ห้องปฏิบัติการ 9
ฉันหยุดยืนมองป้ายหน้าประตูห้อง ตึกนี้เป็นตึกวิศวกรรม และทั้งชั้นนี้ก็เป็นชั้นของห้องปฏิบัติการวิศวะคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็นหลายห้อง ตามการปฏิบัติการของแต่ละชั้นปี แต่ทีมของเดย์พิเศษหน่อยเพราะมีห้องปฏิบัติการประจำกลุ่มตัวเองด้วยซึ่งก็คือห้องตรงหน้าฉันตอนนี้
หลังจากยืนชั่งใจชั่วครู่ ฉันตัดสินใจเปิดประตูเข้ามาด้านใน ภายในห้องค่อนข้างกว้างพอสมควร กวาดสายตามองรอบห้อง พบความว่างเปล่า มีเพียงโต๊ะปฏิบัติการสามสี่โต๊ะวางอยู่ตามมุมห้อง และยังมีเครื่องกลหน้าตาแปลก ๆ วางอยู่ด้วย ฉันได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากห้องเล็ก ๆ ด้านในสุดซึ่งน่าจะเป็นห้องเก็บของ มองตามเสียงก็ต้องชะงักเมื่อเจอกับร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากห้องนั้นพอดี
“…” เราสองคนสบตากัน ก่อนจะยืนนิ่งทั้งคู่
ฉันกลับเลยทันไหมนะ…
ปึง!
พอจะหมุนตัวกลับมาเปิดประตู จู่ ๆ ร่างสูงที่สบตากันเมื่อครู่พุ่งเข้ามาใช้มือผลักบานประตูปิดดังลั่นจนฉันสะดุ้งตกใจ เขาขยับตัวไวมาก ไวจนฉันมองไม่ทัน
“มาทำอะไรที่นี่?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามในระยะประชิด เขาอยู่ใกล้ฉันมาก ไม่สิ ตอนนี้เขากำลังยืนซ้อนแผ่นหลังฉันเลยต่างหาก ความใกล้ชิดกะทันหันทำฉันตั้งตัวไม่ถูก รีบหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วแนบชิดแผ่นหลังกับบานประตูเพื่อเว้นระยะห่าง
“ฉันมาหาเดย์”
“มาหามันทำไม” ฉันจ้องตากับสิบทิศนิ่ง ๆ นี่เขาไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งถามกันนะ เดย์เป็นแฟนฉัน ฉันมาหาเขามันน่าแปลกตรงไหนกัน
“ช่วยถอยออกไปหน่อย ฉันจะออกไปรอเขาข้างนอก” ฉันไม่ตอบคำถามเขา แต่หลุบตามองระยะห่างระหว่างเราแทน สิบทิศไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าฉันหมายถึงอะไร แต่เขาไม่ทำ
“เธอยังคิดจะคบกับมันต่อไปอีกเหรอวะ?”
ฉันเงยหน้าสบตากับสิบทิศ ไม่เข้าใจในคำถามของเขา
“รู้ว่ามันเป็นเพื่อนฉันแต่ก็ยังจะคบต่อ?”
“แล้วมันยังไง?”
ใช่ นั่นแหละที่ฉันอยากถาม
เดย์เป็นเพื่อนสิบทิศ แล้วทำไมฉันถึงคบกับเดย์ต่อไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเรื่องของฉันกับสิบทิศมันจบไปนานแล้วนี่นา
“คบกับเพื่อนของแฟนเก่า ทำได้?” คิ้วขวาเลิกขึ้นหน่อย ๆ ขณะหลุบสายตามองฉัน
“อดีตก็คืออดีต หมายถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เรื่องที่ลืมไปแล้ว ทำไมต้องสน?” ฉันไม่ได้จะกวนประสาทเขานะ ฉันพูดเพราะคิดแบบนั้นจริง ๆ แต่เหมือนว่าคนตัวสูงกว่าจะไม่ได้คิดแบบเดียวกัน
“อ้อ เปลี่ยนสถานะฉันจากแฟนเก่าเป็นเพื่อนแฟนใหม่แทน?”
“ก็แล้วแต่นายจะคิด เพราะไม่ว่านายจะอยู่ในสถานะไหนมันก็ไม่ได้มีค่าหรือมีความหมายอะไรกับฉันอยู่แล้ว” ฉันตอบหน้าตาย
สิบทิศขบกรามแน่นราวกับกำลังสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเอง เขาละสายตาข้ามไหล่ฉันไปทางบานประตู หันมองตามก็เห็นว่าช่องกระจกใสปรากฏร่างสูงของผู้ชายสามคนกำลังเดินมาทางนี้ หนึ่งในนั้นก็คือเดย์ ฉันทำท่าจะจับประตูแต่ถูกมือหนาแย่งจับซะก่อน
กริ๊ก…
เสียงกดล็อกประตูทำฉันสะดุ้งหันมองเขาทันที สิบทิศจงใจกดล็อกประตูทั้งที่เห็นอยู่แท้ ๆ ว่าเดย์กำลังเดินมา แถมเขายังเอื้อมมือปิดม่านตรงช่องประตูไม่ให้คนข้างนอกมองเข้ามาด้านใน
“ทำบ้าอะไร!” ฉันขมวดคิ้วใส่ เป็นจังหวะเดียวกับบานประตูถูกเขย่าเบา ๆ คนด้านนอกคงจะดันประตูเข้ามาแต่เพราะมันล็อกจึงเปิดไม่ได้ สิบทิศยกยิ้มมุมปาก เขาขยับเข้ามาใกล้ ไม่สิ เขาก้มหน้าลงมาใกล้หน้าฉันเลยต่างหาก!
สิบทิศจงใจเอาหน้าหล่อ ๆ กับรอยยิ้มแสนร้ายกาจของเขาเข้ามาใกล้ฉัน ริมฝีปากหนายกยิ้มร้ายพลางกระซิบเสียงเบา
“อยากจะเปิดประตูตอนนี้เลยไหมล่ะ?”
“…”
“เปิดให้มันเข้ามาเห็นว่าฉันกำลังใกล้ชิดกับเธอมากแค่ไหน”
บ้าหรือไง! ฉันไม่ทำแบบนั้นแน่!
“ทำไมประตูล็อกวะ?” เสียงไม่คุ้นหูดังมาจากหลังบานประตู ฉันเม้มริมฝีปากอย่างกังวล ถ้าเมื่อครู่ประตูไม่ได้ล็อกและเดย์เปิดเข้ามาเจอฉันอยู่กับสิบทิศ เชื่อเถอะว่าเขาไม่คิดมากหรือสงสัยอะไรหรอก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าฉันจะมา แต่สิบทิศดันล็อกประตูนี่น่ะสิ แบบนี้มันน่าสงสัยยิ่งกว่าอีก
“ลองโทรหาไอ้สิบดิ มันอยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ” เสียงใครอีกคนเสนอขึ้นมา จากนั้นไม่นานโทรศัพท์ของสิบทิศก็ดังขึ้น
ฉันถลึงตาตกใจ เพราะสิบทิศยืนอยู่หน้าประตู พอเสียงโทรศัพท์เขาดัง คนด้านนอกก็ได้ยินด้วย
“เฮ้ย เหมือนกูได้ยินเสียงโทรศัพท์มันดังจากหลังประตูว่ะ”
“เออ กูก็ได้ยิน”
สิบทิศหยิบโทรศัพท์ออกจากเสื้อกาวน์สีขาว เขายกยิ้มร้ายมุมปากก่อนจะเบี่ยงหน้าจอมาทางฉัน
[DAY]
ชื่อบนหน้าจอทำหัวใจฉันเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย เดย์คือคนกดต่อสายหาสิบทิศ ฉันยืนอยู่ไม่สุขแล้ว เดาใจสิบทิศไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรบ้า ๆ อีก
สิบทิศปล่อยให้สายตัดไป ได้ยินเสียงเดย์บ่นจากด้านนอกดังแว่วเข้ามา
“มันไม่รับ สงสัยยุ่งอยู่”
จากนั้นไม่ถึงสิบวินาที…
ปึง ๆ ๆ
บานประตูถูกทุบจนแผ่นหลังฉันสะเทือน ฉันสะดุ้งตกใจเกือบหลุดเสียงร้องออกมา โชคดีที่ยกสองมือปิดปากไว้ทัน
บ้าเอ๊ย… ทำไมฉันต้องมาอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้ด้วย!