รุ่งเช้าวันถัดมา
นั่งเหม่อเขี่ยข้าวในจานไปมาจนโดนยายผิงสุดที่รักเคาะกบาลด้วยด้ามทัพพี สติที่ลอยไปก็กลับมาครบในทันที
"เจ็บนะยาย"
"ก็ทำให้เจ็บไงล่ะไอ้นี่ ให้กินข้าวนะไม่ใช่มานั่งเขี่ยเล่น!" ยายดุพร้อมกับนั่งลงข้างๆ "เป็นอะไรของเอ็งถึงได้เหม่อลอย" พูดจบก็ตักข้าวใส่ปากผมเหมือนเด็กๆ แล้วบังคับให้เคี้ยวจนละเอียดก่อนกลืนลงคอ
"เรื่องเดิม"
"จะอะไรนักหนากับเด็กมันฮะ ผู้หญิงมีตั้งมากมายไม่ไปหาชอบ"
"ยาย...คนนี้คือคนที่ใช่ อยู่ๆ ใจผมก็หวั่นไหวขึ้นมาเมื่อตอนที่เจอหน้าน้องมันครั้งแรก"
"เด็กอายุสิบสองเนี่ยนะ"
"ตอนนี้สิบแปดละ"
"ก็ยังเด็กอยู่ดี"
"แต่สวยมากนะยาย แถมยังวางตัวดี ไม่ดี๊ด๊าหรือว่าออกตัวแรงตอนที่ผมบอกว่าชอบ ถ้าเป็นผู้หญิงบางคนอื่นนี่คงจะแบบ..." ไม่พูดดีกว่า เอาเป็นว่าตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นผมเจอมาเยอะ แต่ก็ยังซิงอยู่ คิงน้อยไม่มีใครเคยได้เห็นอกจากคิงใหญ่คือผม
"ไม่คิดจะให้เด็กมันมีอนาคตที่ดีกว่านี้เหรอ ยายไม่อยากเห็นใครต้องมีจุดจบแบบแม่เอ็งอีก" ยายพูดอย่างทอดถอนใจ
ที่ยายพูดแบบนั้นก็เพราะผมเป็นเหมือนพ่อไปแล้ว เบื้องหน้าดูดีทำงานสุจริตแต่เบื้องหลังนี่งานทุจริตทั้งนั้น
ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้แต่สถานการณ์มันพาไป อยู่ที่ญี่ปุ่นผมเป็นนายน้อยและพ่อเป็นนายใหญ่ส่วนอยู่ประเทศไทยผมก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง
"เธอไม่มีวันรู้หรอกเพราะนี่มันเมืองไทย"
"ความลับไม่มีในโลก ไม่ว่าจะอยู่ไหนถ้าความลับมันจะเปิดเผยก็ต้องเปิดเผยอยู่ดี สู้บอกให้เขารู้แต่แรกจะไม่ดีกว่ารึไง ถ้ารับได้ก็โอเค รับไม่ได้ก็ไปคนละทาง" ยายวางมือลงบนบ่าผมก่อนจะบีบเบาๆ "ความรักไม่ใช่สิ่งขับเคลื่อน เงินต่างหากนะคิง"
"แต่ผมอยากมีความรัก ต่อให้รู้ว่าถ้าวันหนึ่งเธอรู้เรื่องงานที่ทำแล้วจะจบความสัมพันธ์ก็ตาม ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะรักน้องมันอยู่ดี" ยอมรับว่าชอบดื้อรั้นและหัวแข็ง แต่ว่าเรื่องนี้ถอยไม่ได้จริงๆ ลองมารักมาชอบใครสักคนหนึ่งดูแล้วจะเข้าใจ ยิ่งเวลาหลายปีที่เฝ้ารอมามันยิ่งอยากจะทำให้ผมนั้นยิ่งอยากมีแนทอยู่ข้างกายทุกๆ วัน
"ตามใจ ยายก็ไม่ขัดหรอกนะ เด็กสมัยนี้มัันหัวดื้อจริงๆ" ยายยิ้มให้แล้วลุกขึ้นเดินไป
ส่วนผมก็กลับมานั่งเขี่ยข้าวตามเดิม หัวสมองพลันคิดไปต่างๆ นานา คิดไปถึงตอนนั้นผมไม่น่าหลวมตัวไปทำงานบ้าบอนี่กับพ่อเลย
ห้าโมงเย็น
ยืนรออยู่หน้าบ้านแนทมาหนึ่งชั่วโมงเศษๆ เนื่องจากเจ้าของบ้านหายไปไหนไม่รู้ป่านนี้ยังไม่กลับ ดีที่เจ้าก้อนกลมมันมานอนใช้เล็บขูดพื้นอยู่ข้างๆ
รู้สึกว่าเมื่อยขาเลยนั่งลงแล้วพูดกับแมว "ยัยเด็กไปไหนรู้เปล่า"
เมี้ยว ~
"ไม่รู้ใช่ปะละ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จีบสาวทั้งทีเบอร์โทรเธอ.ก็ไม่มี โง่เง่าชะมัดเลยกู"
เมี้ยว เมี้ยว ~
เหมือนก้อนกลมมันร้องซ้ำเติม
"แกรู้มั้ยว่าฉันน่ะรักยัยเด็กมาตั้งแต่เธออายุสิบสองเลยนะ ตอนนี้เธออายุสิบแปดแล้วก็รักมากกว่าเดิมไปอีก ทำยังไงถึงจะได้หัวใจมาครองนะ" นั่งระบายให้แมวฟังทำเหมือนมันรู้เรื่อง
เมี้ยว ~
แมวมันก็ทำได้แค่ร้องเมี้ยวเมี้ยวสินะ
พึ่บ!
จู่ๆ ก้อนกลมมันก็กระโดดขึ้นบนกำแพงและกระโดดไปต่อจนหยุดอยู่บนหลังคาบ้านแล้วนอนฟุบลง
ขนาดแมวยังไม่แยแสเลย โถ...ชีวิต
ขณะนั้นแนทก็มาพอดี ใบหน้าเธอดูสดใสขึ้นต่างจากเมื่อวาน แถมวันนี้ยังปล่อยผมยาวพลิ้วสลวยอีกด้วย ชุดนักเรียนที่สวมใส่ก็ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักเสียจริง
เหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคลั่งรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลยไอ้คิงเอ๊ย
"นั่งที่พื้นทำไมคะ" เอ่ยปากถามแล้วยืนหยุดตรงหน้า
"ก็ยืนรอมาชั่วโมงหนึ่งแล้วมันเมื่อยนี่"
"จะมารอแนททำไม"
"ก็บอกไปแล้วว่าจะมา"
"เหตุผลไม่มากพอเลย"
"รักไง มากพอยัง"
"บ้ารึเปล่าเนี่ย มาบอกรักแนททำไมเล่า" เหมือนเธอจะมีอาการเขินนิดๆ
"อาจจะบ้าก็ได้มั้ง คนดีๆ ที่ไหนจะมาคลั่งรักเด็กตอนที่เธออายุแค่สิบสอง"
"นั่นสินะ"
เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว!
ก้อนกลมร้องแทรกขึ้นทำให้ผมกับยัยเด็กเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมกันทันที ทว่าขาอ้วนๆ สองข้างของมันหย่อนลงมาส่วนขาหน้าเกาะกับกระเบื้องไว้เพื่อยึดไม่ให้ตัวเองตก
"ก้อนกลม!" แนทตะโกนเสียงดังอย่างตกใจพร้อมกับท่าทีร้อนรน "เกาะไว้ก่อนนะเดี๋ยวแนทจะช่วย" เธอจะปืนขึ้นกำแพงแต่ผมปรามไว้
"ไม่ต้อง เดี๋ยวก็ตกลงมาทั้งคนทั้งแมวหรอก เดี๋ยวพี่ช่วยมันเอง"
"เร็วๆ เลยพี่มันจะตกแล้ว!" เธอไม่ท้วงใดๆ กลับผลักตัวผมให้ไปช่วยแมวไวๆ
ก้อนกลมมันร้ายเหมือนกันนะ เป็นแมวที่ฉลาดพอสมควร มันไม่ได้จะตกหรอกน่า การแสดงล้วนๆ เพราะก่อนหน้ามันยังกระโดดขึ้นไปบนหลังคาแบบชิวๆ
ปืนกำแพงรั้วแล้วจัดการคว้าตัวแมวอ้วนมาอุ้มด้วยมือข้างหนึ่ง "แกจะทำให้ฉันดูเท่ที่ช่วยแมวเหมือนในหนังใช่รึเปล่า" พูดเบาๆ
เมี้ยว ~
และก้อนกลมมันก็ร้องตอบเหมือนรู้ว่าผมพูดอะไร
เมื่อลงมาถึงพื้นแนทก็รีบคว้าแมวไปอุ้มแล้วลูบหัวมัน "วันหลังอย่าขึ้นไปอีกนะก้อน"
เมี้ยว ~
"..." ผมยืนทำตาปริบๆ
โอ๋พี่คิงคนนี้บ้างก็ได้นะยัยเด็ก อิจฉาแมวว่ะ!!
"ขอบคุณนะคะพี่คิงที่ช่วยก้อนกลม" ไม่เพียงแต่เอ่ยคำขอบคุณ ใบหน้าสวยนั้นเต็มไปด้วยยิ้มที่ทิ่มแทงใจให้หลงรักหนักกว่าเดิม
"ครับผม" น้อมรับและยิ้มตอบกลับก่อนจะลูบหัวก้อนกลมมันเช่นกัน
"จริงๆ พี่จะมาบ้านนี้เมื่อไรก็ได้นะคะ เมื่อวานแนทแค่พูดแกล้งเล่นเฉยๆ"
"ขี้แกล้งตั้งแต่เมื่อไร"
"ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าพอเห็นหน้าพี่แล้วอยากจะแกล้ง"
"แกล้งได้ พี่ยอม" มองยัยเด็กด้วยสายตาลุ่มหลง ตอนนี้อะไรก็ยอมได้หมด
"จะยอมแนททุกเรื่องไม่ได้นะพี่" เธอพูดพลางไขกุญแจรั้วหน้าบ้านก่อนจะเปิดออก แล้วเดินนำเข้าไป คนตัวเล็กวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนแล้วพูดขึ้นต่อ "ถ้าอันไหนที่แนทพูดหรือว่าทำแล้วพี่คิงไม่สบายใจไม่โอเคก็ท้วงขึ้นมาแล้วติเตียนได้เลย"
"ไม่มีนะ ทุกอย่างที่เป็นเธอหรือเธอทำเธอพูดเธอจะอะไรก็แล้วแต่พี่โอเคหมด" รักหลงแล้วหนึ่ง อะไรก็ยอมจริงๆ
"เวอร์แล้ว ว่าแต่จะไม่เข้ามาเหรอคะ" แนทถามเพราะว่าผมยังคงยืนอยู่หน้าบ้าน
"ก็รอให้เจ้าของบ้านเขาชวนอะดิ" เดินเข้าไปแล้วนั่งลงที่โต๊ะ มือก็จับสำรวจของที่ยัยเด็กเพิ่งวางลง "ซื้ออะไรมาเหรอ?"
"ของที่จะใช้ทำกับข้าวค่ะ พรุ่งนี้วันพระแนทก็เลยจะทำกับข้าวเองแล้วไปใส่บาตรที่วัดน่ะ จะได้อุทิศส่วนบุญไปให้พ่อด้วย"
"พี่ไปด้วยได้มั้ย" ร้องขอแบบคนหน้าหนา
"พี่ตื่นไหวเหรอ"
"ไหวสิ ให้ไปด้วยได้มั้ยล่ะ"
"ถ้าอยากไปก็ไปได้ค่ะ"
"คนสวยใจดีจริงๆ" เอ่ยชมแล้วเท้าคางมองยัยเด็ก "ว่าแต่วันนี้ทำกับข้าวให้กินหน่อยได้มั้ย"
"เยอะไปแล้วค่าพี่" แนทพูดลากเสียงพร้อมกับปรายตามอง "ทำไมไม่ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยล่ะ"
รู้ว่าเป็นคำที่พูดเล่นๆ แต่ผมเอาจริง "ขอเวลาครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวพี่จะรีบไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านก่อน" น้ำเสียงและท่าทางของผมดูจริงจัง
"พอเลย ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามานั่งรอก่อนเดี๋ยวแนทจะทำอะไรให้กิน"
"เอาง่ายๆ นะ"
"ไข่เจียวง่ายสุดปะพี่ อิ่มท้องด้วย"
"ใช่ แต่ถ้ากินแล้วอิ่มท้องอิ่มอกอิ่มใจอิ่มไปทั้งตัวคงจะเป็นกินแนท"
นั่นแหละครับ พูดห่าอะไรของผมวะ!
เขินเลย ~
ยัยเด็กถึงกับหน้าแดงซ่านแล้วทำตัวไม่ถูก