ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ฉันเปิดเพลงสุดท้ายและส่งต่อให้ดีเจอีกคนขึ้นมาทำหน้าที่ เพราะว่าคืนนี้หมดหน้าที่ของฉันแล้ว แน่นอนว่างานฉันเสร็จแล้ว และเดย์มายืนรอรับฉันที่ข้างบูธดีเจแล้วเช่นกัน
“เหนื่อยไหม”
ฉันรับน้ำที่เดย์ส่งให้มาดื่ม เขาสวมเสื้อคลุมให้ฉันและพาเดินออกมาจากตรงนั้น
“อือ นิดหน่อย”
“แล้วจะโดนตำหนิหรือเปล่า เรื่องเมื่อกี้น่ะ”
ฉันชะงัก หันมองเดย์เล็กน้อย เขาหมายถึงว่าฉันจะโดนเจ้าของผับตำหนิเรื่องที่มีเรื่องกันเมื่อกี้นี้หรือเปล่าสินะ
“คงไม่หรอก แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน แล้วก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรด้วยนี่”
“ขอโทษนะ” เดย์พาฉันเดินมาหยุดยืนตรงโถงทางเดิน สีหน้าเขาดูจะลำบากใจมาก ๆ
“นายจะขอโทษทำไม นายไม่ได้เป็นคนทำสักหน่อย”
คนทำคือสิบทิศต่างหาก เขามันตัวปัญหาชัด ๆ
“ฉันไม่ได้ทำ แต่เพื่อนฉันมันทำไง”
อะไรนะ… เพื่อน?
ฉันเงยหน้ามองเดย์ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาผิดจังหวะ ภาวนาขอให้สิ่งที่คิดไม่เป็นความจริง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้ผลงั้นสินะ
“จริงสิ เดี๋ยวฉันพาไปแนะนำให้รู้จักนะ” เดย์จับมือฉันแล้วทำท่าจะพาเดินไปทางโต๊ะเขา ฉันมองไปทางนั้นและเห็นว่ามีร่างสูงของคนคนนั้นกำลังนั่งอยู่จริง ๆ ด้วย
“เอ่อ… เดี๋ยวก่อนนะเดย์” ฉันยื้อข้อมือเอาไว้ เดย์หยุดเดินหันกลับมามอง เป็นจังหวะเดียวกันกับสิบทิศมองมาทางนี้พอดี ฉันสบตากับเขานิ่ง ดวงตาคมมีแววคุกรุ่นจ้องมาทางฉัน เขามองแผ่นหลังเดย์ก่อนหยุดลงที่มือของพวกเรา ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มเย็น
ฉันเกลียดโลกใบนี้ชะมัด… ทำไมทำแบบนี้กับฉันอีกแล้ว!
“เป็นอะไร? มีอะไรหรือเปล่า?” เดย์ทำท่าจะหันไปมองตามสายตาฉัน แต่ฉันกระตุกมือเขาไว้ก่อน จะให้เขารู้เรื่องระหว่างฉันกับสิบทิศไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด…
ดูเหมือนว่าสิบทิศเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องฉันเป็นแฟนเดย์เหมือนกัน เขาน่าจะยังไม่ได้พูดเรื่องอดีตกับเดย์ด้วย ถ้าฉันทำหน้ามึนไม่รู้จักเขา คิดว่าคนอย่างสิบทิศก็คงจะไม่ทำเป็นรู้จักฉันเช่นกัน
“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ” ฉันยิ้มตอบ เดย์จูงมือฉันมาที่โต๊ะ เพื่อนของเขาทั้งสองพากันเงยหน้ามองฉัน คนหนึ่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ส่วนอีกคนหน้าบึ้งตึงเหมือนรูปปั้นก็ไม่ปาน
“นี่ควีน แฟนกู” มาถึงเดย์ก็แนะนำแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำฉันอึกอักเล็กน้อย
“หวัดดี ฉันเฟรมนะ ส่วนนี่ไอ้สิบทิศ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมทีมเดียวกับไอ้เดย์” ผู้ชายที่ยิ้มเป็นมิตรแนะนำตัว เขาดูอัธยาศัยดีน่าคบหา ต่างจากคนข้าง ๆ ที่เย็นชาปานน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ฉันทำเมินใส่สิบทิศและหันไปยิ้มตอบเฟรม เดย์ดึงฉันนั่งลงด้านข้างเขาซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสิบทิศ
บรรยากาศน่าอึดอัดชะมัดเลย ทำไมฉันต้องมานั่งตรงหน้าสิบทิศด้วย แล้วดูสายตาของเขาสิ จะจ้องฉันให้ทะลุเลยหรือไง เดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยหรอก
“เดย์ ฉันขอไปคุยโทรศัพท์แป๊บนะ” เพราะทนอยู่ตรงนี้นาน ๆ ไม่ไหว ฉันจึงหาทางหลบออกมาอย่างเนียน ๆ เดย์โบกมือปฏิเสธแก้วเหล้าที่เฟรมจะยื่นมาให้แทนฉัน เขารู้ดีว่าฉันไม่ชอบดื่มเหล้า ก่อนหันมาคุยกับฉัน
“อือ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนไหม?”
“ไม่เป็นไร นายอยู่กับเพื่อน ๆ เถอะ ฉันคุยแป๊บเดียว”
“เอางั้นเหรอ โอเค” เขาตอบรับอย่างว่าง่าย เดย์เป็นคนแบบนี้ เขาไม่เซ้าซี้ ไม่เอาแต่ใจ และเชื่อฟังฉัน เขาเป็นแฟนที่ดีจริง ๆ นั่นแหละ
หลังจากลุกออกมาจากโต๊ะ ฉันเดินอ้อมมาด้านหลังผับ บริเวณจุดที่มีไว้ให้นักเที่ยวสูบบุหรี่ ฉันมองควันสีขาวจากบรรดานักเที่ยวที่กำลังยืนสูบอยู่ไม่ไกล พอได้กลิ่นก็รู้สึกครั้นเนื้อครั้นตัวขึ้นมาเลยแฮะ
อยากสูบชะมัด…
หมับ!
ขณะที่ฉันกำลังยืนระงับจิตระงับใจไม่ให้ไขว้เขวกับอบายมุขเช่นบุหรี่อยู่นั้น จู่ ๆ ข้อมือถูกใครบางคนคว้าจับและดึงฉันเข้ามาในห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งซึ่งภายในห้องมืดสลัวและเต็มไปด้วยกลิ่นอับ คาดว่าน่าจะเป็นห้องเก็บของของผับ
“จะทำบ้าอะไร?” ฉันยื้อข้อมือตัวเองพลางเอ่ยถามโดยไม่เงยหน้ามอง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าของการกระทำห่าม ๆ นี่เป็นใคร มีอยู่คนเดียวในโลกเท่านั้นแหละที่ฉันรู้จัก
“ควีนงั้นเหรอ… ฮึ!” น้ำเสียงเย็นชากดต่ำ ใบหน้าหล่อเหลาก็เช่นกัน เขาก้มลงมาใกล้ฉันมาก ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจกรุ่นร้อนเจือแอลกอฮอล์เข้ม ๆ ของเขา
“ปล่อย…”
“อย่ามาสั่งฉัน!” สิบทิศดูจะเดือดมาก ถามว่าฉันแคร์ไหม? ก็ไม่
“นายนั่นแหละอย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” คราวนี้ฉันสะบัดมือออกสุดแรง และผลักไหล่ร่างสูงให้ถอยห่างออกไป “คิดว่าตัวเองเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับฉัน?”
ฉันเงยหน้าจ้องตาดวงตาคมเข้มอย่างไม่ยอมแพ้ ถ้าคิดว่าฉันจะอ่อนแอยอมให้เขารังแกง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อนละก็… คิดผิดแล้ว
บอกแล้วไงว่าผู้หญิงหน้าโง่คนนั้นตายไปนานแล้ว!
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะพราว! ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้?”