ผมมาถึงโกดังร้างแห่งหนึ่งย่านชานเมือง สาวเท้าเดินเข้ามาด้านใน ได้ยินเสียงการต่อสู้ลอยเข้ามาในหู ปราดสายตามองก็เจอเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งกำลังรุมทำร้ายผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอม
ผมยืนมองภาพนั้น สองหมัดกำแน่น
ผมก็เป็นคนแบบนี้แหละ จะด่าว่าเย็นชา ไร้หัวใจ หรืออะไรก็ช่าง ต่อให้เป็นเพื่อนกัน ถ้าผมไม่อยากช่วย ผมก็ไม่คิดจะช่วย โดยเฉพาะไอ้เวรนั่น…
ผมยังจำภาพที่มันอี๋อ๋อกับพราวได้ ไม่สิ ผมคงต้องเรียกเธอว่าควีนแล้วสินะ แต่ไม่อยากเรียกว่ะ เพราะสำหรับผม ไม่ว่าจะพราวหรือควีน เธอก็คือคนคนเดียวกันอยู่ดี
นั่นแหละ… ผมยังจำภาพเหล่านั้นได้ไม่ลืม ภาพไอ้เดย์แนบชิดสนิทสนม ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพราว
ผมไม่ชอบ และโคตรหวงด้วย
ใครจะมองว่าผมใจแคบ ใจดำก็ช่าง ผมไม่แคร์
ผู้หญิงคนนั้นเป็นของผม จะพราวหรือควีน เธอก็คือของผม
สำหรับเธอ... ผมเป็นแค่อดีตแสนเลวร้าย อยากจะลบ อยากจะลืม อยากจะหนี ฝันไปเถอะ... เธอเป็นของผม ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ต่อให้ผมโยนทิ้งขว้าง... ของของผมก็คือของผมอยู่ดี
และไอ้เวรหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งเธอไปได้ทั้งนั้น
ผลั๊วะ!
ไม้เบสบอลในมือผมฟาดลงกลางหลังของไอ้เศษสวะตัวหนึ่งที่กำลังง้างเท้าจะกระทืบไอ้เดย์ มันล้มลงบนพื้น สวะตัวอื่นอีกสามสี่คนพากันถอยหนีแทบจะทันที
“เฮ้ย! มึงเป็นใครวะ!” พวกมันตัวหนึ่งตะโกนถามเสียงดัง ผมไม่ได้สนใจจะชายตามองเพราะสายตากำลังหลุบมองไอ้คนบนพื้นด้วยแววตาสมเพช
ยิ่งเห็นหน้ามันก็ยิ่งอยากจะซัดหน้าแม่ง
แต่จะทำแบบนั้นไม่ได้ จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปทางพวกสวะอีกสามสี่ตัวที่เหลือแทน
พลั่ก!
“อ๊ากกก” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วโกดัง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงไม้เบสบอลฟาดกับร่างกายมนุษย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมระบายอารมณ์ใส่พวกมันลงไปนอนกองบนพื้นทีละตัว จนสวะตัวสุดท้ายล้มหล่นดังตุบ ผมถึงยกหลังมือขึ้นปาดรอยเลือดบนใบหน้าตัวเอง
เพียงชั่วพริบตาไอ้พวกสวะที่รุมทำร้ายไอ้เดย์เมื่อครู่ลงไปนอนกองสลบเหมือดอยู่เต็มพื้น ผมเดินเข้าไปเหยียบอกสวะตัวหนึ่งที่ยังมีสติอยู่ ใช้ปลายไม้เบสบอลกดลงบนคอหอยของมันแรง ๆ
“อั่ก!”
“คราวหลังอย่าหมาหมู่นะไอ้พวกเวร ถ้าคิดจะเอาคืนก็รีบ ๆ ด้วย” ปลายไม้เบสบอลผ่อนแรงลงเมื่อเห็นมันหน้าเขียวเหมือนจะขาดอากาศหายใจตาย ผมแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม งอนิ้วชี้หน้าตัวเอง “แล้วก็จำหน้ากูไว้ให้ดี ๆ เวลามาเอาคืนจะได้ไม่ผิดตัว”
ปั่ก!
“อ๊าก!” หลังพูดจบผมฟาดมันสลบไปอีกคน กวาดสายตามองหาคนอื่นที่ยังเหลือสติ ปรากฏว่าไม่มีใครแล้ว จะมีก็แต่ไอ้เดย์ที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงไม้พาเลชอยู่ไม่ไกล
น่าสมเพชสิ้นดี
ผมมองตาขวางใส่มัน อยากจะเดินเข้าไปฟาดมันสักทีให้หายโมโหอยู่ ถ้าไม่ติดว่ารับปากยัยนั่นไว้แล้ว
“ไงมึง ใกล้ตายยัง?” ผมดึงมันขึ้นยืน ไอ้เดย์ไอค่อกแค่กสองสามทีแล้วถมเลือดลงพื้น สภาพน่าสมเพชจนไม่อยากจะมอง
“มะ มึงมาได้ไง”
“ก็ไม่ยาก” ผมประคองมันเดินออกมาจากโกดัง พามาที่รถตัวเอง ชายตามองไปทางรถไอ้เดย์อย่างนึกรำคาญ
ยุ่งยากฉิบหาย…
“เออ มึงมาที่นี่หน่อย เดี๋ยวกูส่งพิกัดให้ พาไอ้คีมาด้วย ให้มันมาขับรถไอ้เดย์กลับไปจอดที่แล็บ”
ผมกดต่อสายหาไอ้เฟรมและพูดสั่งมันโดยไม่ได้รอให้มันได้ถามอะไรกลับ หลังพูดจบก็กดตัดสายทิ้ง โดยไม่ลืมส่งพิกัดที่นี่ไปทางแชทไลน์ หันกลับมามองไอ้เดย์ที่นั่งพิงเบาะรถผมอย่างหมดสภาพ ใบหน้ามันยับเยิน คิ้วแตก ปากแตก ตาปูด ดูท่าจะโดนไอ้พวกสวะนั่นจัดมาหนัก
“จะส่งมึง รพ หรือวัดดี?” ผมเข้ามานั่งฝั่งคนขับ สตาร์ทรถแล้วขับออกมาจากโกดังร้างนั้นด้วยความเร็วระดับนรก เสียงไอ้เดย์ไอตลอดทางกว่ามันจะพูดตอบผมกลับได้
“พา… กูกลับ… ห้อง”
“แน่ใจ?” ผมขมวดคิ้วมองมัน “สภาพเละขนาดนี้มึงควรไปโรงพยาบาลมากกว่าไหม”
“ไม่ได้ แค่ก! กูไม่อยากให้… ควีนรู้เรื่อง” พอฟังคำตอบของมันจบ ผมเหยียบคันเร่งมิดไมล์เลย
จู่ ๆ ก็รู้สึกหัวร้อนหนักกว่าเดิม ทั้งที่แม่งปางตายซะขนาดนี้ยังจะแคร์ความรู้สึกยัยนั่นอีกทำไมวะ นี่มันคงคิดว่าแฟนสุดที่รักของมันยังไม่รู้เรื่องงั้นสินะ ทั้งที่ยัยนั่นยอมแลกทุกอย่างเพื่อมันแท้ ๆ ถึงขนาดยอมเป็นของเล่นของผม…
ก็ดี… ให้แม่งโง่ต่อไปแบบนี้แหละดี
ส่วนยัยนั่น… ผมเตรียมกลับไป ‘เล่น’ กับเธอแล้ว