ตอนที่ 6
แมทปวดหัวตั้งแต่เช้า
สามวันแล้วที่เขายอมให้หญิงสาวแปลกหน้าอยู่ร่วมชายคาด้วย และเป็นสามวันที่เขากำหมัดอย่างอดทนแทบจะทุกชั่วโมงที่ยังลืมตาตื่น
วันแรก เขายกเสื้อของตัวเองให้กับอลิสหนึ่งตัว เป็นเสื้อตัวใหม่ที่ความยาวของมันพอจะบดบังไปถึงเข่า อลิสเองก็รับไปอย่างงง ๆ จนแมทต้องอธิบายเรื่องเสื้อผ้าของมนุษย์ไว้ใช้ปกปิดร่างกาย
"ได้ ข้าเข้าใจแล้ว" และไม่ทันขาดคำ ร่างกายที่มีชุดขนนกปกปิดคล้ายชั้นในก็เปลือยเปล่า แมทยืนตาเบิกกว้างก่อนจะรีบหันหลังให้อย่างรวดเร็ว
"ทำไมไม่ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ" แมทโวยออกมา แต่อลิสกลับทำสีหน้างงงวยมากขึ้น
"ข้าทำอะไรผิด ก็เจ้าให้ข้าสวมเจ้านี่" อลิสชูเสื้อที่ชายหนุ่มมอบให้ ทั้งยังเดินไปเผชิญหน้ากับแมทด้วยร่างกายเปลือยเปล่า
แมทหันกลับไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว ก่อนเร่งให้หญิงสาวทำตามที่เขาสอนเมื่อครู่
"รีบ ๆ ใส่เสื้อซะ คุณจะเดินเปลือยกายในบ้านผมไม่ได้เด็ดขาด"
"ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าว่า" อลิสทำตามอย่างว่าง่าย สวมเสื้อตัวโคร่งไว้กับตัวแล้วรีบเดินไปอวดให้เจ้าของบ้านหนุ่มได้เห็น
แมทถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่กลับโล่งได้เพียงเสี้ยวนาที
พรึ่บ!
ปีกขนนกสีขาวถูกกางออกอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เสื้อที่เพิ่งจะสวมเข้าไปขาดเป็นรูกว้างตรงด้านหลัง
"เสื้อผ้าพวกมนุษย์นี่บอบบางจังเลยนะ" อลิสจับเศษริ้วของเสื้อที่ขาดขึ้นมาดู ส่วนแมททำเพียงยกมือขึ้นกุมขมับอย่างปวดสมอง
"ข้อห้ามอีกข้อ ห้ามกางปีกอีกจนกว่าคุณจะ..." แมทเว้นคำ ทำเพียงชี้นิ้วขึ้นข้างบน ซึ่งอลิสก็พอจะเข้าใจเลยรับปากอย่างว่าง่าย
"รออยู่ตรงนี้เดี๋ยวผมเอาเสื้อตัวใหม่มาให้" แมทกำลังจะเดินกลับไปยังห้องนอนก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ชายหนุ่มหันกลับไปจ้องมองอลิสอีกครั้ง
"อยู่นิ่ง ๆ โอเคนะ" อลิสพยักหน้ารับพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ ส่วนแมทก็รีบพุ่งตรงเข้าไปควานหาเสื้อผ้าที่จะให้หญิงสาวสวมใส่ได้
วันที่สอง แก้วกาแฟใบโปรดที่เขาใช้อยู่ทุกวันแตกละเอียดแค่เพราะอลิสโบกมือเพียงเล็กน้อย
แมททำเพียงปลอบตัวเองอยู่ในใจว่าแก้วใบนั้นเขาใช้งานมานานจนหมดอายุขัยของมันแล้ว แม้จะเสียดายมากก็ตาม
ส่วนเมื่อวาน บ้านเกือบไฟไหม้เพราะอลิสอาสาจะปิ้งขนมปังให้เขาเป็นการไถ่โทษเรื่องแก้วกาแฟ
"ข้าทำได้โดยไม่ต้องใช้เจ้าเครื่องนั่น" อลิสชี้นิ้วไปยังเครื่องปิ้งขนมปังที่ขี้เกียจทำงานในบางวัน แมทจะซื้อใหม่อยู่หลายครั้ง แต่พอเขาเอ่ยปากจะซื้อเครื่องใหม่ เจ้าเครื่องนี้ก็กลับมาทำงานได้ตามปกติเหมือนไม่เคยเสียมาก่อน
"เอาสิ อย่าทำบ้านผมไฟไหม้ล่ะ" แมทว่า เขายืนพิงสะโพกไปกับโต๊ะเพื่อรอชมฝีมือ
อลิสยกยิ้มอย่างมั่นใจก่อนชี้นิ้วไปยังขนมปังสองแผ่นที่วางอยู่บนจาน แค่เพียงพริบตาเดียวก็เกิดไฟลุกท่วมจนเกือบจะถึงฝ้าเพดาน
แมทสะดุ้งจนตัวโยน เปลวไฟลุกโชนเกือบลวกใบหน้าเขาไปอย่างฉิวเฉียด ก่อนตั้งสติได้รีบหยิบผ้าเช็ดมือมาตบลงบนขนมปังที่ยังมีไฟติดอยู่
อลิสยืนทำหน้างงเมื่อเห็นแมทกำลังดับไฟ
"เจ้าจะดับไฟทำไม ข้ากำลังปิ้งเจ้านี่ให้เจ้าอยู่นะ"
"ปิ้งบ้าอะไรล่ะ เห็นไหมว่าไฟจะไหม้บ้านอยู่แล้ว" แมทตะเบ็งเสียงใส่จนอลิสหดนิ้วกลับ พร้อมกับที่เปลวไฟถูกเก็บเข้าที่เหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
"อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องอาสาทำอะไรอีกทั้งนั้น เข้าใจไหม" แมทข่มอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมาเต็มที่ พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วนับเลขในใจ
ไม่เคยมีใครทำให้เขาหัวร้อนติดกันทุกวันได้ขนาดนี้มาก่อน อลิสเป็นคนแรกที่ทำให้ความใจเย็นของเขาแทบจะติดลบ
แต่แมทก็ไม่ใจร้ายไล่อลิสออกจากบ้านทั้งที่ทำได้
ข้อนี้แมทเองก็ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เช่นกัน
อลิสนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟาตั้งแต่เช้าเพราะถูกสั่งห้ามไม่ให้ลุกไปไหน ส่วนแมทกำลังวุ่นอยู่กับงานที่เพิ่งได้รับมาจากโรส
นิยายรัก
เศษกระดาษที่ใช้แล้วถูกขยำเป็นก้อนวางเกลื่อนอยู่ข้างถังขยะ ส่วนคนขยำกำลังนั่งนิ่งคิ้วขมวดอยู่ที่โต๊ะทำงาน มีสมุดหนึ่งเล่มกับปากกาหนึ่งด้ามวางอยู่ข้างกัน
เมื่อวานตอนเย็นโรสมาหาเขาที่บ้าน หลังจากที่ก่อนหน้าเคยเกริ่นกับเขาไว้แล้วบ้างว่าจะให้เขาเข้าร่วมโปรเจกต์นิยายรักของสำนักพิมพ์ แต่แมทปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่ง จนเมื่อวานโรสได้มาขอร้องแกมบังคับเขาให้ช่วยเขียนให้สักเรื่อง ทั้งในฐานะเพื่อนและผู้ร่วมงาน ทำให้วันนี้แมทค่อนข้างหัวร้อนอยู่พอสมควร
แมทไม่พอใจกับประโยคขึ้นต้นที่ตนเองเขียนจนต้องขยำกระดาษทิ้งไปหลายแผ่น มีอลิสนั่งมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อย ๆ แคบลงในความรู้สึกอยู่เงียบ ๆ
จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสองชั่วโมงที่แมทนั่งจมจ่อมไปกับหน้ากระดาษเปล่าที่ไร้ตัวอักษร
เขาไม่เชื่อในความรัก ไม่เคยมี และไม่เคยคิดว่าจะมีความรักเหมือนคนอื่น
นั่นเพราะเขาอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่อายุสิบหกปี ครอบครัวจากไปด้วยอุบัติเหตุ หลังจากนั้นแมทก็กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร มีเพื่อนน้อยมากใช้มือเดียวนับยังเหลือนิ้ว
และเขาเป็นนักเขียนสายแฟนตาซีที่ไม่มีความรักมาเกี่ยวข้อง จะให้เขียนนิยายรัก เขาคิดไม่ออกว่าจะเขียนออกมาได้อย่างไร แม้แต่ประโยคขึ้นต้นแมทยังใช้เวลาอยู่ครึ่งค่อนวัน
เวลาสี่เดือนสำหรับนิยายรัก อาจฟังดูมีเวลาเยอะ แต่สำหรับแมท ต่อให้ยืดเวลาไปอีกครึ่งปีเขาก็มั่นใจว่าตนเองไม่สามารถเขียนออกมาได้ สู้ให้เวลาเขาแค่เดือนเดียวเพื่อเขียนนิยายแฟนตาซี นี่สิที่แมทมั่นใจว่าเขาทำได้สบายมาก
"เฮ้อ พอ ๆ" แมททิ้งน้ำหนักตัวไปกับพนักพิงเก้าอี้ ถอนหายใจเหยียดยาวอย่างเหนื่อยอ่อน
เขาใช้พลังสมองไปมากจริง ๆ สำหรับช่วงเช้านี้ และดูเหมือนจะกินพลังงานของทั้งวันไปหมดแล้วด้วย
"ให้ตายสิ เปลี่ยนเป็นแฟนตาซียังจะง่ายกว่าอีก" ชายหนุ่มยังคงบ่นไปเรื่อยเปื่อยโดยมีอลิสนั่งจับจ้องอยู่ข้างหลัง
พฤติกรรมแปลก ๆ ของหนุ่มน้อยเจ้าของบ้านช่างน่าสนใจนัก วันหนึ่งช่างมีหลากหลายอารมณ์เสียเหลือเกิน
"ขอพรสิ ข้าให้เจ้าขอพรได้หนึ่งข้อ"
แมทจากที่เหนื่อยอยู่ก่อนหน้ากลับรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นกว่าเก่า เพราะเขาไม่เชื่อเรื่องการขอพร ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า
ส่วนนางฟ้า ข้อนี้เขาแค่ยังหาคำอธิบายให้ตัวเองไม่ได้เลยขอแปะโป้งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งไว้ก่อน
"เจ้าแค่เอ่ยปากขอข้า" อลิสยังไม่ละความพยายาม ลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนใกล้โต๊ะทำงานที่มีกองก้อนกระดาษขวางทางอยู่หลายก้อน
ร่างโปร่งนั่งลงเก็บก้อนกลม ๆ ขึ้นมาหนึ่งก้อนก่อนคลี่กระดาษให้เรียบเท่าที่ทำได้
ภายในกระดาษมีเพียงความว่างเปล่า แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามีรอยจุดของปากกาที่กดข่มไว้จนเกือบทะลุ นั่นเพราะแมทคิดคำไม่ออกเลยทำเพียงกดข่มปลายปากกาจนเป็นรอย
"ข้าช่วยเจ้าได้ แค่เจ้าขอพร"