเขากลับบ่งบอกได้ชัดว่ากำลังเดือดปุดๆ มากแค่ไหน
“กาแฟที่พิมชงมันไม่ถูกปากเหรอคะ งั้นเดี๋ยวพิมไปชงให้ใหม่นะ” พูดจบร่างบางก็รีบลุกขึ้น ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะทันได้ก้าว แขนของเธอกลับถูกคนตรงหน้ากระชากอย่างแรง
“นี่ไปอยู่เมืองนอกนานจนลืมรักนวลสงวนตัวเลยเหรอครับ” ธาวินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากกว่าเดิม
“...”
คำพูดของธาวินบาดลึกเข้ากลางใจของวรารีเต็มๆ ราวกับบาดแผลที่กำลังจะสมานถูกดึงทึ้งให้ฉีกขาดอีกครั้ง หญิงสาวถึงกับพูดไม่ออก เพราะคำพูดของเขาช่างแทงใจดำเธอเหลือเกิน
“ผู้ชายทำขนาดนี้ยังไม่รู้สึกโกรธบ้างเหรอครับ หรือต้องให้ถึงเตียงซะก่อน” ธาวินบีบแขนเล็กแน่นขึ้นมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้เขารู้สึกโกรธถึงขีดสุดแล้วจริงๆ
“คุณคือแขกของพี่ชายฉันค่ะ” วรารีตอบเสียงเรียบ ทว่าในใจของเธอกลับบอบช้ำไม่มีชิ้นดี
“แขกของพี่ชายของคุณจะทำอะไรคุณก็ได้อย่างนั้นเหรอครับ โดนทำแบบนี้มากี่คนแล้วล่ะ” มือหนาสะบัดแขนของวรารีเต็มแรง ทำให้หญิงสาวถึงกับเสียการทรงตัว ธาวินตั้งใจจะคว้าร่างบางเอาไว้ แต่เมื่อเห็นว่าวรารีทรงตัวได้ทันเขาเลยได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ อยู่ที่เดิม แม้ภายนอกชายหนุ่มจะรู้สึกไม่สะทกสะท้าน แต่ภายในใจเขากลับรู้สึกผิดอย่างไม่น่าให้อภัย
“ฉันยังอยากร่วมงานกับคุณอยู่น่ะคะ แต่ถ้าเป็นแบบนี้เราคงจะร่วมงานกันไม่ได้แล้วจริงๆ” วรารีก้มหน้างุด ก่อนจะรีบผละจากเขาไปในทันที
“เดี๋ยวก่อน” ธาวินรีบรั้งหญิงสาวไว้เช่นเดิม แต่ครั้งนี้เขาสัมผัสร่างของเธอด้วยความอ่อนโยนขึ้น “ยกโทษให้ผมนะ!” ธาวินเอ่ยเสียงแผ่ว เขารู้สึกว่าครั้งนี้คงจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้เจอหน้าเธอแล้วจริงๆ เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้เขาทำลายโอกาสที่จะได้รู้จักผู้หญิงดีๆ แบบนี้ หากครั้งนี้เขาไม่รีบปรับความเข้าใจกับเธอ อนาคตพวกเราคงไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้แน่ๆ
“เฮ้ออ!” วรารีถอนหายใจยาว พลางมองใบหน้าหล่อเหลาของธาวิน เธอรู้สึกตามอารมณ์ของเขาไม่ทันเลยจริงๆ วรารีไม่ได้รู้สึกโกรธชายหนุ่ม เพราะเธอเข้าใจดีว่าธาวินเป็นลูกครึ่ง เขาคงได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตกมามาก การแสดงออกเลยค่อนข้างจะเปิดเผย เธอเองก็อยู่ที่อเมริกามานานจนคุ้นชินกับเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ และที่สำคัญหญิงสาวตั้งใจจะช่วยพี่ชายออกแบบเรือนหอให้ออกมาดีที่สุด และดูเหมือนว่าพี่ชายของเธอจะชอบสถาปนิกคนนี้เอามากๆ น้องสาวอย่างเธอจะกล้าขัดใจได้เหรอ?
มือที่กุมแขนเล็กค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ ธาวินถึงกับถอนหายใจที่ไม่ได้รับการให้อภัยจากวรารี มันก็สมควรแล้วที่เขาจะโดนเธอเกลียดขี้หน้า
“บริษัทที่ผมทำอยู่มีสถาปนิกเก่งๆ หลายคน ไว้ผมจะแนะนำให้พี่ชายคุณนะครับ” คนหมดหวังยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเดินไปยังรถของตัวเองแล้วขับออกไปในทันที
วรารีทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยใจ จริงๆ แล้วเธอก็กะจะให้อภัยเขาแล้ว แต่คำพูดของเขาในตอนแรกมันทำให้เธอหมดแรงจนไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกไป ใบหน้าหวานก้มมองต้นไม้ที่ธาวินเคยปลูกเอาไว้ พลางนึกถึงใบหน้าของเขาเงียบๆ