ฉันเดินออกมาหาที่นั่งรอเวลา ยังดีที่ผับนี้มีโซนสงบ ๆ สำหรับแขกวีไอพี ฉันเข้ามานั่งในห้องวีไอพีห้องหนึ่ง พนักงานบอกว่าห้องนี้มีแขกจองเอาไว้ แต่จะมาดึกหน่อย ฉันเลยขอเข้ามานั่งรอระหว่างแขกยังไม่มา
ฉันเผลอหลับไปหลังจากแชทคุยกับเดย์เสร็จ ในภวังค์ความฝัน ฉันรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออบอุ่นของใครคนหนึ่ง ฉันซบใบหน้าลงบนความอบอุ่นนั้นอย่างโหยหา ก่อนจะสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ
“…”
ภาพตรงหน้าทำเอาฉันนิ่งอึ้งพูดไม่ออก เพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ มันเป็นไปไม่ได้…
ทำไม… ทำไมสิบทิศถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?
“ไม่ระวังตัวเลยนะ ฮึ” น้ำเสียงเย็นชาไม่แพ้สีหน้าเรียกสติฉันให้กลับมา ฉันกะพริบตามองคนตัวสูงที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตัวข้าง ๆ ด้วยความมึนงง มองรอบตัวก็พบว่าตัวเองยังนั่งอยู่ในห้องวีไอพีห้องเดิม เพิ่มเติมคือสิบทิศนั่งอยู่ด้วย
“นาย… นายเข้ามาได้ยังไง?”
“ฉันควรจะถามเธอมากกว่า”
ฉันมองดูขวดเหล้าและมิกเซอร์บนโต๊ะตรงหน้าด้วยความมึนงง ก่อนหน้านี้มันยังไม่มีอะไรวางอยู่เลยนี่ หรือว่า…
“นายคือแขกวีไอพีห้องนี้เหรอ?”
สิบทิศไม่ตอบอะไร นั่นก็ช่วยยืนยันคำตอบของคำถามฉันแล้ว
นี่มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ให้ตายเหอะ…
“นิสัยหลับไม่เป็นที่เป็นทางของเธอนี่มันแก้ไม่หายสินะ”
ฉันชะงักไปกับคำพูดของสิบทิศ อดจะช้อนสายตามองเขาไม่ได้
เขายังจำได้สินะ…
ตอนเราพบกันครั้งแรก… ฉันกำลังหลับอยู่บนดาดฟ้าของตึกเรียน วันนั้นแดดร้อนมาก แต่เพราะฉันเพลียมากจึงหลับไปไม่รู้ตัว กระทั่งตื่นมาอีกทีก็เห็นว่ามีมือคู่หนึ่งกำลังยื่นมาบังแดดให้
ฉันยังจำภาพของเจ้าของมือคู่นั้นได้ไม่เคยลืม เขาที่กำลังยืนอยู่พร้อมกับยื่นมือบังแดดให้ฉัน แสงแดดสะท้อนจากแผ่นหลังกว้างขับให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูดีราวกับเทพบุตร
นั่นเป็นครั้งแรกที่หัวใจแสนเย็นชืดของฉันเต้นผิดจังหวะ และเป็นครั้งแรกที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับเขา…
ติ้ด ๆ
เสียงแจ้งเตือนปลุกจากโทรศัพท์ดึงฉันออกจากภวังค์ในอดีต กะพริบตาสองสามทีขณะยังคงสบตากับสิบทิศ เขามองฉันโดยไม่ได้ละสายตาไปไหน มองจนฉันทำตัวไม่ถูก
ฉันควรจะไปจากตรงนี้…
ฉันรีบลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาทำงานแล้ว เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดออกพร้อมร่างบางในชุดเดรสรัดรูปสุดเซ็กซี่เดินเข้ามา เธอชะงักมองมาทางฉัน แววตาเหยียดหยันไม่พอใจชัดเจน
ฉันเลิกสนใจและเดินผ่านหน้าเธอออกมา ตอนที่ประตูกำลังปิด ฉันเห็นเธอคนนั้นนั่งลงด้านข้างสิบทิศ มือข้างหนึ่งลูบไล้แผงอกกำยำ ฉันละสายตาจากภาพนั้นขึ้นสบตากับดวงตาคมกริบที่กำลังจ้องมา
ชั่วขณะหนึ่ง… แววตาคมคู่นั้นวาววับราวกับกำลังท้าทายฉัน ริมฝีปากหนายกยิ้มร้ายมุมปาก ฉันเผลอเม้มปากโดยไม่รู้ตัว หันหน้าหนีและปิดประตูบานนั้นลง
ความรู้สึกรุ่มร้อนในอกนี่มันคืออะไรกัน… ผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรกับใครมันก็เรื่องของเขานี่ ทำไมฉันต้องใส่ใจด้วย
“อย่ามาตลกนะเว้ย! พวกฉันจองห้องนั้นไว้ก่อนแล้ว จู่ ๆ จะมาเปลี่ยนห้องตามใจชอบได้ไงวะ?”
เสียงโวยวายจากทางเดินก้องกังวานไปทั่ว ฉันอดไม่ได้ที่จะหันมอง ตรงนั้นมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งกำลังยืนโวยวายใส่พนักงานอยู่ ฉันจะไม่สนใจเลยถ้าหนึ่งในผู้ชายกลุ่มนั้นไม่ได้มีเจสันยืนอยู่ด้วย และเขากำลังมองมาทางฉันพอดี
“ทำไมเธอออกมาจากนั้นได้ล่ะ?” เขาเดินเข้ามาหาฉัน สายตาปรายมองไปทางประตูห้องวีไอพีที่ฉันเพิ่งเดินออกมา “หรือว่าเธอรู้จักคนที่อยู่ในห้องนั้น?”
“ใครวะไอ้เจสัน มึงรู้จักเหรอ” เพื่อนเขาเดินตามหลังมารุมล้อมรอบตัวฉัน ท่าทางคุกคามจนฉันเผลอถอยหลังหนีหนึ่งก้าว
“ใจเย็น ๆ ก่อนครับคุณลูกค้า ทางผมจัดห้องใหม่ให้คุณลูกค้าแล้วครับ เชิญทางนี้ดีกว่าครับ” พนักงานพยายามเข้ามาช่วยเหลือฉัน แต่เหมือนว่าชายกลุ่มนี้จะไม่ยอมจบง่าย ๆ
“ได้ไงวะ นี่มันห้องประจำพวกฉัน แล้วฉันก็จองก่อนแล้วด้วย จู่ ๆ จะมาเปลี่ยนห้องกะทันหันได้ไง แบบนี้มันไม่ไว้หน้ากันเลยนี่หว่า”
“เออ นั่นดิ อยากเห็นหน้าไอ้เวรที่กล้าตัดหน้าแย่งห้องกูไปนัก มันใหญ่มาจากไหนนักวะ” เพื่อนของเจสันสลับกันพูด แถมยังทำท่าจะเปิดประตูห้องเข้าไปด้านใน แต่พนักงานเอาตัวไปขวางเอาไว้
ถ้าฟังไม่ผิด… แขกที่จองห้องนี้ไว้คือกลุ่มเพื่อนของเจสันงั้นสินะ แต่สิบทิศมาตัดหน้าแย่งห้องไป ฉันเข้าใจถูกไหม?
ว่าแต่ทำไมสิบทิศถึงทำอะไรแบบนั้นด้วยล่ะ?
“เอ่อ ใจเย็น ๆ กันก่อนนะครับ” พนักงานละล่ำละลัก เริ่มมีแขกที่เดินผ่านไปมาหันมาสนใจพวกเขา
“เฮ้ยพวกมึง ใจเย็นก่อน” เจสันเอ่ยปรามเพื่อน ๆ เขาคงไม่อยากตกเป็นข่าวซุบซิบตอนนี้ ซึ่งเพื่อน ๆ เขาก็ยอมหยุดโวยวาย “พวกมึงไปรอที่ห้องใหม่ก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”
พวกเพื่อนเขายอมเดินตามพนักงานไป เจสันหันมายิ้มให้ฉัน มันเป็นรอยยิ้มของพวกขี้หลี ไม่น่าไว้ใจสุด ๆ
“ฉันขอตัวก่อนนะ” ฉันตัดบทเดินหนีเขาออกมา ทว่ากลับถูกมือหนาน่าขยะแขยงของเจสันคว้าข้อมือเอาไว้ ฉันหันขวับกลับไปมองแทบจะทันที
ผู้ชายคนนี้หยาบคายเกินไปหรือเปล่า เราสนิทกันถึงขนาดแตะเนื้อต้องตัวกันได้งั้นเหรอ?
“จะทำอะไร?” ฉันกระชากมือออก ถอยหลังมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ แสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจเขามาก อย่ามายุ่งกับฉัน
“โอ้ว ซอรี่ ฉันไม่ได้เจตนาจะล่วงเกินเธอนะ แค่อยากคุยด้วยเท่านั้นเอง”
“แต่ฉันไม่อยากคุยกับนาย” ฉันตอบทันควัน พอเห็นสีหน้าแข็งกร้าวของเจสันจึงเปลี่ยนคำพูดใหม่ “ถึงคิวฉันขึ้นบูธแล้ว ขอตัว”
“Ok, I wait you.” (ตกลง ฉันจะรอเธอ)
ฉันไม่ได้สนใจจะฟังว่าเจสันพูดอะไรอีก รีบเดินหนีเขาออกมา จึงไม่ทันเห็นแววตาของเจสันที่มองตามหลังฉันจนลับสายตา
สายตาอันตรายคู่นั้น