ฉันปรายตามองผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านล่างบูธดีเจ โชคดีที่บูธอยู่สูงกว่าพื้นพอสมควรทำให้ระดับการยืนของฉันกับพวกนักเที่ยวค่อนข้างต่างระดับกัน ถือว่าช่วยเซฟความปลอดภัยให้กับดีเจผู้หญิงอย่างฉันได้ดี
“ดื่มไม่ได้ค่ะ ฉันแพ้แอลกอฮอล์” ฉันยิ้มหวานพลางปฏิเสธอย่างสุภาพ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอคนประเภทนี้ ฉันเจอบ่อยเหมือนกัน ทำงานแบบนี้มันย่อมเจอคนเมาเอาแต่ใจเป็นเรื่องธรรมดา ฉันชินแล้ว
“ไม่เอาน่า ดื่มสักนิดหนึ่งสิ เพื่อนฉันมันมองกันอยู่นะ” เขายังคงตื๊อไม่เลิก ฉันปรายตามองไปทางโต๊ะของเขาและเห็นว่าเขามากันกลุ่มใหญ่ พวกเพื่อน ๆ ของเขากำลังมองมาทางนี้ บ้างก็ยกแก้วเหล้าให้ฉัน บ้างก็หัวเราะกันชอบใจ เขาคงพนันกันว่าจะทำให้ฉันดื่มเหล้าได้หรือเปล่าสินะ
ฉันถอนหายใจอย่างหนักใจหน่อย ๆ ถ้ามาอีหรอบนี้ละก็ หากฉันไม่รับแก้วเหล้าเขามาดื่ม คงต้องมีเรื่องแน่ ๆ
ในขณะที่ฉันกำลังตัดสินใจ สายตาบังเอิญเหลือบไปเห็นเดย์ที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี สีหน้าเขาคุกรุ่นหน่อย ๆ ปกติแล้วเดย์เป็นคนควบคุมอารมณ์ได้ดีนะ เขาเป็นคนขี้หึงมาก แต่เขาเชื่อใจฉันและเคารพงานของฉัน เขาเคยนั่งเฝ้าฉันทำงานบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องเลยสักครั้ง
“…” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ เป็นเชิงบอกเขาว่าไม่มีอะไร ฉันแก้ปัญหาได้ ซึ่งเดย์ยอมหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากฉัน ไม่ได้เข้ามาใกล้ไปมากกว่านั้น
ฉันถอนหายใจ หันกลับมามองแก้วเหล้าในมือผู้ชายตรงหน้า ถ้าแค่รับมาแล้วทำเป็นจิบนิดหน่อยละก็… ฉันพอทำได้
เพล้ง!
ทว่าขณะที่มือฉันกำลังจะยื่นไปรับแก้วเหล้านั่น จู่ ๆ เสียงแก้วแตกดังขัดเอาไว้ซะก่อน ผู้ชายตรงหน้าฉันรีบกระโดดหลบถอยหลังไปหลายก้าวเพราะทิศทางของแก้วใบนั้นมันพุ่งตัดหน้าระหว่างฉันกับเขาอย่างพอดิบพอดี
เสียงดนตรียังคงดังต่อไปแต่ผู้คนในผับโดยเฉพาะบริเวณหน้าบูธดีเจเริ่มแตกฮือไปคนละทาง ฉันขยับตัวถอยออกห่างจากหน้าบูธ พนักงานคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาปิดเพลงพร้อมกับแสงไฟภายในผับสว่างวาบขึ้น ทุกคนหันมองกันสีหน้างุนงง ฉันเองก็งง
งงว่าแก้วใบนั้นมันลอยมาจากไหน?
“เฮ้ย! ใครปาแก้วมาวะ?!” ผู้ชายที่โดนแก้วปาเฉียดหน้าเมื่อครู่หันมองไปทางที่แก้วใบนั้นถูกปามา สีหน้าเขาเกรี้ยวกราดมาก
แน่ล่ะ โดนแบบนี้เป็นใครก็ต้องรู้สึกเสียหน้า
ฉันมองไปทางเดย์และเห็นว่าเขาไม่ได้มองฉัน แต่กำลังมองไปทางร่างสูงข้างกายตัวเอง ฉันจึงมองตามสายตาเขาและก็ต้องนิ่งค้าง เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างเดย์คือคนที่ฉันไม่อยากเจอมากที่สุดในโลก
ทำไมสิบทิศยืนอยู่ตรงนั้น??
“ฝีมือไอ้เวรนั่น เมื่อกี้กูเห็นมันปาแก้วใส่มึง” หนึ่งในกลุ่มใหญ่หน้าบูธดีเจซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนี้พูดขึ้นมา เขาชี้นิ้วไปทางเดย์ ไม่สิ เขาชี้ไปทางสิบทิศต่างหาก ฉันเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
สิบทิศเป็นคนปาแก้วใบนั้นมางั้นเหรอ?
ทำไมกัน… เขาทำแบบนั้นทำไม?
“มึงเป็นคนปาแก้วมาเหรอวะ?!”
สิบทิศยืนล้วงกระเป๋าท่าทีนิ่ง ๆ ไม่ได้สนใจคนถามสักนิด เขามองตรงมาทางฉัน สายตาเย็นเหยียบน่ากลัว
สิบทิศกำลังเดือด… เดือดมากเลยด้วย
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่ปี นิสัยของเขาก็ยังไม่เคยเปลี่ยน นิสัยเจ้าอารมณ์ เลือดร้อน ทำอะไรไม่สนใจใคร คนอื่นอาจจะมองว่าสิบทิศเย็นชา แต่สำหรับฉัน เขามันร้อนยิ่งกว่าเปลวไฟในกองเพลิงซะอีก
“เฮ้ย! กูถามมึงอยู่ไม่ได้ยินเหรอวะ? หรือว่าหูหนวก?” เมื่อเห็นว่าตัวเองถูกเมิน เขาคนนั้นก็ทำท่าจะเดินเข้าหาสิบทิศ แต่ถูกเพื่อนคนหนึ่งดึงไหล่เอาไว้
“มึงใจเย็นก่อน กูรู้จักไอ้เวรนั่น” เพราะฉันยืนอยู่ไม่ไกลจากทั้งสองคนนักจึงได้ยินเสียงกระซิบของพวกเขา ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะรู้จักสิบทิศ “นั่นไอ้สิบทิศเอก AI ”
“แล้วไงวะ ก็แค่ไอ้พวกที่วัน ๆ อยู่แต่ในแล็บ”
สิบทิศอยู่วิศวะคอมเอก AI งั้นเหรอ… เอกเดียวกับเดย์เลยนี่
“มันไม่ได้ไก่อย่างที่มึงคิดนะเว้ย พวกแม่งโคตรเอาเรื่องเลยแหละ มึงอย่าไปมีเรื่องเลยดีกว่า เชื่อกู” เพื่อนเขาพยายามห้าม แต่คนเมาอะนะ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
“มึงจะกลัวเหี้ยอะไร พวกเรามาเยอะกว่า”
“งั้นมึงก็หันไปดูหน้าพวกเราดิว่ามีใครอยากมีเรื่องกับมันไหม” พอเขาพูดแบบนั้นฉันเลยหันไปมองทางกลุ่มพวกเขา และเห็นว่าคนพวกนั้นไม่มีใครกล้ามองไปทางสิบทิศสักคน ราวกับกลัวที่จะมีเรื่องกับสิบทิศ
“ชิ! ฝากไว้ก่อนเหอะมึง!” หมอนั่นทำท่าหัวเสีย ชี้นิ้วใส่สิบทิศก่อนเดินออกไปโดยมีกลุ่มเพื่อน ๆ เขารีบเดินตามไปด้วย
บรรยากาศภายในผับกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง พนักงานคนเดิมวิ่งขึ้นมาบนเวทีและกระซิบบอกให้ฉันทำหน้าที่ดีเจต่อไป ฉันพยักหน้ารับ เดินกลับมายืนหน้าคอนโทรลเลอร์ ทันทีที่กดเปิดเพลง แสงไฟในผับดับลงเปลี่ยนเป็นไฟเธค ทุกอย่างกลับสู่ปกติอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างยกเว้นฉัน…
เพราะในตอนนี้นอกจากฉันจะทำตัวปกติไม่ได้แล้ว ฉันยังไม่สามารถหันไปมองทางเดย์ได้เลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเดย์กลับไปที่โต๊ะหรือยัง ฉันไม่กล้ามอง ไม่กล้าหันไปทางนั้น
ฉันกลัว… กลัวว่าสิ่งที่คิดจะเป็นความจริง
ขอล่ะ… ขออย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลย
โลกบ้า ๆ นี่มันคงไม่กลมจนน่ารังเกียจขนาดนั้นหรอกใช่ไหม??