7

1927 Words
DYNE ♡ CAKE แปลกใจกับพี่เฟิร์นไปแล้ว ยังต้องประหลาดใจอีกรอบ เพราะอยู่ดี ๆ ข้างกายฉันก็เป็นเธอที่เข้ามานั่งเรียนคลาสเดียวกัน “ก็ดร็อปไปหนึ่งปี เค้กจะตกใจทำไม” ไม่ตกใจได้ด้วยเหรอ ก็เป็นรุ่นพี่อยู่ดี ๆ มาวันนี้ ตีสนิทฉันท์เพื่อนซะงั้น เป็นใครก็ต้องงงไหมล่ะ? “พี่เฟิร์นดูแปลกนะคะ ปกติไม่มีใครอยากรู้จักพวกเรานะ” เอ้ชะโงกหน้ามาพูดบ้าง มันก็จริงเพราะเราไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร แต่ละวันมีแค่เอ้กับโอ๋ ฉันก็แทบจะพูดแทรกไม่ทันอยู่แล้ว “พอดีพี่เคยเจอเค้กน่ะ พี่ก็เลยอยากรู้จักกับเค้กให้มากกว่านี้ด้วย” เธอว่ายิ้ม ๆ ต่างจากฉันที่เริ่มปั้นหน้าไม่ถูก สองคนเอ้โอ๋ รับรู้ว่าฉันมีพันธะหัวใจ แค่ฉันไม่ขยายความในว่าอะไรกันแน่ ที่ผูกขาดตัวฉันอยู่ คนในหัวใจคือใครอีกคน ส่วนคนที่อยู่ด้วยกัน ผูกกันในฐานะคู่หมั้น ก็คือผู้ชายคนนั้น ที่ทั้งสองพึ่งพูดถึง... “งานกลุ่มอีกแล้ว อาจารย์เบื่อให้บ้างก็ได้น้าาา” เอ้คร่ำครวญ เมื่อคนที่กุมคะแนน งอกงานให้แบบไม่ต้องได้พัก “มึงต้องไปอ่อยเขา จะได้บอกให้เขาลดงานลง อาจารย์โสดไม่ซิง กูเสือกมาแล้ว” โอ๋ทำตากรุ้มกริ่ม ถึงจะดูเหมือนไม่ค่อยยุ่งกับใคร แต่ใจจริงคือรู้ทุกเรื่อง อาจารย์ก็ไม่เว้น “ไม่อะ.. ไม่ชอบคนแก่” เอ้เบ้ปากเสมือนว่าไม่ชอบจริงจัง “เขาพึ่งยี่สิบสี่” โอ๋ค้านทันควัน ถ้าอายุเท่านี้ ถือว่ายังไม่แก่หรอก พี่ต๊อบของชมพูสามสิบแล้วยังไม่เห็นจะแก่เลย “ที่จริงไม่ยากเลยนะ คำเฉลยอยู่ที่อาจารย์พูดนั่นแหละ ถ้าตั้งใจฟัง ไม่ยากแน่นอน” พี่เฟิร์นแสดงความคิดเห็น ซึ่งสิ่งที่เป็น คือโอ๋กับเอ้แอบหลับเกือบทั้งชั่วโมง ไม่งงจะไปไหนรอด..... “แหม... พี่เคยเรียนแล้วนี่นา ก็พูดได้สิคะ” เอ้ส่ายหน้ายิ้ม ๆ แต่พี่เฟิร์นดันมองมาที่ฉันทั้งที่ฉันนั่งเงียบ ๆ “ถ้าเค้กไม่เข้าใจ ถามพี่ก็ได้นะ” เธอยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะสะกดให้ฉันมอง “เค้กเข้าใจค่ะ” ฉันบอกปัด เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องมามีข้ออ้างในการถามต่ออีก ฉันรู้สึกแปลก ๆ กับเธอ เราเดินออกจากห้องมาด้วยกัน ฉันมีนัดกับพี่ทีมไปทานข้าวด้วยกัน เพราะตั้งแต่ที่ฉันเปิดเทอม การเจอกันกับพี่ชาย จึงเป็นอะไรที่หาเวลาไม่ค่อยได้ค่อยตรงกันเท่าไหร่เลย วันนี้จึงถือเป็นวันดี..... “เค้กไปไหนต่อเหรอ” พี่เฟิร์นเอ่ยถามฉัน “มีนัดค่ะ” ตอบไปแบบนั้น หวังว่าจะไม่เซ้าซี้ “ไปด้วยสิ” ผิดไปเลย ไม่เซ้าซี้แต่ขอไปด้วยเลยหนิ มันยังไง? “พี่ล้อเล่นจ้ะ ไว้เจอกันนะ เอ้โอ๋” เธอบอกลา พลางโบกมือลาสองสามที ฉันที่ไม่เข้าใจ ก็มองตามพี่เฟิร์นไปจนลับสายตา ทำไมต้องเข้าหาฉันด้วย ต้องการอะไรของเขา? ฉันเดินผ่านกลุ่มเพื่อนของดายน์ และ ได้รับสายตาเจ้าชู้กลับมา ส่วนเจ้าตัว เขาไม่แม้จะเห็นหัวฉันเลยด้วยซ้ำ โทรศัพท์ของฉันมีการสั่นเพื่อแจ้งเตือน ฉันจึงเคลื่อนสายตาก้มลงมามอง ?DYNE (แม่นัดกินข้าว ฉันไม่อยากไป) ฉันเงยมองเขา คราวนี้เขามองฉันนิ่ง ใจจริงก็ไม่ได้อยากไปเหมือนกัน ทางหลีกเลี่ยงของเราก็มีน้อย ทางออกคือโกหกให้เนียนที่สุด ฉัน:ฉันมีนัดแล้ว แต่พอพิมพ์ตอบกลับไป เขาดันขมวดคิ้วใส่ (ไปขึ้นรถ) นี่ออกคำสั่งถูกไหม ไหนว่ากลัวคนรู้ไงว่ารู้จักกัน แล้วที่ทำอยู่ มันคืออะไร? ฉัน:ฉันจะบอกคุณแม่เอง ท่านเชื่อฉันอยู่แล้ว ไม่อยากไปก็ไม่ไป ฉันจะได้ไปหาคนที่ฉันนัด (เหลือ 5 นาที) ละนั่นคือสิ้นสุดการคุยแชท มองไปอีกที ดายน์เดินล้วงกระเป๋าไปที่อาคารจอดรถแล้ว ฉันเห็นเพื่อนสองคนนั้นโห่ร้องตามหลัง แต่เขาก็ไม่สนใจ เดินไปหน้าตาเฉย แถมยังก้าวเท้าเหมือนรีบร้อนนักหนา “ชักช้า...” คนขับเปิดปากบ่น ทันที่ที่ก้นฉันพึ่งนั่งติดเบาะ “มาแล้วนี่ไง” ฉันว่าให้ พลางดึงเบลท์มารัดตัวเองให้เรียบร้อย เคยนั่งรถกับดายน์อยู่หนึ่งครั้ง หัวใจแทบวาย เพราะไม่รู้พ่อคุณจะรีบไปไหน “เธอนัดกับใคร” “ไม่บอก” “เค้ก... ” “ไปสิ รีบไม่ใช่หรือไง” เขาจิ๊ปากหนึ่งครั้ง ก่อนจะเหยียบคันเร่งเหมือนกลัวไม่ได้เหยียบ สิ่งที่ฉันทำได้ คือนั่งเงียบ ๆ รอเวลาว่าเมื่อไหร่จะถึงสถานที่นัดหมายของแม่ดายน์สักที “ทำหน้าให้มันดี ๆ” แม่ดายน์ตีขาลูกชาย พลางหยิกพุงเขาเหมือนเด็กน้อยห้าถึงสิบขวบ โดยไม่สนใจใบหน้านิ่งงันของผู้เป็นลูกสักนิด “ก็ไม่ได้อยากมา” เขาว่าออกมาพลางถอนหายใจพรืดใหญ่ ดายน์กลอกตามองรอบ ๆ ร้าน ส่วนฉันก็นั่งอีกฝั่งคงเพราะวันนี้ไม่ได้มีแค่เราสามคนที่จะมานั่งทานข้าวมื้อนี้ เพราะคุณแม่เลือกที่จะนั่งโต๊ะขนาดกว้าง “หนูเค้กสบายดีไหมลูก” “ค่ะ... ” “ลูก... หึ ทีลูกไม่เห็นจะพูดบ้าง” คุณแม่เอ่ยถามฉัน พอกำลังจะตอบท่าน ดายน์นั้นก็ขัดขึ้นอย่างคนเรียกร้องความสนใจ ทำตัวเหมือนแม่ไม่รัก ทั้งที่ท่านห่วงเขาจะตาย ถึงขั้นฝากคนอย่างฉันดูแล ไม่ห่วงเขาแล้วท่านจะห่วงใคร.... “ดายน์... ก็แม่รู้ว่าลูกสบายดีไง” คนหนึ่งง้อลูกชาย อีกคนทำหน้านิ่งราวไม่สนโลก ส่วนฉันก็เงียบเหมือนอยู่บนโลกนี้คนเดียว ดีจริง ๆ! “ชอบหนูเค้กขึ้นบ้างยัง” ท่านถามออกมาตรง ๆ ทำฉันงงไปในทันใด ไหนพูดกับฉันอีกอย่าง แล้วทำไมถึงถามดายน์แบบนี้ “ไม่ชอบ” เขาตอบ อะ... ฉันก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน! “ก็ตามใจ มีเวลาเหลือเฟือ” ท่านตบบ่าดายน์ ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ทำไมถึงได้บังคับแบบเนียน ๆ เปรียบคำพูดเหมือนดั่งว่า จะชอบหรือไม่ ก็ไปไหนไม่พ้นกันอยู่ดี ถ้าไม่คิดมากไป ความหมายของคุณแม่ น่าจะแบบนี้แน่เลย.... “หนูเค้กไม่ได้คุยกับคุณแม่บ้างเหรอจ๊ะ” ท่านหันมาถามฉันบ้าง ซึ่งแม่ของฉันไม่อยู่บ้าน ท่านไปติดต่องานที่ต่างประเทศ จึงไม่ได้โทรหากัน เพราะเวลามันคนละช่วง “ไม่ค่ะ แม่บอกว่ากลับมาแม่จะโทรหาเองค่ะ” “อ๋อจ้ะ... คงยุ่ง ๆ อะเนอะ” เหมือนท่านจะลืมตัว สีหน้าของท่านบ่งบอกว่าสิ่งที่ถาม คือออกมาจากจิตใต้สำนึกจริง ๆ ว่าแม่กับลูกจะไม่คุยกันหน่อยเหรอ “คุณแม่มีอะไรจะบอกเค้กไหมคะ” ฉันก็เลยเปิดประเด็นเลย เผื่อว่าท่านจะหลุดอะไรออกมาอีกระลอก “เปล่าจ้ะ วันนี้แม่แค่อยากทานข้าวกับลูกชายและลูกสะใภ้เฉย ๆ อาหารมาแล้วทานดีกว่านะจ๊ะ” คุณแม่ไม่ได้นัดหมายใคร เพียงแค่อยากทานกันโต๊ะใหญ่ ๆ เพื่ออะไรก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน พอทานเรียบร้อย ก็ถึงเวลาแยกย้าย ซึ่งดายน์นั้นขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แม่เขาเลยมีโอกาสอยู่กับเพียงลำพัง “ดายน์ทำอะไรหนูไหมลูก” คุณแม่จับมือฉันเบา ๆ ท่านบอกว่าถ้าดายน์ล่วงเกินโดยที่ฉันยังไม่รู้สึกอะไร ไม่ได้เต็มใจให้เขาทำ ให้บอกท่านทันที ท่านจะจัดการลูกชายตัวดีให้ แต่ความเป็นจริง คือวัน ๆ เราแทบไม่ได้เจอกันเลยด้วยซ้ำ เขาก็อยู่ของเขา ฉันก็อยู่ของฉัน เราคุยกันผ่านแชทเท่านั้น แต่เป็นการคุยกัน นัดกันโกหกท่านนั่นแหละ มากกว่า..... “ไม่ค่ะ ปกติดี” “โล่งไป... ถ้าหนูยังไม่เต็มใจ หนูโทรหาแม่ได้ตลอดนะจ๊ะ” ฉันยิ้มให้กับความน่ารักที่ท่านมีต่อฉัน แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าเราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าดายน์จะเข้าห้องฉันได้ หากล็อกดี ๆ หรือไม่ เขาต้องมีลายนิ้วมือของฉัน ถึงจะผ่านประตูนั้นได้ “หนูขอตัวนะคะ ถ้าดายน์มา หนูรอที่รถค่ะ” ฉันบอกอย่างเสียมารยาทนิด ๆ เพราะโนติบนหน้าจอมันสะกิดให้รีบดู เลยขอไปดูคนเดียวดีกว่า 3 Miss Call P TEENN... ?TEENN “ค่ะพี่ทีน” (อะไรกัน เบี้ยวนัดแล้วยังเมินเบอร์กันด้วยเหรอ น้อยใจอะไรพี่ปะเนี่ย) “เปล่าค่ะ พอดีแม่ดายน์นัดมาทานข้าว เค้กรีบจนลืมบอก ขอโทษค่ะคุณหมอ” (แล้วไป... ช่วงนี้พี่เข้าเวรหนัก ก็กลัวน้องรักจะเหงา เลยกะจะชวนมาทานข้าวซะหน่อย แล้วกับเขาเป็นยังไง ยังอยู่ครบใช่ไหม เค้กไม่อัดเขาใช่ไหมน่ะ) “ก็ถ้าเขายุ่งกับเค้ก ก็คงอัดแล้ว แต่นี่เรา... ก็เหมือนคนที่อยู่ด้วยกันแต่ไม่เห็นหัวกันมั้งคะ” “อยู่กับผัวยังกล้าบอกชู้แบบนั้นอีกนะ หัวไหนที่เธอยังไม่เห็น จะเรียกมันมาดูด้วยก็ได้ จะดูหัวไหนดีล่ะ” ฉันหันขวับไปมองด้านหลังทันที คนที่ก้มมาพูดใส่โทรศัพท์ยืนทำหน้าสะใจที่ได้ปั่นป่วนฉันอยู่ เสียนิสัย! (พูดจาไม่ดีเลยนะ พี่อยากเจอแล้วสิ ดูแลตัวเองนะเค้ก พี่เป็นห่วง) “ไว้เค้กจะโทรหาใหม่ค่ะ... ” ฉันกดวางสายพี่ชาย แล้วปรายตาไปค้อนใส่คนหยาบคาย ที่พูดจาหมาไม่รับปะทานอยู่ข้าง ๆ แอบฟังยังไม่พอ มาต่อคำพูดที่มันไม่น่าฟังไปอีก จากแค่ไม่ชอบจะกลายเป็นเกลียดปากเขาแล้วนะ “ถ้าไม่มีคำพูดดี ๆ ก็ไม่ต้องพล่าม” ฉันตำหนิดายน์ไปเร็วรี่ ส่วนหน้าเขาตอนนี้ มันได้ใจที่คิดได้ว่าสร้างความร้าวฉานให้ฉันสำเร็จ “ไหนว่าชอบผู้หญิง ที่แท้ได้หมดหนิ ลองกันไหมเผื่อเปลี่ยนใจมาเป็นผู้หญิงแบบเต็มตัว” ฉันอยากจะตบปากเขานัก ไม่รู้หรือไง ว่าคำพูดเขาไม่ได้น่าฟังเลย “นายไม่ใช่หนึ่งในคนที่ฉันอยากลองหรอก หน้าอย่างนี้ ฉันไม่เอา” แน่นอนว่าฉันพูดออกไปเพราะโมโห ไม่ได้คิดจะต่อความยาวอะไร เพียงหมั่นไส้ท่าทางที่เขาแสดงความมั่นอกมั่นใจก็เท่านั้น นั่นยิ่งทำให้ดายน์เริ่มหัวร้อน! “เค้ก.... ” เพราะหลังจากที่เขาเรียกชื่อฉัน เขาก็จ้องหน้าฉัน เหมือนจะฆ่าฉันให้ได้ “จะโกรธทำไม ทำเหมือนอยากอยู่ในตัวเลือกของฉันเลยนะดายน์.... ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD