DYNE ♡ CAKE
“เล่นแรงไปนะดายน์ รอบนี้โจอยู่ข้างเค้ก”
โจลี่ส่งสายตาตำหนิมาที่ผม
“มึงก็นะ... ”
ไอ้คิมแฟนของเธอก็เห็นด้วย
“มึงอะ ไหนบอกว่าเค้กเป็นคนเงียบ ๆ ไง ต่อยกูซะตั้งตัวไม่ทันเลย”
ไอ้ทอยก็โอดครวญพลางลูบหน้าของมัน เค้กต่อยมันจนปากช้ำ เพราะคำท้าทายของผม
ทำไมเธอถึงปล่อยให้ผมกอด?
ทำไมเธอถึงน่ารักกับผมถ้าผมไม่กระตุ้นการทะเลาะ
ทำไมเค้กต้องใจดีทั้งที่ทราบดีว่าผมใจร้าย ปากก็ร้ายด้วย
แม่ผมพูดอะไรกับเธอกันแน่?
เธอบอกว่าผมเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตเธอตอนนี้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาผมแย่เสมอไป
ผมแค่อยากแน่ใจอะไรบางอย่างเท่านั้น แต่ผมดันลืมนึกไปว่าเค้กอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้...
“แล้วจะไปไหนวะ กูโดนหมัดเนี่ย มาดูกูก๊อนนน”
ไอ้ทอยมันแหกปากไล่หลังมา แต่ช่างหัวมันเถอะครับ.....
รีบไปหาเค้กก่อน!
“เดี๋ยว... ”
ผมคว้าไหล่ของเธอไว้ ขณะที่เค้กกำลังยืนรอรถ แต่คงจะต้องยืนนานหน่อย แถวนี้ไม่ใช่ถนนใหญ่ ที่จะมีรถแบบนี้ขับผ่าน
“อย่ายุ่งกับฉันสักพักเถอะ”
เค้กดูหงุดหงิดกว่าที่เป็น ก็ใครจะคิดว่าเธอจะมีวิชาติดตัวถึงขนาดซัดหน้าไอ้ทอยได้
“กลับด้วยกัน”
ผมบอกดี ๆ ผมขี้หงุดหงิดก็จริง แต่ทุกสิ่งอย่างก็มาจากเธอทั้งนั้น
“จะเอาอะไรอีก”
เค้กหันหน้ามาเหวี่ยงใส่ผม เราต้องอยู่กันไปอีกนาน อย่างน้อยก็กว่าจะเรียนจบ แม่ผมบอกถ้าไม่ชอบห้ามทำอะไรที่เกินเลย แต่ถ้าชอบก็เข้าหาน้องดี ๆ
แม่ผมบอกว่าเค้กน่าสงสาร ซึ่งเรื่องนี้ผมก็อยากรู้แต่ไม่ถามเธอหรอก ผมชอบหาคำตอบเองมากกว่า
“จะเอาเธอไปขึ้นรถ”
ผมดึงตัวเค้กด้วยแรงที่มี แต่เหมือนเจ้าตัวจะขืนไว้มากอยู่ การดึงตัวเธอจึงค่อนข้างทุลักทุเล
“เค้ก อย่าขัด”
ผมบอกเบา ๆ เพราะเดิมทีก็ไม่ค่อยจะพูดเท่าไหร่ แต่ชอบกวนประสาทเค้กก็เท่านั้น
“วุ่นวายจริง ๆ”
เธอสะบัดตัวออกห่างจากผม แล้วเดินหุนหันไปทางที่โจลี่ยืนอยู่
เหมือนว่าเราจะไม่พูดให้เคลียร์เพื่อจะเข้าใจกัน
แล้วหลังจากวันนั้น เค้กก็ไม่พูดกับผมอีกเลย ถามอะไรก็เฉย พูดอะไรด้วยก็เงียบ
“มึงมองสามคนนั้นนานละนะ มีไรปะวะ”
เพื่อนผมถามขึ้น ผมเป็นคนเพื่อนเยอะ แต่ก็มีพวกเลอะเทอะเยอะมาก คนที่สนิทกันจริง ๆ ก็มีแค่โจลี่ ต่อมาก็แฟนของเธอ ส่วนคนที่ถาม สนิทเพราะเรียนด้วยกันแค่นั้น เรื่องส่วนตัวยังไม่ค่อยแชร์ให้ทราบเท่าไหร่
“. . . . .”
ผมยังเงียบ มองดูต่อไป
หลายวันมาแล้วที่โต๊ะกินข้าวไม่มีอะไรตั้งรอ ปกติเค้กจะซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้ บางครั้งเธอก็หยิบออกมาวางไว้ให้ผมทาน
เธอไม่ใช่สายแม่บ้านที่ทำกับข้าวเก่งทุกอย่าง แต่ยอมรับว่าเค้กทำความสะอาดเก่งมาก ห้องนั่งเล่นที่ผมชอบนั่ง ฝุ่นแทบไม่มีให้เห็น วันนั้นที่แอบเข้าห้องเธอ ทุกอย่างดูสะอาดจากการดูแลอย่างดี เค้กทำให้ผมอยากรู้อะไรในตัวเธอให้มากขึ้น จากที่เมื่อก่อน ผมไม่คิดจะสนใจเธอ ผมไม่เคยสนอะไรเลยต่างหาก
“กูได้ยินว่า คนผมน้ำตาลเป็นเลส”
คนนี้ร้ายสุดในบรรดาเราสามคน กินเงียบ ๆ แต่เรียบทุกราย พูดมากยามจะหว่านล้อมสาว ใบ้เป็นครั้งคราวเมื่อมันกำลังมองหาเหยื่อ
แต่ทำไมมันต้องพูดถึงเค้กเป็นครั้งที่สอง ครั้งก่อนผมนั่งเงียบ ส่วนครั้งนี้คงต้องเงียบอีก.....
“สนใจไงวะ คราวแล้วมึงก็มองนักหนา”
คนนี้ง่าย ๆ นิสัยเข้าได้กับทุกคน มันคือไอ้ ฟง
“สวยฉิบหาย ไม่ยิ้มยังสวยเลย”
ผมเห็นด้วยนะ ไม่ยิ้มยังน่ามองเลย ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ผมยังไม่เคยเห็นเค้กยิ้มสักครั้ง
มีแค่เฉพาะเวลาอยู่กับชมพูมั้ง เธอถึงจะยิ้ม...
“มึงไม่เอาเหรอคนนี้”
ไอ้คนที่สนอกสนใจเค้ก มันเอ่ยถามผม มันชื่อยิม
“คิดอยู่... ”
ผมตอบมันตรง ๆ คิดอยู่ คือคิดว่าจะทำยังไงให้เค้กคุยกับผม
“มึงก่อนละกัน เดี๋ยวกูค่อยกินทีหลัง”
ไอ้ยิมมันยิ้มมุมปาก สันดานพวกผมมันก็แบบนี้ กินได้แต่ไม่คิดจะกินซ้ำ ถ้ามีคนรักก็เลิกทำ แต่เมื่อยังไม่มีก็ไม่จำเป็นจะต้องปล่อยให้ตัวเองอดอยาก
แต่ไอ้ยิมมันคงไม่มีวันได้กินเค้กหรอก
ผมว่ายังไงก็ไม่ได้.....
ผมกดส่งข้อความไปหาเธอ เค้กกดอ่านแล้วมองมาทางนี้
รู้อยู่แล้วว่าพวกผมนั่งอยู่ตรงนี้สินะ....
“หึ... ”
เจ้าตัวไม่คิดจะตอบกลับมา แต่จ้องผมไม่วางตาเลยล่ะ
“มองมาทางนี้ว่ะ”
ไอ้ฟงมันเป็นคนตื่นตูม สายตาที่ไอ้ยิมมองเค้ก ผมรู้ ว่ามันจะเอาให้ได้ มันเป็นคนไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่าย ๆ และ ผมคิดว่า มันน่าจะรุกจีบเธอในอีกไม่นาน
“กูว่าคนนี้ยาก”
มันว่าออกมา พร้อมกับการจ้องมองจนผมเองยังนึกรำคาญ มองนาน มองจนไม่หลบสายตาไปไหน
“ใครจะปฏิเสธมึงวะยิม”
ไอ้ฟงสงสัย เพราะมันเป็นลูกเจ้าของสายการบิน ซึ่งมีเงินกว่าบ้านผมแน่นอน
แล้วมัน.. ก็นิยมใช้กลเงินไปผ้าก็ไป เผลอ ๆ ผู้หญิงเหล่านั้นทำเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
“คนนี้น่าจะคนแรก”
ทำไมคนที่ไม่สนใจใคร คนที่มีใครในหัวใจอยู่แล้ว ถึงได้มีแต่คนสนใจเธอ
ยัยนี่คงเป็นแม่มดจริง ๆ.....
“ทำไมมึงเลิกกับเจนวะ”
ข้อนี้ไม่มีใครสงสัยในตัวผม เพราะผมไม่ค่อยแชร์เรื่องส่วนตัวให้พวกมันฟัง ผมเลิกกับเจน ก็เพราะเธอบอกเลิก ผมไม่รั้งเพราะส่วนหนึ่งก็เป็นต้นเหตุทำให้เจนเขวไปรักคนอื่น
“ไม่ชอบกันแล้ว ก็เลิกกันดิ”
ผมตอบพวกมันไป ผมไม่รู้จะสามารถใช้คำว่ารักกับใครไหม ถ้ารู้สึกชอบก็ลองศึกษา ความรักหน้าตายังไง ผมไม่เคยเจอมันเลย
“งั้นมึงไปจีบคนนั้นเลย”
ไอ้ฟงยังไม่เลิกแล้วต่อเค้ก สเป็กพวกมันหรือไง ถึงได้ชอบมานั่งดูเธอตลอด
“ไม่จำเป็นต้องจีบ”
เพราะแค่เปิดประตูห้อง เราก็เห็นกันแล้ว จะจีบให้เสียเวลาทำไม
“งั้น... เห้ยไปไหนวะ”
ฟงถามยิม เมื่ออยู่ดี ๆ มันก็ลุกขึ้นเดินออกไป พอผมมองไปที่เค้กอีกครั้ง ก็เห็นว่าเธอเดินคุยโทรศัพท์ไปอีกทางนั่นเอง
ผมว่าแล้ว ไอ้นี่ไม่ยอมแพ้...
“อ้าว... ไอนี่ก็อีกคน”
ผมเดินตามยิมมา ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมก็ก้าวขาตามมันมาติด ๆ แล้ว ก็แค่อยากรู้ว่ายัยแม่มดนั่นจะมีท่าทางเหมือนตอนโดนไอ้ทอยแกล้งรึเปล่า
“ไอ้เหี้ยยิมแม่งเจ๋งสัส”
ฟงมันเอ่ยชม เพราะยิมมันทำให้เค้กหันกลับมาสนใจมันได้ โดยการทำเป็นเดินชนแรง ๆ นั่นเอง
มุกเห่ยชะมัด!
“ตาบอดยังรู้ว่าจงใจ เต็มแรงขนาดนั้น”
ผมพูดขึ้นมา ไอ้ฟงถึงกับถลึงตาใส่ เพราะมันคงเข้าใจที่ผมด่ามันว่าตาบอด
“กูเห็นนะ มึงชอบมองเขาละยิ้มคนเดียว”
ผมเงียบ เพราะผมไม่ยอมรับที่มันพูดเด็ดขาด
“มึงรู้จักเขา?”
มันเลิกคิ้วถาม ผมก็เลยเงียบตามฉบับของผม
“ไอ้สัส ถามอะไรก็เงียบ มีความรู้สึกบ้างไหมมึง เลิกกับแฟนก็เงียบ ทำอะไรก็เงียบ ตอนมึงซั่มสาวมึงคงงะ... เชี้ย”
“เงียบไปเลยนะมึง”
ผมตบปากมันแล้วสั่งให้หุบบ้าง พูดมากน่ารำคาญ
จุดสนใจของผม คือเค้กกับไอ้ยิม เธอยืนพูดกับมัน แต่ใบหน้านั้นโคตรจะนิ่ง
สักพักไอ้ยิมมันก็เดินยิ้มเข้ามา.....
“ได้เรื่องว่าไง”
ไอ้ฟงมันรีบร้อนถาม ส่วนผมก็ร้อนใจตาม โดยเก็บไว้ภายใต้ความนิ่งที่ผมเป็นอยู่
“จีบยาก กูชอบ”
มันกระตุกยิ้มใส่ผม เหมือนจะบอกเป็นนัย ๆ ว่ามันจะได้กินเธอก่อน
ไว้ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เถอะ
ไอ้เชี้ยยิม!
“สรุปให้กูเข้าใจ”
ไอ้ฟงยังคงซัก มันอยากรู้มันต้องได้รู้ เพราะมันแม่งขี้เสือก!
“กูจะเอาคนนี้”
มันยืนยันหนักแน่น ส่วนผมก็ใช้ความคิดไปในทันที
“กูอยากลองเลสเบี้ยนบ้าง ได้ยินมาว่า ลิ้นดี”
ไอ้ยิมมันหัวเราะเบา ๆ ซึ่งผมเดาว่าไม่น่าจะเป็นผลดีต่อเค้กเท่าไหร่ ต่อจากวันนี้ไป มันตามติดเค้กเป็นตังเมแน่ ๆ
“ไม่ใช่หรอกมั้ง ตอนรับน้องมึงจำไม่ได้เหรอ รุ่นพี่ให้พูดข่าวลือเกี่ยวกับตัวเราแต่ไม่ใช่เรื่องจริง คนนี้ตอบว่าไม่ได้เป็นนะ”
ฟงมันความจำดี หรือ มันแค่สนใจเธอเป็นพิเศษ เลยจำข้อนี้ได้ ขนาดผมยังพึ่งนึกออก
“มึงว่าไงดายน์ เซนส์มึงน่าจะดีกว่ากู”
ยิมหันมาถามความคิดเห็นจากผม ผมก็ไม่รู้จะตอบไงดี
“นี่ของนาย”
ผมหันกลับไปมองต้นเสียง มันคือเสียงที่ผมไม่ได้ยินคำด่าจากเธอหลายวันแล้วครับ
เค้กยื่นกระดาษหนึ่งใบคืนให้ไอ้ยิม
เธอมองผมแค่เสี้ยววิ คงเข้าใจไปแล้วว่าผมให้เพื่อนไปแกล้งอีกแน่ ๆ
แต่ก็เข้าใจไปเถอะ ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก อยากเข้าใจแบบไหนก็ตามใจเธอไป
“เผื่อสนใจ”
ไอ้ยิมมันใช้คำพูดกำกวม เนื้อใน ในกระดาษนั่นเขียนอะไรไว้วะ?
“ฉันไม่ชอบกินเค้ก”
เค้กเสียบไว้ที่กระเป๋ากางเกงของมัน เพราะไอ้ยิมไม่มีท่าทีจะยื่นมือไปรับจากเธอสักที
“ก็ชื่อเค้ก นึกว่าอยากกิน ขนาดฉันยังอยาก...เลย”
ผมมองดูด้วยความขุ่นเคืองนิด ๆ ทำไมเค้กต้องนิ่ง ทำไมไอ้ยิมมันรุกหนักกว่าสาวที่ผ่าน ๆ มา
เค้กจ้องหน้าไอ้ยิม สายตาไม่เป็นมิตรเลย เค้กทำเพียงมองนิ่ง มองจนผมหงุดหงิด
“มองอะไรมันนัก”
ผมถามเสียงเรียบ เธอเลยเบี่ยงสายตามาทางนี้ แต่พอมองผม สายตาเหมือนวันนั้นก็กลับคืนมา
วันที่เธอพูดว่า ผมเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตของเธอ
เธอกำลังเข้าใจผมผิดอยู่นะ ผมไม่ได้แกล้งเธอเลย
“หลายวันมานี้ ฉันนึกว่านายจะคิดได้”
ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นใส่ผม เธอควรถามผมสิ หรือรอให้ผมยอมรับเหมือนวันนั้น
“สนุกใช่ไหม ทำคนอื่นเสียใจ”
เค้กพ่นคำพูดออกมาอีก นัยน์ตาของเธอ มันมีความเศร้าแฝงอยู่
“ฉันไม่ได้ทำอะไร”
ผมบอกนิ่ง ๆ พอเอาเข้าจริง ปากที่ส่งเสียง กลับกรองคำพูดได้เพียงว่า ไม่ได้ทำอะไร
“บอกเพื่อนนายอย่ามายุ่งกับฉัน”
เค้กพูดแค่นั้นแล้วเดินจากไป เธอเสียใจที่คิดว่าผมแกล้ง หรือ เธอกำลังแสดงละครซ้อนกันอยู่
เห็นตั้งแต่คุยกับคนในสาย แววตาฉายความเศร้าตั้งแต่นั้น แต่ทำไมต้องพูดเหมือนเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง
ที่คิดเองเออเองว่าผมบงการ ทั้งที่ตัวการมันก็ไม่รู้เรื่องสถานะของเราสองคน
“มึงสนิทกับเค้ก?”
ตัวการที่เงียบไปนาน เอ่ยถาม
“ไม่หนิ”
ผมปฏิเสธเช่นเคย
“งั้นกูจีบ”
มันบอกอย่างหนักแน่น
“จีบติดกูดีใจด้วย”
แต่คงไม่มีวันนั้นหรอกมึง
“แล้วอย่ามาขอคืน เพราะกูเอาจริง”
“เรื่องของมึง”
แล้วก็ระวังตัวไว้เถอะมึง อันนี้ผมไม่พูด เพียงจ้องมันด้วยสายตานิ่ง ๆ
ผมไม่ได้อะไรหรอก แต่เค้กคงไม่เหมาะกับไอ้ยิม ส่วนเธอจะเหมาะกับใคร ผมก็ไม่รู้ความในใจของเค้กหรอก.....