Ep3

635 Words
ในช่วงเวลาหลายสิบปีหลังการเปลี่ยนแปลง เมืองกรานีซกลายเป็นศูนย์กลางแห่งความสงบสุขที่ผู้คนจากเมืองรอบข้างต่างพากันเดินทางมาเยี่ยมเยือน เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ทั้งสองฟากของเมืองที่เคยแบ่งแยกด้วยแม่น้ำกลายเป็นพื้นที่เปิดโล่ง สะพานแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ชื่อว่า "สะพานแห่งสันติภาพ" ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงผู้คนทั้งสองฟากเข้าหากัน ในสวนลับที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่หลบซ่อนของดารินและวิลาศ ศาลาหินถูกบูรณะและเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่ระลึกถึงความรักของทั้งคู่ มีป้ายจารึกประโยคหนึ่งที่ถูกแกะสลักไว้ว่า "รักแท้ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยเงื่อนไขใด แต่เป็นสิ่งที่สร้างสะพานเชื่อมใจคนที่แตกต่างกัน" ตำนานของดารินและวิลาศไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเล่าในเมืองกรานีซเท่านั้น แต่ยังแพร่กระจายไปยังเมืองอื่น ๆ ที่ต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจจากความรักและการเสียสละของพวกเขา มีนักกวีและนักประวัติศาสตร์ที่เดินทางมายังเมืองนี้เพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หลายคนได้นำเรื่องราวของพวกเขาไปเขียนเป็นวรรณกรรมที่โด่งดัง ในขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่ของกรานีซเติบโตขึ้นด้วยมุมมองที่แตกต่างไปจากอดีต พวกเขาไม่ได้มองคนรอบข้างผ่านกรอบของตระกูลหรืออำนาจ แต่ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม เด็กชายและเด็กหญิงจากตระกูลที่เคยเป็นศัตรูเติบโตขึ้นเป็นเพื่อนสนิท บางคนถึงกับแต่งงานกัน สร้างครอบครัวที่เป็นสัญลักษณ์ของการสมานฉันท์ ถึงแม้สันติภาพจะกลับคืนมา แต่ยังคงมีคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ยังยึดมั่นในความเกลียดชังเก่า ๆ พวกเขามักจะตั้งคำถามถึงเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่สืบทอดกันมา ทว่า เสียงของพวกเขากลับค่อย ๆ เบาบางลง เมื่อเห็นว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสงบนั้นสร้างความสุขให้แก่คนส่วนใหญ่ วันหนึ่ง หญิงชราในชุดเรียบง่ายเดินทางมาที่สวนลับ เธอคือพี่เลี้ยงเก่าของดาริน ที่ครั้งหนึ่งเคยเฝ้าดูเด็กสาวที่เธอรักเหมือนลูกหลานเติบโตขึ้น หญิงชรานั่งลงที่มุมหนึ่งของศาลา มองดูโคมไฟที่ลอยอยู่บนฟ้า น้ำตาค่อย ๆ ไหลลงมาบนแก้มที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา เธอไม่พูดอะไร เพียงแต่นั่งเงียบ ๆ ในขณะที่ดวงดาวส่องประกาย ในค่ำคืนเดียวกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับวิลาศในวัยหนุ่มเดินผ่านสวนพร้อมกับลูกสาวตัวเล็ก เขาหยุดมองหญิงชราผู้นั้นและนั่งลงข้าง ๆ เธอ “พวกเขาจะไม่ถูกลืมใช่ไหมครับ?” เขาถามเบา ๆ หญิงชราหันมองด้วยสายตาที่อบอุ่น เธอพยักหน้าอย่างมั่นใจและตอบว่า “ไม่มีใครลืมได้หรอกลูก เพราะพวกเขาคือแสงสว่างที่นำพาเรามาจนถึงวันนี้” เรื่องราวของดารินและวิลาศยังคงถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง ไม่ใช่เพียงเพราะความรักของพวกเขา แต่เพราะบทเรียนที่พวกเขามอบให้ เมืองกรานีซกลายเป็นสถานที่ที่แสดงถึงชัยชนะของความรักและความเข้าใจ แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด แต่สวนลับแห่งนั้นยังคงยืนหยัดเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงหัวใจของมนุษย์ที่สามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ หากมีความกล้าและความหวัง ในที่สุด ความเกลียดชังที่เคยครอบงำเมืองนี้ได้กลายเป็นเพียงบทเรียนในหน้าประวัติศาสตร์ และชื่อของดารินกับวิลาศจะยังคงอยู่ในหัวใจของผู้คนตราบชั่วนิรันดร์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD